ADVERTISEMENT
ทองคำเป็นการลงทุนที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชอบ เครื่องประดับและวัตถุทองคำในประเทศไทยมักมีตราประทับ โดยทั่วไปคือ “96.5%” ซึ่งหมายถึงความบริสุทธิ์ของทองคำ ซึ่งจะเท่ากับประมาณ 23 กะรัต อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญเมื่อได้เข้ามาในตลาดทองคำก็คือต้องแน่ใจว่าคุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีที่เอาทองปลอมมาหลอกขายคุณ ในบทความความนี้จึงจะขออธิบายวิธีทดสอบหรือสังเหตุ เพื่อตรวจสอบว่าทองคำของคุณเป็นของแท้หรือไม่
การตรวจสอบด้วยการสังเกตุ
ตราประทับ
ในประเทศไทย ทองคำแท้ควรมีตราประทับซึ่งเป็นการตีตราของร้านขายทอง และมีเครื่องหมายแสดงความบริสุทธิ์ของทองคู่กัน โดยทั่วไปทองคำไทยมีความบริสุทธิ์ 96.5% เทียบเท่ากับ 23 กะรัต เครื่องหมายเหล่านี้มักมีขนาดเล็กและอาจต้องใช้แว่นขยายเพื่ออ่าน อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าเครื่องหมายเหล่านี้สามารถปลอมแปลงขึ้นมาหรือเลียนแบบได้ ให้สังเกตุขอบหรือความชัดเจนของตราประทับ
สี
ทองคำแท้มีสีเหลืองอบอุ่นที่แตกต่าง ทองคำไทยที่มีความบริสุทธิ์สูงจะออกสีเหลืองอมแดงที่เข้มข้น ทองปลอมอาจมีสีที่หมองหรือซีดจางไปตามกาลเวลา แต่ทองคำแท้จะไม่เป็นเช่นนั้น และแน่นอนทองคำจะไม่มีขุยตามข้อ ตามรอย ตามขอบใดๆ ซึ่งหากมีให้สงสัยว่าเป็นทองที่ชุบมารึเปล่า
น้ำหนัก
ทองคำเป็นโลหะที่มีความหนาแน่นสูง ดังนั้นควรรู้สึกหนักตามขนาดของมัน หากรู้สึกว่าทองนั้นเบากว่าที่ควรจะเป็น อาจทำจากโลหะอื่น
ทองคำ | น้ำหนัก |
ทองครึ่งสลึง | 1.89 – 1.9 กรัม |
ทอง 1 สลึง | 3.79 – 3.8 กรัม |
ทอง 2 สลึง | 7.58 – 7.6 กรัม |
ทอง 3 สลึง | 11.37 – 11.4 กรัม |
ทอง 1 บาท | 15.16 – 15.2 กรัม |
ทอง 2 บาท | 30.32 – 30.4 กรัม |
ทดสอบด้วยแม่เหล็ก
ทองคำแท้ไม่ใช่แม่เหล็ก ถ้าใช้แม่เหล็กแรงสูงดูดทองได้ แสดงว่าน่ามีของที่เป็นโลหะผสมอยู่หรือ อาจจะเป็นของปลอมทั้งหมด
ความอ่อนตัวของทองคำ
อีกหนึ่งวิธีในการทดสอบทองคำ คือทดสอบความอ่อนตัว เราสามารถใช้เล็บจิกลงไปในทองคำได้ เนื่องจากทองคำมีความอ่อนตัว แต่ผลที่ตามมาก็คือทองคำจะเสียรูป ดังนั้นหากใครไม่ต้องการให้ทองคำเสียรูป สามารถใช้วิธีอื่นก็ได้
การทดสอบขั้นพื้นฐาน
ทดสอบกับกระเบื้องเซรามิก
คุณจะต้องใช้เซรามิกไม่เคลือบ เช่น ด้านหลังของกระเบื้องห้องน้ำ ถูทองคำกับกระเบื้องเซรามิก ถ้ามันออกริ้วดำ แสดงว่าไม่ใช่ทอง ทองควรทิ้งริ้วทอง
ทดสอบด้วยกรดไนตริก
วิธีต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ให้เราหยดกรดไนตริก2-3 หยดลงบนทองคำ ถ้าเป็นทองแท้จะไม่ปฎิกิริยาตอบสนอง แต่หากจุดที่หยดลงไปนั้นเปลี่ยนเป็นสีเขียว แสดงว่าไม่ใช่ทองแท้ (ให้ใช้ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกสุดท้ายในการทดสอบทองแท้)
การทดสอบขั้นสูง
ทดสอบความหนาแน่น
ความหนาแน่นของทองคือ 19.32 g/cm^3 คุณสามารถกำหนดความหนาแน่นของสิ่งของได้โดยการหารมวลด้วยปริมาตร อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี้ต้องใช้เครื่องชั่งที่แม่นยำและอาจไม่เหมาะกับเครื่องประดับที่ประณีต
การทดสอบอัลตราโซนิก
ทองคำนำทางคลื่นเสียงได้เร็วกว่าโลหะส่วนใหญ่ เครื่องวัดความหนาอัลตราโซนิกสามารถช่วยคุณทำการทดสอบนี้ได้ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงตามมา
การประเมินอย่างมืออาชีพ
หากมีข้อสงสัย ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ นักอัญมณีที่มีชื่อเสียงหรือร้านค้าทองคำส่วนมากสามารถทดสอบทองคำของคุณได้อย่างแม่นยำโดยใช้วิธีการขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ด้วยรังสีเอ็กซ์เรย์ (XRF)
ทำความเข้าใจมาตรฐานทองคำไทย
ทองคำไทยส่วนใหญ่มีความบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 23 กะรัต มาตรฐานนี้สูงกว่าประเทศในแถบยุโรปหลายๆ ประเทศ ทองคำไทยยังมีสีเหลืองอมแดงที่เด่นชัดเนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูง นอกจากนี้ เมื่อซื้อทองคำในประเทศไทย โดยทั่วไปจะขายตามน้ำหนัก (บาท หน่วยวัดทองของไทย เพื่อไม่ให้สับสนกับสกุลเงิน) ทอง 1 บาท = 15.16 กรัม
แหล่งซื้อทองแท้
เมื่อซื้อทองคำ สิ่งสำคัญคือต้องซื้อจากตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าที่มีชื่อเสียง ร้านทองของไทยมีมากมายโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ในพื้นที่อย่าง เยาวราช ราคาทองคำมักจะโชว์ให้เห็นจากหน้าต่างร้านค้า หรือป้ายหน้าร้าน ราคาจะถูกอัพเดททุกวันตามราคาทองคำทั่วโลก
การหลอกให้ซื้อทองคำปลอม นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรจะต้องระมัดระวังทุกครั้งที่ทำการซื้อ ให้เอ๊ะเสมอ หากข้อตกลงฟังดูดีเกินจริง และควรนำวิธีด้านบนบางข้อไปใช้จนเป็นนิสัยเมื่อซื้อทอง
สุดท้าย การรับใบเสร็จทุกการซื้อก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งควรรวมถึงน้ำหนัก ราคาทอง ณ วันที่ซื้อ จำนวนเงินที่ต้องจ่าย และรายละเอียดร้านค้า
แม้ว่าขั้นตอนการตรวจทองคำแท้จะมีรายละเอียด ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และความคุ้นเคย แต่การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยปกป้องเงินที่ออกจากกระเป๋าของคุณไปซื้อทองได้อย่างแน่นอน โปรดจำไว้เสมอว่าเมื่อมีข้อสงสัย ให้ใจเย็น ไม่ต้องรีบซื้อ ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อรับประกันความถูกต้องว่าได้ทองคำแท้จริงๆ