ADVERTISEMENT
NFT ชื่อนี้คืออะไร ทำไมถึงโด่งดังในหมู่อาร์ติสต์ ทำไมนักออกแบบ ศิลปะ และเหล่านักลงทุนเงินคริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrency) ถึงหันมาสนใจ ทำไมถึงดังเป็นพลุแตกขนาดนี้ Huapood.com มีคำตอบมาฝาก
NFT คืออะไร?
NFT มีชื่อเต็มว่า Non-fungible token ซึ่งแปลความหมายตรงตัวก็คือ เหรียญโทเคนที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ ซึ่งการไม่สามารถ ‘ทดแทนได้’ คือจุดเด่นของคริปโตประเภทนี้ แม้จะเป็นเหรียญคริปโต NFT เหมือนกัน แต่ว่าเหรียญ NFT แต่ละเหรียญก็มีค่าไม่เท่ากัน
เพื่อน ๆ อาจจะงงว่า ‘ไม่สามารถทดแทนได้’ หมายถึงอะไรกันแน่ ดังนั้นขอยกตัวอย่างอธิบายประกอบดังนี้ หากเทียบกับเงิน หากเรายืมแบงค์ 100 บาทเพื่อนไปใช้ เวลาเรานำมาคืน เราสามารถนำแบงก์ 100 ใบอื่นมาคืนได้ ไม่จำเป็นต้องนำแบงก์ใบเดิมกลับมาคืน เพราะอย่างไรแบงก์ใบนี้ก็มีมูลค่า 100 บาทเท่ากัน
แต่สำหรับเหรียญ NFT นั้น แต่ละเหรียญมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่สามารถนำเหรียญ NFT เหรียญอื่่นมาทดแทนได้ เพราะเหรียญนั้นจะผูกติดกับทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่งที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ ซึ่งนั้นก็คืองานศิลปะหรือไอเท็มต่าง ๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมโยงเข้ากับเหรียญ NFT ดังนั้นสิ่งที่มูลค่าจริง ๆ ก็คือสิ่งของเหล่านั้นต่างหาก
จุดเด่นของ NFT
สิ่งที่ทำให้เหรียญ NFT มีความเฉพาะตัวจนแตกต่างจากเหรียญคริปโตอื่น ๆ และทำให้มีมูลไม่เท่ากัน มีดังนี้
- ไม่สามารถทำซ้ำได้ ไม่สามารถสร้างทดแทนกันได้ เหมือนมีหมายเลขกำหนดอยู่
- สร้างบนเครือข่าย Ethereum blockchain จึงโปร่งใส ตรวจสอบที่มาที่ไปได้
- ต้องซื้อเหรียญเต็มจำนวน ไม่สามารถแบ่งขายย่อย ๆ เช่น 0.1 เหรียญได้เหมือนเหรียญคริปโตประเภทอื่น
- มีจำนวนจำกัด ไม่สามารถสร้างเกินที่กำหนดไว้แต่แรกได้
NFT มีประโยชน์อย่างไร
เพราะ NFT มีจุดเด่นตรงที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ ดังนั้น NFT จึงถูกนำมาใช้กับทรัพย์สินดิจิทันในวงการศิลปะอย่างกว้างขวาง คล้ายกับเป็นใบประกาศหรือใบรับรองว่าผู้ครอบครองเหรียญ NFT เหรียญนี้คือเจ้าของผลงานศิลปะดิจิทัลหรือทรัพย์สินดิจิทัลชิ้นนี้จริง ๆ
โดยผู้ซื้อ NFT จะมีสิทธิ์การเป็นเจ้าของไฟล์ภาพ ๆ นั้น สามารถขายไฟล์นั้นต่อได้ เหมือนกับการขายทรัพย์สินทั่วไปเลย และจะไม่สามารถทำสำเนาหรือก็อปปี้ไฟล์นั้นได้ แตกต่างจากการส่งไฟล์ภาพทั่วไปบนคอมพิวเตอร์ที่เป็นการส่งสำเนาไฟล์ออกไป
ตัวอย่างการใช้งาน NFT
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า NFT ถูกนำมาใช้ในวงการศิลปะอย่างกว้างขวาง ผู้ที่ต้องการขายงานศิลปะก็เพียงแปลงงานให้เป็นดิจิทัลแล้วนำไปวางขายในรูปของ NFT จนตอนนี้ NFT ได้กลายเป็นเหมือน Crypto art ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างงานอาร์ตที่ซื้อขายผ่าน NFT อันโด่งดังมีดังนี้
Everydays: the first 5000 days
ผลงานของ Mike Winkelmann หรือ Beeple หรือ Beeple Crap ศิลปินนักออกแบบกราฟิกและแอนิเมเตอร์ชาวอเมริกัน ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 100 ดอลลาร์ และปิดการประมูลไปในราคา 69.3 ล้านดอลลาร์ ถือว่าราคาสูงที่สุดในวงการ NFT ขณะนี้
Tweet แรกของ Jack Dorsey
Jack Dorsey คือ CEO และ Co-founder ของ Twitter เขาไปนำ tweet ข้อความแรกเมื่อ 22 มีนาคม 2006 ของตัวเองไปประมูลในตลาด NFT ทำเงินไปถึง 2.9 ล้านดอลลาร์
Disaster Girl
ภาพมีมอันโด่งดังในโลกอินเทอร์เนตก็สามารถนำมาขายแบบบ NFT ได้เช่นกัน อย่างเช่นมีม Disaster Girl หรือเด็กสาวมหาภัยภาพนี้ก็ทำรายได้ไปถึง 473,000 ดอลลาร์
NBA Top Shot
NBA Top Shot เปิดขายภาพช็อตสำคัญของการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ซึ่งแต่ละช็อตมีเจ้าของได้หลายคน แต่จะมีหมายเลขกำกับว่าคุณคือผู้ซื้อลำดับที่เท่าไรในเซตวิดีโอนั้น บอกเลยว่ามีซ็อตเด็ดวางขายหลายช็อตมาก แต่ช็อตที่ทำราคาสูงสุดตกเป็นของ LeBron James กับท่าดรังก์ลูกเข้าห่วง ที่ถูกประมูลถึง 250,000 ดอลลาร์
ภาพขายหัวเราะฉบับแรก
ตัวอย่างนี้มาจากประเทศไทยเราเอง คือภาพปกหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะฉบับแรก ตีพิมพ์เมื่อปี 1973 ซึ่งมีลายเซ็นของบรรณาธิการ วิธิต อุตสาหจิต อยู่บนหน้าปก ก็วางขายในตลาด NFT ด้วย แถมยังมีผู้ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยราคา 17.3 ETH หรือ ประมาณ 34,492.74 ดอลลาร์
การ์ด Pokémon เวอร์ชัน Logan Paul
Logan Paul เป็น YouTuber ชื่อดัง เขาทำกำไรบนโลก NFT ด้วยการออกการ์ด Pokémon เวอร์ชัน Limited edition มีตัวเองเป็นตัวละครหลักในการ์ด โดยทำรายได้จากโปรเจกต์นี้รวมแล้วสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
เกม CryptoKitties
CryptoKitties คือเกมเเลี้ยงแมว เมื่อแมวคุณโตขึ้นก็หาแฟนให้แมว ผสมแมว แล้วนำลูกแมวไปขายได้ ซึ่งลูกแมวแต่ละตัวจะมี NFT ยืนยันความเป็น Original มีตัวเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถขายนำเงินเข้ากระเป๋าได้จริง บอกเลยว่ายิ่งเป็นแมวรุ่นเก่า หากยาก หรือโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ก็ยิ่งขายได้ราคาดี บางตัวราคาสูงถึง 100,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว
ทั้งนี้การซื้อขาย NFT เป็นการแสดงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของไฟล์ ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ของไฟล์นั้น ยกเว้นจะตกลงกันไว้แต่แรก โดยเจ้าของผลงานสามารถกำหนดได้เอง ซึ่งบางครั้งผู้สร้างสรรค์งานอาจส่งไฟล์ต้นฉบับ ชิ้นผลงานจริง หรือภาพถ่าย ภาพสเกตช์ วิดีโอเบื้องหลังการทำงานต่าง ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับงานศิลปะที่ขายแบบ NFT
NFT ซื้อขายที่ไหนได้บ้าง
เว็บไซต์สำหรับซื้อขายงานศิลปะแบบ NFT มีเยอะมาก และมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่เว็บไซต์ชื่อดังของวงการเห็นจะไม่พ้น 4 เว็บไซต์นี้ ซึ่งมีศิลปินไทยวางขายงานเจ๋ง ๆ กันเพียบเลย หากอยากวางขายบ้าง หรืออยากอุดหนุนงานชาวไทย ก็แวะไปเยี่ยมชมได้เลย
OpenSea
เว็บไซต์ขายงาน NFT ใหญ่ที่สุด มีคนเข้าเยอะ มี traffic สูง ดังนั้นจึงมีโอกาสขายได้สูงเช่นกัน แต่แน่นอนว่าการแข่งขันก็สูงด้วยเช่นกัน
SuperRare
อีกหนึ่งเว็บไซต์ขายงาน NFT ที่มาแรงไม่แพ้ OpenSea เปิดให้ทั้งศิลปินนำผลงานตัวเองมาวางขาย และให้นักสะสมเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนงานศิลป์ งานโดดเด่นเพียบให้สมกับชื่อเว็บไซต์ที่แปลว่าหายากสุด ๆ
Foundation
แม้จะเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่ Foundation ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก กลายเป็นอีกหนึ่งตลาด NFT ที่หลายคนอยากเข้ามาขายงานศิลปะ แม้ว่าค่าธรรมเนียมค่อนข้างแพง แต่เป็นช่องทางที่ทำให้คนรู้จักได้ไม่ยาก
Rarible
Rarible คิดค่าธรรมเนียมการขาย NFT เป็นรายครั้ง ดังนั้นจึงเหมาะกับศิลปินที่อยากลองขายงานของตัวเองเพื่อชิมลาง ก่อนจะเริ่มลงมืออย่างจริงจัง
เตรียมตัวก่อนขายงาน NFT
แม้ว่าเว็บไซต์ขายงาน NFT จะมีให้เลือกเยอะ แต่หากเพื่อน ๆ ศิลปินต้องการขายงาน NFT แล้วล่ะก็ สิ่งที่ต้องเตรียมเหมือนกันมีดังต่อไปนี้
- ผลงานที่เป็นไฟล์ดิจิทัล หากมีผลงานเป็นชิ้นจริงอย่างภาพวาด ก็ต้องแปลงเป็นไฟล์ดิจิทัลเสียก่อน ซึ่งส่วนมากแล้วเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็รับไฟล์ทุกนามสกุล ไม่ว่าจะเป็น PNG, Jpeg, AI, PSD หรือ MP4
- Crypto Wallet ใช้สำหรับรับเงินจากลูกค้าและจ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้เว็บไซต์
- เหรียญ Ethereum ในกระเป๋า Wallet ให้จ่ายค่า Gas หรือค่าธรรมเนียมการขายผ่านเว็บไซต์
การมาของ NFT นอกจากจะเปลี่ยนโลกการเงินแล้ว ยังอาจเปลี่ยนโลกของงานศิลปะแบบพลิกโฉมหน้าในพริบตา และยังอาจมาเปลี่ยนค่านิยมของชาวไทยที่มองว่าเป็นศิลปินไส้แห้งเลยก็ได้ ดังนั้นศิลปินชาวไทยก็อย่ารอช้า ลองนำผลงานไปวางขายกันเลย
ภาพปก freepik.com