เป็นหนี้บัตรเครดิต ปลดหนี้ด้วยรีไฟแนนซ์กันดีกว่า!

เป็นหนี้บัตรเครดิต ปลดหนี้ด้วยรีไฟแนนซ์กันดีกว่า!

เห้อ…หนี้เยอะผ่อนก็เยอะ จะรีไฟแนนซ์ยังไงดีน้าาา???

“โอ้ย!!! ทำไงดี อยากปลดหนี้ หนี้บัตรเครดิตบานไปหมด จะจ่ายยังไงดีเนี่ยยยย แค่นี้ก็เดือนชนเดือนแล้ว!!!!” หากใครที่มีความรู้สึกแบบนี้ แน่นอนทุกคนย่อมมีเรื่องการ “รีไฟแนนซ์” ขึ้นมาในหัวแน่นอน

การรีไฟแนนซ์ คืออะไร?

ถ้าเอาง่ายๆ ก็คือ การกู้หนี้ก้อนใหม่ มาโปะหนี้ก่อนเก่า แต่มีค่างวดที่จ่ายถูกลง!!! ง่ายใช่ม๊า….

ซึ่งปกติค่างวดที่จ่ายก็จะประกอบด้วย ดอกเบี้ย และ เงินต้นที่ ที่เจ้าหนี้เสนอมาให้เราตอนเราไปกู้ยืม

ปลดหนี้ด้วยรีไฟแนนซ์กันดีกว่า!
รูป ปลดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์

แล้วการรีไฟแนนซ์แบบไหนหล่ะถึงจะดี??? 
นั่นแน่!!! ถ้าอยากรู้เรามาดูกัน

  1. ดอกเบี้ยของวงเงินกู้ใหม่ ควรต่ำกว่าเดิม
    ยิ่งต่ำเท่าไหร่ยิ่งดี ซึ่งในมุมมองแอดควรจะลดลงครึ่งหนึ่ง เช่นจากดอกเบี้ย 18% เหลือ ซัก 9% แบบนี้ เฉียบ!!!
  2. ผ่อนต่อเดือนลดลง
    เอ้า!!! แล้วดอกเบี้ยลดลงมันก็ผ่อนต่อเดือนน้อยลงอยู่แล้วสิ???
    หุหุหุ…มันก็ไม่เสมอไป หากเจ้าหนี้เขาต้องการ ”เงินต้นคืน” ที่เร็วขึ้น ซึ่งเขาก็จะมีวิธีตามที่แอดเคยประสบมามาคือ
  • เปลี่ยนสัดส่วนดอกและต้น เช่น ผ่อนต่อเดือน 5,000 ดอกเบี้ย 10% ก็จะเป็นดอกเบี้ย 500 บาท แต่ ที่เหลือคือเงินต้นที่ต้องจ่าย เพื่อจะผ่อนหนี้หมดไวขึ้น
  • บีบ ระยะงวดที่ผ่อนให้สั้นขึ้น จาก 24 เดือน เป็น 12 เดือน!!! ถ้าเจอแบบนี้ สมมติจากปกติผ่อน 2,500 ถูกบีบเป็น 5,000 เป็นต้น
  • ยืดระยะผ่อนชำระ ข้อนี้จะตรงข้ามกับการบีบ เราคงจะเคยเห็นเมื่อวันที่เราผ่อนค่างวดไม่ไหวแล้วธนาคารพูดถึงเรื่อง “ปรับโครงสร้างหนี้” ใช่หรือไม่???

นั่นหล่ะครับ เขายืดระยะเวลาผ่อนให้เรา แต่ไม่ยืดเปล่าๆหรอกครับ เพราะสัดส่วน ค่างวดที่ผ่อน เมื่อแยกมาจากเดิม 5,000 บาท เป็น ดอกเบี้ย 500 บาท เงินต้น 4,500 บาท ก็อาจจะ ผ่อนน้อยลงก็ได้ เช่นเหลือ 3,500 บาท แต่เป็น ดอกเบี้ย 1,500 บาท เป็นผ่อนเงินต้น 2,000 บาท

ที่นี้เราคงจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าเป็นหนี้แล้วมันรู้สึกยังไง T^T แล้วทำไม? เขาถึงยังให้เราเป็นหนี้กันหล่ะ แถมวงเงินก็สูงมากซะด้วย!!!

หึหึหึ…รู้หรือไม่ว่าวงเงินปกติที่เขาให้มา ก็มาจากเงินเดือน หรือรายได้ประจำของเราไง!!! ซึ่งวงเงินปกติก็ประมาณ 5 เท่าของเงินเดือน แล้วใครว่า ที่หนี้มาก่อนแล้วหรือไม่ หรือเคยมีการเบี้ยวหนี้หรือเปล่า หรือที่เรียกว่า “เครดิต” ไงหล่ะ

อย่าลืมนะครับ…ดอกเบี้ยทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายเจ้าหนี้ เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือแบงค์พาณิชย์ นั่นคือรายได้ของบริษัทเขา ซึ่งไม่น่าแปลกหรอกครับทำไมใน 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทบัตรเครดิต ทั้งรายได้และกำไรเติบโตตลอด 10 ปี แถมราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตามนับ 1000%!!!

….เอาหล่ะหมดเวลานอกเรื่อง….

แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการรีไฟแนนซ์ เราต้องเข้าใจก่อนว่า มันไม่ใช่ “การแก้หนี้” แต่เป็นการเพิ่ม “สภาพคล่องทางการเงิน” ต่างหาก

ปลดหนี้ด้วยรีไฟแนนซ์กันดีกว่า!
รูป ปลดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์

แล้วเราจะทำยังไงกันดี???
ปัญหามันอีรุงตุงนังไปหมด???

เรื่องนี้ การเขียนลิสต์รายการ และ รายละเอียดการผ่อนจ่าย ช่วยคุณได้ แค่คิดหรือพูดลอยๆ มันไม่ช่วยหรอก!!! เผลอๆจะฟุ้งซ่านคิดไม่ตกอีกต่างหาก

ที่นี้การเราจะเริ่มวางที่จะแก้หนี้ เราควรลิสต์รายการยังไงบ้าง???

เอาหล่ะเรื่องนี้…แอดมีคำตอบ เด๋วจะเล่าให้ฟัง!!!

  1. ลิสต์รายการหนี้ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง เอาให้ครบทุกยอดค้างชำระ ทั้งในระบบ และนอกระบบ
  2. เปอร์เซ็นต์ (%) ของดอกเบี้ยแต่ละรายการเท่าไหร่ เขียนออกมาให้หมด
รายการหนี้ หนี้คงค้าง อัตราดอกเบี้ย ผ่อนขั้นต่ำ
หนี้บัตรใบที่ 1 60,000 18% ต่อปี 6,000
หนี้บัตรใบที่ 2 90,000 18% ต่อปี 9,000
กู้นอกระบบ 70,000 24% ต่อปี 3,000
รวม 220,000 18,000
  1. ค่าผ่อนขั้นต่ำแต่ละรายการเท่าไหร่ ลิสต์ออกมาให้หมดใส้หมดพุงเช่นกัน

เช่นยกตัวอย่างเคสประมาณนี้ (แอดสุ่มตัวเลขขึ้นมา แต่ละคนจะใช้ยังไง ตามสบายเลยจ้า…)

หากเราโชคดี ไปเจอคนที่ให้วงเงินกู้ให้มา 220,000 บาท ค่าผ่อนต่อเดือน 8,000 ต่อเดือน มาหล่ะ…

เอ้า!!! ก็แน่นอน ก็ต้องเอาไปปิดให้หมดเลยสิครับจะรออะไร!!!

แต่…ชีวิตจริงมันไม่ใช่แบบนั้นซะที่ไหนเล่า!!!!!!!?

เช่น กรณีเคสนี้ วงเงินกู้ใหม่ มา 100,000 บาท ดอกเบี้ย 12% ต่อปี ผ่อนต่อเดือน 5,000 บาท จะโปะยังไงดีไหนดี????

บางคนคงเคยได้ยิน

“โปะก้อนที่ดอกเบี้ยมากสุดสิ จะเสียดอกเยอะๆทำไม”

ซึ่งก็มีส่วนถูกนะครับเมื่อก่อนแอดก็คิดแบบนั้น แต่ประเด็นของเราคือ “สภาพคล่อง” เพราะฉะนั้น ค่าผ่อนขั้นต่ำจึงเป็นเรื่อง “สำคัญที่สุด”

กรณีเคสนี้จะเป็นยังไง หากมีการรีไฟแนนซ์เกิดขึ้น เรามาดูกัน…

รายการหนี้ หนี้คงค้าง อัตราดอกเบี้ย ผ่อนขั้นต่ำ
หนี้บัตรใบที่ 1 50,000 18% ต่อปี 5,250
กู้นอกระบบ 70,000 24% ต่อปี 3,000
วงเงินกู้ใหม่ 100,000 12% ต่อปี 5000
รวม 220,000 13,250

เห็นอะไรใช่มั้ยหล่ะครับ หนี้เท่าเดิม แต่…ผ่อนขั้นต่ำลดลงทันที!!!

โดยกรณีนี้แอดเลือกโปะยอดที่ “ผ่อนขั้นต่ำ” มากที่สุดก่อน

คือ “หนี้บัตรใบที่ 2” 90,000 บาท อีกที่เหลือ 10,000 บาท แอดก็เลือกเอาโปะ “หนี้บัตรใบที่ 1”

ที่นี้เห็นอะไรมั้ยครับ

จากผ่อนต่อเดือน 18,000 กลายเป็น 13,250 เท่ากับว่า หนี้เท่าเดิมแต่ผ่อนน้อยลงเฉยเลยตั้ง 4,750 บาท หรือลดลงตั้ง 26.4% !!!

แต่เดี๋ยวก่อน!!! มันก็มีคนจำนวนไม่น้อยเมื่อภาระการผ่อนเบาลง แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ยังมือเติบเหมือนเดิม

“โอ้ ชั้นมีเงินเหลือตั้ง 4,000 กว่า เอาไปใช้อะไรดีน้า? ใช้บัตรรูดต่อก็ได้ยังไงก็มีช่องว่างให้รูดเพิ่มต่อ…“

เอ้า!!! แบบนี้มันก็คงไม่จบใช่มั้ยหล่ะครับ

ก็อย่างที่แอดเน้นย้ำ “การรีไฟแนนซ์” ไม่ใช่การแก้หนี้ แต่เป็นการเพิ่ม “สภาพคล่อง” ทางการเงินของเราเอง ให้เรามี “ภาระผ่อน” ลดลง เท่านั้น!!! ไม่ได้แก้ปัญหา “หนี้” แต่อย่างใด…

แต่ยังไงก็ถาม หนี้ก้อนเดิม เราเองอย่าถือคติ ไม่มี ไม่หนีไม่จ่าย!! เพราะการการรีไฟแนนซ์การคุยกับเจ้าหนี้ก็คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ต้องทำเช่นกัน!!!

แต่สุดท้าย สิ่งสำคัญในเรื่องของหนี้ ไม่ใช่ เอา “เงิน” มาแก้ปัญหา แต่ควรเอาความรู้ทางการเงินมาแก้ปัญหา

ปลดหนี้ด้วยรีไฟแนนซ์กันดีกว่า!
รูป ปลดหนี้บัตรเครดิต รีไฟแนนซ์

ซึ่งสิ่งสำคัญที่เราควรดูจริงๆ มี 3 ข้อ คือ

  1. ลดค่าผ่อนได้แล้วก็จริง…เราผ่อนไหวมั้ย??? – ถ้าค่างวดที่ลดลงผ่อนไหวก็ เฉียบ!!! แต่ถ้าไม่…ควรเริ่มคิดเรื่องการหารายได้เพิ่มแล้วหล่ะครับ
  2. อย่าอยู่เฉย – มีคนจำนวนไม่น้อยเลยครับ ที่เคยมาปรึกษาแอดแล้ว ได้วิธีแก้ไปเสร็จสับ แต่!!! อยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้ปัญหายังเหมือนเดิม แล้วก็มาถามใหม่ว่าแก้ยังไง?
    โอ่ยยย…เจอแบบนี้ไปก็ต้องยอมให้เป็นไปตามวิถีชีวิตของเขาแล้วหล่ะครับ เราแก้ตัวเราได้ แต่บังคับคนอื่นให้แก้ไม่ได้หรอก
  3. เปลี่ยนนิสัยการสร้างหนี้เพิ่ม – ข้อนี้สำคัญที่สุด และเป็นปัญหายอดฮิตเลยครับ เพราะบางคนเมื่อภาระผ่อนลดลง ชิลลลล… “เราสบายแล้ว เอาเงินที่ลดได้ ไปซื้ออย่างอื่นต่อดีกว่า”
    อันนี้ว่าหนักแล้ว แต่บางคนหนักกว่า…คือไปกู้ก้อนใหม่มาเพราะชินกับการผ่อน คิดว่า “ไหวน่า…ผ่อนหนักกว่านี้ก็ทำมาแล้ว…แค่นี้เอง” แล้วภาระการผ่อนมากกว่าเดิม กลายเป็นจากดีขึ้นเป็นแย่ลง

ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรื่องของ “วินัย” ครับ วินัยทางการเงินของเราเองเท่านั้นที่จะแก้ได้และเป็นการแก้ระยะยาวด้วย เพราะมันเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ที่ปลายเหตุอย่างเรื่อง “รีไฟแนนซ์” เนี่ยแหละครับ

เห็นมั้ยหล่ะครับว่าปัญหาการเงินมันถูกแก้ได้หากเรามีสติ และวางแผนให้ดี แค่ A4 1 ใบ ตั้งสติแล้วเขียนปัญหาออกมาเราก็พอจะเห็นทางออกแล้ว

การ “รีไฟแนนซ์” เป็นแค่ทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญมันไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะต้นตอปัญหาจริงๆมันมาจาก “วินัยการการเงินของเรา!!!” จุดนี้แหละ ถึงจะเรียกว่า “เป็นการแก้หนี้ที่แท้ true!!!”

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , , , , ,