Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

คำว่า คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คงกลายเป็นคำคุ้นหูของใครหลายคนแล้ว และบางคนก็เริ่มลงทุนเทรดคริปโตสร้างกำไรกันบ้างแล้ว แต่วันนี้ Huapood.com จะมาพูดถึงการทำกำไรแบบใหม่ในโลก Cryptocurrency ที่ให้ผลตอบแทนมากถึง 20% และนั่นคือ Yield Farming

แต่ก่อนจะไปรู้จักกับการทำ Yield Farming เพื่อน ๆ ต้องเข้าใจภาพรวมของ DeFi กันเสียก่อน

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?
ภาพประกอบ freepik.com

DeFi คืออะไร

ปกติแล้วการทำธุรกรรมทางการเงินจะต้องมีตัวกลางในการดำเนินงาน อย่างเช่น สถาบันการเงินหรือธนาคารที่คอยเก็บข้อมูล ดูแลความปลอดภัย อำนาจทั้งหมดจะอยู่ที่ตัวกลางเหล่านี้

แต่ DeFi คือสิ่งที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง เพราะอำนาจการควบคุมจะถูกกระจายไปยังผู้ใช้งานทุกคนโดยผ่านการใช้เทคโนโลยีอย่างบล็อกเชน (Blockchain) ที่จะกระจายข้อมูลต่าง ๆ ไปยังคอมพิวเตอร์ของคนทั่วไปที่เข้าร่วมระบบนี้ ทำให้ถูกปลอมแปลงยากมาก ประกอบการใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ในการทำธุรกรรมและบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ตามโค้ดคำสั่งที่เขียนขึ้นมา ระบบทั้งหมดจึงเป็นแบบอัตโนมัติ เพียงคุณมีกระเป๋าหรือ Private Key เท่านั้นก็สามารถทำธุรกรรมกับคนอื่นได้ 

สรุปแล้ว DeFi ก็คือธนาคารในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีตัวกลางในการดูแลและจัดการเรื่องเงิน เพราะอำนาจนั้นได้ถูกกระจายออกไปยังบุคคลทั่วไปแล้ว เป็นธนาคารที่สร้างขึ้นมาบนระบบ Blockchain อีกทีหนึ่ง แล้วจากนั้น Platform ต่าง ๆ ก็จะเปิดบริการทำธุุรกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบ DeFi ที่ว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการฝากถอน เทรด โอน หรือแม้แต่การกู้ยืมคริปโต 

ซึ่งการกู้ยืมที่ว่านี้ก็กลายมาเป็นการทำ Yield Farming อีกหนึ่งช่องทางทำกำไรจากคริปโตแบบ Passive Income ไม่ต้องลุ้นราคาขึ้นลงของตลาด แค่ฝากก็สามารถทำกำไรได้แล้ว 

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?
ภาพประกอบ freepik.com

Yield Farming คืออะไร?

Yield Farming ก็คล้ายกับการฝากเงินกินดอกเบี้ยธนาคาร เพียงแต่เปลี่ยนจากเงินสด เป็นเหรียญคริปโต ฝากเข้าระบบ DeFi และรอรับผลตอบแทนเป็นเหรียญคริปโตหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แทน

อธิบายง่าย ๆ ว่า เราเอานำเหรียญคริปโตที่มีไปใส่ใน DeFi Platform (หรือ Exchange) แล้วจากนั้น DeFi Platform ก็จะทำไปให้ลูกค้าซื้อ แลก หรือนำไปให้กู้ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับระบบ และช่วยให้ลูกค้าสามารถ Match Order ที่ต้องการได้ไวขึ้น 

แล้วหลังจากนั้น DeFi Platform ก็นำรายได้หรือผลกำไรกลับมาตอบแทนให้กับเราผู้ที่ฝากเหรียญเข้าไปนั่นเอง DeFi Platform ก็ได้เหรียญไปเสริมสภาพคล่อง ส่วนเราได้กำไร win-win กันทั้ง 2 ฝ่าย และทั้งหมดที่พูดมานี้ทำผ่านระบบอัตโนมัติได้เองตลอดเวลา ไม่ต้องผ่านคนกลาง ไม่ต้องมีคนคอยดูแลหรือจัดการ

ดังนั้นจึงสามารถแบ่งผลตอบแทนได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะแทบไม่ต้องแบ่งใคร มีตั้งแต่ 10-20% หรือพุ่งไปถึง 30-70% เลยด้วย แต่แน่นอนว่ามันก็มีความเสี่ยงเช่นกัน  

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?
ภาพประกอบ freepik.com

ข้อควรรู้และทำความเข้าใจก่อนเริ่มฟาร์ม

ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง การลงทุนแบบ Yield Farming ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นก็ต้องมีสิ่งที่นักลงทุนควรระวังด้วยเช่นกัน 

  • ตรวจสอบควาามน่าเชื่อถือของ DeFi Platform เช็กให้ดีว่าเป็น Scammer หรือไม่ เปิดมานานหรือยัง เพราะเคยมีกรณีที่ DeFi Platform ปิดตัวหนีไปเสียดื้อ ๆ ทำให้นักลงทุนไม่สามารถเอาเงินคืนได้   
  • โค้ดของ DeFi Platform ต้องผ่านการตรวจสอ (Audit) แล้ว ไม่ควรแก้ไขภายหลังได้ ไม่เช่นนั้นอาจถูก DeFi Platform นั้น ๆ แก้โค้ดใหม่ ไม่ให้คุณสามารถถอนเงินได้ 
  • ระยะเวลา จำนวนเหรียญขั้นต่ำ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในการลงทุน เพื่อเปรียบเทียบผลตอบและความคุ้มค่า บางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมสูงหรือต้องทิ้งคริปโตไว้นานเกินจนไม่คุ้มกับกำไรที่ทำได้หากเทียบกับการไปลงทุนที่อื่น 
  • ทำความเข้าใจเรื่องความผันผวนของราคา หากราคาลงอาจทำกำไรได้น้อยลง เพราะตลาดคริปโตขึ้นลงเร็วมาก ชนิดที่มีโอกาสสูงกว่า 50% เลยทีเดียว ดังนั้นโอกาสที่จะขาดทุนได้ง่าย ๆ ก็สูงมากเช่นกัน
  • ระวังโดนหลอกจากแชร์ลูกโซ่ เพราะตลาดคริปโตเริ่มเป็นที่รู้จักว่าสามารถให้ผลตอบแทนสูง (แน่นอนว่าขาดทุนสูงด้วยเช่นกัน) อาจมีมิจฉาชีพนำจุดเด่นส่วนนี้ไปหลอกหลวงได้ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจให้ดีก่อนจะเทเงินลงทุนลงไป 

สิ่งที่ต้องมีก่อนทำ Yield Farming

  1. แอพ Exchange หรือแอพที่ใช้ซื้อขายคริปโต เช่น Binance
  2. Digital Wallet เช่น SafePal Wallet, Metamask หรือ Trust Wallet 
  3. แอพ DeFi Platform สำหรับทำ Yield Farming
Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?
ภาพประกอบ freepik.com

ทำ Yield Farming ที่ไหนได้บ้าง

เอาละ หลายคนคงอยากทำ Yield Farming แล้ว แต่จะทำที่ไหนได้บ้าง วันนี้ Huapood.com ก็รวบรวมมาให้เลือกถึง 5 แห่งด้วยกัน 

#1
Pancakeswap

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

Pancakeswap ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ทำ Yield Farming บนเครือข่าย Binance Smart Chain เพราะสะดวก ใช้งานง่าย และค่าธรรมเนียมต่ำ

#2
Venus

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

Venus อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของ Binance ทำงานผ่าน Binance Smart Chain ดังนั้นราคาค่าธรรมเนียมจึงถูกมาก ทั้งยังทำธุรกรรมได้หลายอย่าง ทั้งกู้ยืมคริปโต ทำ Yield Farming และ Staking  

#3
PancakeBunny

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

PancakeBunny ทำงานบน Binance Smart Chain ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะใช้งานง่าย ค่าธรรมเนียมไม่แพง เหมาะกับนักลงทุนที่มีทุนไม่สูง แถมยังมีระบบ  Auto Compounding หรือการนำผลตอบแทนไปลงทุนให้ต่อแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องยุ่งยากนำไปลงทุนเองอีกรอบ  

#4
Uniswap

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

Uniswap ทำงานบน Ethereum Blockchain คิดค่าธรรมเนียมเพียง 0.3% โดยต้องจ่ายเป็นเหรียญ ETH ความปลอดภัยสูง เพราะยังไม่เคยถูกแฮ็กมาก่อน  

#5
Balancer

Yield Farming คืออะไร ฟาร์มที่ไหนได้บ้าง ?

จุดเด่นของ Balncer คือสามารถกำหนดอัตราส่วนของคู่เหรียญได้ ต่างจากที่อื่นซึ่งกำหนดคู่เหรียญอยู่ที่ 50:50 เท่านั้น และผลตอบแทนเฉลี่ยแล้วค่อนข้างสูง แต่ข้อเสียก็คือค่าธรรมเนียมที่แพงกว่า และ Smart Contract ก็ซับซ้อนกว่าด้วย

อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง โดยเฉพาะการลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้ ดังนั้นเพื่อน ๆ ควรศึกษาเรื่องตลาดคริปโตให้เข้าใจก่อนจะลงทุนด้วยเงินจริง เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรให้มากกว่าเดิม 

ภาพปก freepik.com

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , ,