ประกันรถยนต์ คืออะไร มีกี่ประเภท วิธีเลือกประกัน [คู่มือฉบับสมบูรณ์]

ประกันรถยนต์ คืออะไร มีกี่ประเภท วิธีเลือกประกัน [คู่มือฉบับสมบูรณ์]

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ครอบครองรถยนต์ ขับรถยนต์เป็นประจำ สงสัยว่าทำไมต้องต่อประกันรถยนต์ทุกปี วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ประกันรถยนต์ กันให้มากขึ้นกว่านี้กันดีกว่า

ประกันรถยนต์คืออะไร

ประกันรถยนต์คือประกันที่คุณซื้อเอาไว้เพื่อคุ้มครองรถยนต์ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไฟไหม้ หรือสูญหาย นอกจากคุ้มครองตัวรถยนต์แล้ว ยังคุ้มครองการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้ขับขี่ และยังครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีด้วย ส่วนจะคุ้มครองมากขึ้นแค่ไหน จ่ายมากเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันรถยนต์ที่คุณเลือกด้วย ยิ่งทุนประกันสูง ความคุ้มครองก็ยิ่งสูงตามไปด้วย

ทำไมต้องทำประกันรถยนต์

คงไม่ต้องบอกว่ารถยนต์กลายเป็นสิ่งจำเป็นมาก คุณต้องใช้งานแทบทุกวัน ยิ่งใช้รถมาก ยิ่งมีรถมาก ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ที่สำคัญเลยก็คืออุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าต้นเหตุจะมาจากคุณหรือคนอื่นก็ตาม เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือค่าซ่อมรถหรือค่ารักษาพยาบาลซึ่งมักเป็นตัวเลขไม่ใช่น้อย ๆ อาจเริ่มตั้งแต่หลักพันไปจนถึงแสนหรือล้านเลยก็ได้ แต่หากคุณมีประกันรถยนต์ติดไว้ ทางบริษัทประกันก็จะช่วยจ่ายค่าซ่อมหรือค่ารักษาพยาบาลตรงนี้แทนคุณ ซึ่งถ้าเทียบกับการจ่ายเบี้ยประกันหลักพันหลักหมื่นก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท

ประกันรถยนต์มีทั้งหมด 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 แต่ยังแยกย่อยลงมาอีกโดยการเพิ่มความคุ้มครองพิเศษแล้วเติมคำว่า บวก หรือ Plus (+) เข้าไป เมื่อรวมประกันรถยนต์ทั้งหมด ทั้งแบบหลักและแยกย่อยแล้วก็จะมี 5 ประเภท คือ

  • ประกันชั้น 1

หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถของคุณและคู่กรณี รวมถึงดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษา ตามวงเงินที่คุ้มครอง ส่วนมากรับทำเฉพาะรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี

  • ประกันชั้น 2

ความคุ้มครองเหมือนกับ ชั้น 2+ ทุกประการ ยกเว้นความคุ้มครองรถที่เอาประกันหรือก็คือรถของคุณ คุณต้องจ่ายเงินซ่อมเอง

  • ประกันชั้น 2+

ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด ประกันจะคุ้มครองคู่กรณี ทั้งบาดเจ็บและซ่อมรถ ส่วนตัวคุณและรถ ประกันก็ยังดูแล แต่อยู่ในวงเงินตามทุนประกันเท่านั้น และต้องเป็นอุบัติเหตุกับพาหนะทางบกด้วยกันเท่านั้น เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หากขับไปชนต้นไม้หรือไถลตกคลอง ประกันไม่จ่าย นอกจากนี้ยังเพิ่มความคุ้มครองรถหายและไฟไหม้เข้ามาด้วย

  • ประกันชั้น 3

แผนประกันนี้มีความคุ้มครองน้อยที่สุด เพราะคุ้มครองเฉพาะการบาดเจ็บ เสียชีวิตของคุณและคู่กรณี และจะซ่อมรถของคู่กรณีเท่านั้น

  • ประกันชั้น 3+

คุ้มครองเฉพาะการบาดเจ็บ เสียชีวิตของคุณและคู่กรณี รวมไปถึงซ่อมรถให้คู่กรณีด้วย ส่วนสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือความคุ้มครองรถของคุณ ประกันจะจ่ายให้ตามทุนประกันซึ่งมักไม่สูงนัก แต่ไม่คุ้มครองหายหรือไฟไหม้

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของประกันรถยนต์แต่ละประเภท

ตารางประกันรถยนต์ ชั้นต่างๆ

ซ่อมห้างหรือซ่อมอู่คืออะไร

คำว่า ‘ซ่อมห้าง’ กับ ‘ซ่อมอู่’ อาจจะเป็นคำที่ได้ยินกันบ่อย ๆ แต่รู้มั้ยว่ามันมีความหมายอย่างไร

  • ซ่อมห้าง คือการซ่อมรถยที่ศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อที่คุณใช้ มีบริการและการซ่อมที่เป็นมาตรฐานสูงตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดไว้ ดังนั้นค่าบริการและค่าซ่อมจึงค่อนข้างสูง ค่าเบี้ยประกันรถยนต์จึงสูงตามไปด้วย แต่หากแลกกับมาตรฐานการซ่อมและช่างผู้ชำนาญและผ่านการรับรองจากศูนย์บริการแล้วก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว
  • ซ่อมอู่ คือการนำรถยนต์เข้ารับบริการที่อู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไป ไม่ใช่ศูนย์ซ่อมของรถยนต์ยี่ห้อนั้น ๆ หากคุณเลือกซื้อประกันที่ซ่อมกับอู่ ค่าเบี้ยจะถูกกว่าซ่อมห้างอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากนั้นจะมีคำศัพท์ใหม่เพิ่มเข้ามาอีกคือ ‘อู่ในเครือ’ และ ‘อู่นอก’ ซึ่งคุณจะได้ยินเมื่อเกิดอุบัติเหตุและต้องการนำเข้าซ่อม สำหรับ ‘อู่ในเครือ’ คืออู่ที่ทำสัญญาไว้กับบริษัทประกันโดยตรง คุณสามารถนำรถเข้าซ่อมโดยไม่ต้องจ่ายเงิน หากว่าค่าซ่อมไม่เกินทุนประกัน

แต่หากคุณมีอู่ซ่อมรถที่ไว้ใจแต่ไม่เป็นอู่ในเครือ คุณก็สามารถนำไปซ่อมได้ เพียงว่าคุณแต่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อนแล้วค่อยไปทำเรื่องเบิกเงินคืนทีหลัง ซึ่งกรณีนี้เรียกว่าซ่อมกับอู่นอก

ค่าเอ็กเซฟ (Excess) คืออะไร ทำไมต้องเสีย

ค่าเอ็กเซฟ (Excess) หรือค่าเสียหายส่วนแรก เป็นค่าใช้จ่ายที่บริษัทจะเรียกเก็บหากว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่สามารถหาตัวคู่กรณีได้ เพราะประกันจะไม่สามารถไล่เบี้ยคู่กรณีเพื่อมาชดใช้ความเสียหายให้คุณได้ เว้นแต่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรุนแรงอย่างรถชนหรือรถคว่ำ โดยค่าเสียหายส่วนแรกมักจะอยู่ที่ 1,000 บาทต่อหนึ่งรอยแผล ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขประกัน

หากว่ารถคุณโดนมอไซค์เฉี่ยวกระจกรถไป หรือมีใครแอบมาขูดสีรถ แต่คุณไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดหรือตามตัวมารับผิดชอบได้ คุณก็ต้องเสียค่าเอ็กเซฟเมื่อทำการเคลมประกันนำรถเข้าซ่อม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกันด้วยเช่นกัน บางบริษัทอาจยกเว้นส่วนนี้ ไม่เรียกเก็บก็ได้ ดังนั้นทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน

ค่าเอ็กเซฟถูกกำหนดขึ้นเพื่อผู้ใช้รถยนต์ขับขี่ด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ใช่ว่ามีประกันแล้วจะขับขี่โดยไม่สนใจความปลอดภัยของคนรอบข้าง นอกจากนี้ยังลดการเคลมประกันที่ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุจริง ๆ อีกด้วย

ทุนประกันคืออะไร

ทุนประกันคือมูลค่าความคุ้มครองหรือวงเงินที่ประกันจะจ่ายให้สูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยคิดเป็นมูลค่ารวมต่อปี เช่น ทุนประกันซ่อมรถ 100,000 บาท หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทประกันจ่ายค่าซ่อมให้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินตรงนี้จะต่างกันไป ทั้งในส่วนของค่าซ่อมรถยนต์และค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ

ทุนประกันยิ่งสูง ค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายก็สูงตามไปด้วย ส่วนมากทุนประกันรถยนต์ป้ายแดงใหม่เอี่ยมคิดที่ 80% ของราคารถยนต์ และจะลดลงปีละ 10% หรือตามราคากลางของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากว่าคุณต้องระบุยี่ห้อ รุ่น และปีจดทะเบียนรถยนต์ก่อน ทางบริษัทจึงจะแจ้งค่าเบี้ยประกันให้คุณทราบ

หากคุณต้องการเพิ่มทุนประกันก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแจ้งบริษัทประกันให้ช่วยคิดเบี้ยใหม่อีกครั้ง แต่อย่าลืมว่ายิ่งทุนประกันสูง เบี้ยก็จะสูงตามไปด้วย

เลือกประกันประเภทไหนให้เหมาะกับคุณ

หากถามว่าคุณจะเลือกประกันประเภทไหนดี เราคงตอบแทนคุณไม่ได้แน่ ๆ เพราะแต่ละคนก็มีเงื่อนไขหรือไลฟ์สไตล์ต่างกัน แต่เราแนะนำคุณได้ว่าควรนำสิ่งใดบ้างมาพิจารณา เพื่อให้ได้ประกันรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้รถ ซึ่งสิ่งที่ควรนำมาพิจารณามีดังต่อไปนี้

กลุ่มคนที่ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1

  • ใช้รถบ่อย ๆ หรือเป็นประจำทุกวัน
  • การใช้รถต่อวัน ใช้ทั้งวัน ใช้รถในการทำงาน
  • เดินทางต่างจังหวัดบ่อย ๆ
  • ประสบการณ์ขับรถยังไม่มาก เพิ่งขับรถได้ไม่นาน
  • รถอายุไม่เกิน 7 ปี

กลุ่มคนที่ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือ 2+

  • กลุ่มคนที่มีเงื่อนไขคล้าย ๆ กับผู้ที่ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่ต้องการประหยัดเงินค่าประกัน เพราะเบี้ยถูกกว่า แต่ทุนประกันก็จะน้อยกว่า
  • รถราคาไม่สูงนัก
  • ยังต้องการความคุ้มครองรถหายและไฟไหม้

กลุ่มคนที่ควรเลือกประกันรถยนต์ชั้น 3 หรือ 3+

  • ใช้รถน้อย จอดมากกว่าใช้
  • ขับในเมืองมากกว่าออกต่างจังหวัด
  • ประสบการณ์การขับรถสูง เกิดอุบัติเหตุน้อย
  • รถราคาไม่สูงนัก
  • ยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่า
  • ต้องการประหยัด

นอกจากต้องเลือกประเภทประกันภัยแล้ว คุณยังต้องเลือกบริษัทประกันภัยอีกด้วย บางบริษัทจะมีความคุ้มครองพิเศษ เงื่อนไขที่ดีกว่า รวมถึงส่วนลด หรือบริการพิเศษเพิ่มเข้ามาเพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อ และที่สำคัญ อย่าลืมเปรียบเทียบค่าเบี้ยประกันกับทุนประกันด้วยว่าคุ้มค่า สมน้ำสมเนื้อกันหรือไม่

ส่วนข้อมูลในลิ้งค์ด้านล่างนี้คือแผนประกันรถยนต์จากบริษัทประกันภัยต่าง ๆ ที่มีแผนประกันให้เลือกหลายแผน ครอบคลุมไฟล์สไตล์การใช้รถที่ต่างกัน และยังซื้อได้ง่ายมาก ๆ เพราะส่วนมากจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์และชำระผ่านบัตรเครติดได้ และบางบริษัทยังผ่อน 0% ได้ 3 – 10 เดือนอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมข้อมูลรถยนต์และลักษณะการใช้งานรถยนต์ของคุณให้ดี แล้วไปค้นหาประกัน

9 ประกันรถยนต์ ที่ไหนดี ในปี 2563 | แต่ละชั้นคุ้มครองอะไรบ้าง?

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , ,