ADVERTISEMENT
ปัจจุบันการหารายได้ผ่านระบบออนไลน์ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อินเตอร์เน็ต ก็สามารถทำเงินได้ทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งหนึ่งในช่องทางที่น่าจับตามองและได้รับความนิยมมาก ก็คือการเทรด Cryptocurrency หรือการเทรดสกุลเงินดิจิทัลนั่นเอง ซึ่งสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินสมมุติที่มีไว้สำหรับทำธุรกรรมเสมือนจริง จะนำมาใช้ซื้อสินค้าและบริการทั่วไปเหมือนสกุลเงินอื่นๆไม่ได้ แต่ข้อดีคือสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพราะตลาดหุ้นไม่ได้มีเวลาเปิด-ปิดทำการเหมือนสกุลเงินธรรมดา ซึ่งวันนี้เราจะขอมาแนะนำโบรกเกอร์เทรดคริปโตที่น่าสนใจกัน!
สกุลเงินดิจิทัลที่สามารถเทรดได้แบบถูกกฎหมาย
- Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่คนรู้จักดีและเลือกเทรดเป็นอันดับหนึ่ง มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด เป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุลแรก ทำงานด้วยระบบ Blockchain ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2552 โดยโปรแกรมเมอร์ชาวญี่ปุ่น
- Bitcoin Cash เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ทีมพัฒนาสร้างแยกออกมาจาก Bitcoin เพื่อลดค่าโอนแต่เพิ่มความรวดเร็วในการโอน
- Ethereum สร้างขึ้นโดย Vitalik Buterin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงมาก ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และมีบริษัท/องค์กรชั้นนำกว่าร้อยแห่งมาร่วมมือกันพัฒนา
- Ethereum Classic เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างแยกออกมาจาก Ethereum เนื่องจากมีปัญหาการถูกแฮ็คระบบที่ทีมงานคุยกันไม่ลงตัว
- Litecoin ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2554 โดยอดีตวิศวกรของ Google ชื่อ Charlie Lee สกุลเงินนี้สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมาก
- Ripple ทำงานด้วยระบบ Private Blockchain เป็นที่ยอมรับของบริษัทและสถาบันทางการเงินหลายแห่งทั่วโลก จุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศได้
- Stellar ถูกพัฒนาแยกออกมาจาก Ripple อีกที ล่าสุดมีบริษัทด้านเทคโนโลยีอย่าง IBM ร่วมมือพัฒนาระบบด้วยกัน
#1
Binance
หากความรวดเร็วคือสิ่งที่ท่านกำลังมองหา ในชั่วโมงนี้คงไม่มีผู้ให้บริการเจ้าไหนสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ดีเท่ากับ Binance อีกแล้ว เพราะด้วยแพลตฟอร์มซึ่งออกแบบมาให้มีความพิเศษแบบ P2P (Peer to Peer) ของ Binance ที่มีศักยภาพสูงและสอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันแบบเสี้ยววินาทีโดยไม่ต้องกังวลว่าระบบจะล่มนี้ ทำให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัล กับ Local Currency ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่มีคาดเคลื่อนแม้แต่จุดเดียวนั่นเอง
จุดเด่น
- ไม่มีค่าธรรมเนียม
- สามารถฝาก-ถอนเงิน ได้กว่า 150 รูปแบบ
- ทำรายการฝาก-ถอน ได้รวดเร็ว
- มีระบบป้องกันความเสี่ยงทางการเงินอันเนื่องมาจากการคุกคามของเหล่าแฮกเกอร์ได้เป็นอย่างดี
- มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ จึงมีความน่าเชื่อถือสูง
- มีโปรโมชั่นมากมายให้สมาชิกได้ลุ้นรางวัล
#2
Bitkub
ปิดท้ายด้วยโบรกเกอร์สัญชาติไทยที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากสามารถรองรับการเทรด Cryptocurrency รูปแบบต่าง ๆ ด้วยอัตราค่าแลกเปลี่ยนที่เป็นเงินบาทได้ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องแปลงค่าเงินกลับไปกลับมาให้เสียเวลาและส่วนต่าง อีกทั้งยังมีบริการหลังการขายยอดเยี่ยม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ตลอด 24 ชั่วโมง
จุดเด่น
- มีบริการเทรดหลากหลายตอบสนองทุกความต้องการของนักลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่สกุลเงินดิจิทัล
- ใช้งานง่าย สามารถเข้าถึงได้ทุกอุปกรณ์
- สามารถเทรดโดยใช้อัตราเงินบาทได้
- การฝากถอนเงินมีความรวดเร็ว
- มีกิจกรรมพิเศษให้ลูกค้าเข้าร่วมบ่อยๆ
- มีการแจ้งเตือนผ่าน LINE
#3
Zipmex
Zipmex โบรกเกอร์ กระดานเทรดคริปโตจากประเทศสิงค์โปรและไทยที่ได้รับใบอนุญาติจาก ก.ล.ต. ประเทศไทย เปิดโอกาสให้คนไทยสามารถซื้อ-ขายคริปโตด้วยเงินบาท สภาพคล่องถือว่าค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันมูลค่าการเทรดบนแพลตฟอร์มนั้นสูงกว่า 2 พันล้านบาทเลยทีเดียว
จุดเด่น
- การมีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมายหลายรูปแบบ อาทิ Bitcoin, Dash, Litecoin, Ethereum Ripple Chainlink Enjin Coin และ Tether เป็นต้น
- มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทำให้มีความน่าเชื่อถือ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย
- สามารถทำการเทรดได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- มีกฎหมายคุ้มครองและรับรองจาก Thai SEC
- มีบริการหลังบ้านเป็นรายบุคคล สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
#4
Exness
บริษัทรับเทรดยักษ์ใหญ่ซึ่งเปิดให้บริการมากกว่า 70 ประเทศ และ 30 ภาษา ทั่วโลก ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักเทรดสกุลเงินดิจิทัลชาวไทย เพราะไม่มีกำหนดเงินฝากขั้นต่ำ สามารถฝากถอนผ่านระบบธนาคารไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีบัญชีให้เลือกเปิดหลายแบบ ไม่มีค่าธรรมเนียมสลับคู่สกุลเงิน นอกจากนี้ยังสามารถถามข้อสงสัยกับพนักงานคนไทยผ่านระบบบริการลูกค้าได้ตลอดทั้งวัน
จุดเด่น
- การมีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมายหลายรูปแบบ อาทิ Bitcoin, Bitcoin Cash, Litecoin, Ethereum และ Ripple
- มีคู่สกุลมากมาย เช่น Bitcoin-USD, Litecoin-USD, Bitcoin-South Korean Won
- มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายทำให้มีความน่าเชื่อถือ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝาก-ถอน
- เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนชาวไทย
#5
XM
อีกหนึ่งโบรกเกอร์ยอดนิยมของคนไทยซึ่งเปิดให้บริการมามากกว่า 15 ปีที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจาก XM ถือเป็นผู้ประกอบการผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการตลาดหลักทรัพย์มาอย่างยาวนาน จึงทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนนั้นพุ่งสูงตามชั่วโมงบินของนักบริษัท จากการสำรวจล่าสุดพบว่ามีผู้ใช้บริการ XM ในการเทรดสูงถึง 1.5 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว
จุดเด่น
- สามารถฝากเงินขั้นต่ำเพียง 150 บาทเท่านั้น
- สามารถฝากถอนผ่านระบบธนาคารไทยได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- สามารถเปิดบัญชีได้ทั้งแบบ Micro,Standard,XM Swap Free และ XM Ultra Low
- มีบริการหลังการขายแบบ Live Chat สำหรับลูกค้าชายไทยตลอด 24 ชั่วโมง
- มีคู่สกุลการเทรดที่ได้รับความนิยมลำดับต้น ๆ ของโลก เช่น Bitcoin-USD, Bitcoin Cash-USD, Ethereum-USD, Litecoin-USD และ Ripple-USD
#6
MiTrade
เป็นโบรกเกอร์สัญชาติออสเตรเลียที่ให้บริการเทรดหลายอย่าง ทั้งสกุลเงินดิจิทัล ดัชนี ฯลฯ ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรด Bitcoin ชาวไทยมาก เนื่องจากระบบมีความรวดเร็ว ไม่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น อีกทั้งยังมีสเปรดที่ค่อนข้างต่ำอีกด้วย ในส่วนของนักเทรดมือใหม่ก็สบายใจได้ เพราะโบรกเกอร์นี้มีบัญชีทดลองให้ใช้งาน ซึ่งบัญชีเหล่านี้จะมีจำนวนเงินสมมุติให้ เป็นเงินที่ไม่สามารถถอนกำไรออกมาได้ แต่มีไว้เพื่อให้ฝึกฝนกลยุทธ์ในการเทรดเท่านั้น เมื่อลองหัดเทรดกับบัญชีทดลองจนเริ่มมีความมั่นใจแล้ว ก็ค่อยขยับไปเปิดบัญชีจริงและฝากเงินจริง
จุดเด่น
- การมีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมายหลายรูปแบบ อาทิ Bitcoin , Litecoin, Ethereum และ Ripple เป็นต้น
- มีเครื่องมือจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันการผันผวนของค่าเงิน เช่น Stop Loss ไว้บริการ
- มีการแจ้งเตือนสถานการณ์การเทรดแบบเรียลไทม์ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือ SMS
- มีฝ่ายบริการลูกค้าไว้บริการนักลงทุนตลอด 24 ชั่วโมง
- มีโปรแกรมจำลองการเทรดไว้ให้ลูกค้าได้ฝึกฝนในวงเงิน 15,000 บาท
#7
Bitfinex
โบรกเกอร์สัญชาติฮ่องกง ที่เทรดได้ทั้ง Bitcoin, Bitcoin Cash, Litecoin ฯลฯ สามารถเทรดได้ทั้งบนระบบมือถือระบบแอนดรอยด์/iOS และคอมพิวเตอร์ นอกจากBitfinex จะมีบริการรับเทรดแล้วยังมีบริการให้ลูกค้ายืมเงินเทรดหรือที่เรียกว่าเลเวอเรจได้อีกด้วย อย่างไรก็ดีข้อเสียของค่ายนี้คือไม่รองรับการใช้งานภาษาไทยและไม่มีระบบถามตอบสำหรับลูกค้า
จุดเด่น
- มีความคลาดเคลื่อนระหว่างราคา(Slippages) ต่ำ
- นักลงทุนสามารถใช้เลเวอเรจในการเทรดได้ถึง 10 เท่าของเงินลงทุน
- สามารถซื้อขายได้หลายบิล
- ลูกค้าสามารถดูการผันผวนของตลาดแบบเรียลไทม์โดยไม่จำเป็นต้องฝากเงินหรือลงทุนได้
#8
Poloniex
โบรกเกอร์สัญชาติอเมริกัน เทรดได้ทั้ง Bitcoin, Litecoin, Ripple ฯลฯ มีให้เลือกเทรดมากมายกว่า 100 คู่ ถือเป็นสุดยอดผู้นำด้านการแลกเปลี่ยนในตลาดเงินดิจิทัลอย่างแท้จริง เรียกได้ว่ามีครบจบในทุกสิ่งที่นักเทรดตัวจริงมองหา อีกทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานก็เรียบง่ายสบายตา จะใช้งานผ่านจอคอมพิวเตอร์ก็ดีหรือเครื่องมือสื่อสารก็ได้ อย่างไรก็ดี Poloniex ก็มีข้อเสียอยู่หลายประการตรงที่ ไม่รองรับสกุลเงินไทยและไม่มีเมนูภาษาไทยให้ใช้งาน อีกทั้งยังไม่มีระบบถามตอบข้อสงสัยคอยให้บริการอีกด้วย
จุดเด่น
- มีค่าธรรมเนียมการฝากเงินเริ่มต้นเพียง 0.09%
- สำหรับลูกค้าวีไอพีจะมีส่วนลดหรือละเว้นค่าธรรมเนียมให้
- สามารถเทรดได้บนมือถือ/แท็บเล็ตระบบแอนดรอยด์/iOS และคอมพิวเตอร์
#9
Bittrex
Bittrex ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2014 โดยนักพัฒนาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ส่งผลให้บริษัทนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก และถือเป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการด้านการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลระดับโลกในยุคบุกเบิกอีกด้วย
จุดเด่น
- เทรดเป็นคู่สกุลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะ USD-Bitcoin, USD-Litecoin ฯลฯ
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงินจะแตกต่างกันไปตามสกุลเงิน
- เป็นโบรกเกอร์ที่แนะนำสำหรับมือใหม่ เพราะใช้งานไม่ยุ่งยาก
- มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีมาก
#10
OKEX
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ครบเครื่องเรื่องการลงทุนด้านสกุลเงินดิจิทัลอย่างแท้จริง สำหรับ OKEX เพราะด้วยฟังก์ชั่นการเทรดอันหลากหลาย อยากจะเทรดแบบเฉพาะจุดก็ดีอนุพันธ์ก็ได้ อีกทั้งยังมีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมายกว่า 50 ประเภท
จุดเด่น
- เทรดได้หลายสกุลเงิน ไม่ว่าจะ Bitcoin, Ethereum, Bitcoin Cash ฯลฯ
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงินจะแตกต่างกันตามประเภทบัญชีผู้ใช้งาน
- มีบริการให้ยืมเลเวอเรจได้
- มีเมนูภาษาไทย ระบบรองรับเฉพาะสกุลเงินดิจิทัล
เคล็ดลับการเลือกโบรกเกอร์ให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง
- สำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่ยังไม่มั่นใจจริงๆ ให้เลือกโบรกเกอร์ที่เงินฝากขั้นต้นต่ำๆ (ไม่ควรเกินหลักสิบ) ไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากถอน มีเมนูภาษาไทย และมีบริการสอบถามกับเจ้าหน้าที่คนไทยไว้ก่อน(แนะนำว่าให้เป็นระบบสอบถามแบบ Live Chat เผื่อว่ามีปัญหาอะไรจะได้แก้ทันการ) หากมีประกันเงินฝากได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องกังวลกรณีที่เทรดแล้วเสีย หรือมีข้อสงสัยแล้วไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร
- เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ หรือที่มีเสียงยืนยันความพึงพอใจจากนักเทรดในวงกว้าง โดยสามารถตรวจสอบได้จากกลุ่มนักเทรดตามโซเชียล รีวิวจากในอินเตอร์เน็ต ฯลฯ
- ระบบที่เสถียรถือว่าสำคัญ เพราะจะช่วยให้การเทรดราบรื่น ไม่ติดขัด ไม่มีปัญหาในการฝากถอน
- ลองปรึกษากับเพื่อน หรือคนใกล้ตัวที่มีประสบการณ์ในการเทรด Cryptocurrency ว่าเทรดกับโบรกเกอร์ไหนอยู่ และโบรกเกอร์นั้นเหมาะกับคุณหรือไม่
- เลือกที่ระบบฝากถอนมีความรวดเร็วและทำได้หลายช่องทาง จะได้เทรดสะดวก ไม่เสียเวลา
- ถ้าเป็นโบรกเกอร์ที่มีโปรโมชั่น กิจกรรม หรือโบนัสเยอะๆได้จะดีมาก เพราะจะได้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับนักเทรดมากที่สุด
ถึงแม้การลงทุนในตลาด Cryptoruerrency จะเป็นเทรนด์ใหม่ที่คาดหวังว่าจะสร้างกำไรได้อย่างมหาศาลสำหรับคนที่มองเห็นช่องทางและขยับตัวก่อนคนอื่น แต่ด้วยความที่สิ่งเหล่านี้ยังถือเป็นเรื่องใหม่ในบ้านเราประกอบกับผู้คนอาจยังไม่ตื่นตัวกับกระแสของสกุลเงินดิจิทัลมากนัก จึงถือว่าการลงทุนประเภทนี้ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมากเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนการเทรดทุกครั้งนักลงทุนควรต้องวางแผนการลงทุนให้ดี โดยเริ่มจากการเลือกโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้จากลิสต์ที่เราได้นำเสนอมานี่เอง