10 วิธีทำให้ผิวขาวใส อย่างรวดเร็ว เป็นธรรมชาติ ไม่อันตราย

วิธีทำให้ผิวขาวใส

เมื่อการมีผิวขาวคือเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมในไทยมาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายคนพยายามจะทำให้ผิวขาวมากขึ้นโดยไม่สนวิธีการ จะเห็นได้ว่ามีผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวถูกผลิตขึ้นมาจำหน่ายเต็มไปหมด บางอย่างผู้ประกอบการก็ไม่จริงใจต่อผู้บริโภค เราจึงมักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับการจับกุมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่เสมอ ในบทความนี้จึงอยากนำเสนอ 10 วิธีทำให้ผิวขาว ใส ที่ทำได้อย่างปลอดภัยและไม่อันตรายมาฝากกัน

ครีมบำรุงผิวที่คู่ควรแก่การแนะนำ

NV super10_PNG

NIVEA Extra Bright 10 SUPER VITAMINS & SKIN FOODS SERUM (นีเวีย Super10)

ซูเปอร์วิตามินเซรั่ม ที่อัดแน่นไปด้วยซูเปอร์วิตามิน เข้มข้นถึง 100 เท่า จากวิตามินและอาหารผิวกว่า 10 ชนิด จึงช่วยปรับผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส ลดรอยจุดด่างดำฝังลึกแก้ยากเช่น รอยยุงกัด หรือ รอยสิวที่หลัง ให้จางลงได้ใน 7 วัน จะผิวกายหมองคล้ำ ดำดื้อขนาดไหนก็เอาอยู่ มาในรูปแบบเนื้อเซรั่ม ซึมซาบไว อนุภาคเล็ก ซึมลึก หมดปัญหาเหนียวเหนอะหนะกวนใจ

ผิวขาว คือ

สีผิวของคนเรามีหลายเฉด ปัจจัยหลักที่ทำให้สีผิวแตกต่างกันคือเชื้อชาติและพันธุกรรม แต่ภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมรอบตัวก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสีผิวเช่นเดียวกัน สำหรับประเทศไทยแล้วคนไทยโดยทั่วไปมีผิวเหลือง ไม่ได้เรียกว่าดำอย่างที่คนไทยหลายคนเข้าใจ แต่เป็นส่วนผสมของสีน้ำตาลกับสีขาวมากกว่า หรือจะเรียกกันให้เข้าใจโดยทั่วไปว่าผิวสีแทนหรือสีน้ำผึ้งก็ได้ ทั้งนี้สีผิวจะอ่อนหรือเข้มส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่อยู่อาศัยและการดูแลตัวเองด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าค่านิยมผิวขาวในประเทศไทยมีมาอย่างยาวนาน ผิวขาวคือตัวแทนของความงาม เห็นได้จากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆที่โฆษณาว่าช่วยให้ผิวขาววางขายอยู่เต็มไปหมด แต่ก่อนจะพูดเรื่องวิธีที่ช่วยให้ผิวขาว มาทำความเข้าใจเรื่องสีผิวกันก่อนดีกว่า

สีผิวของคนเราถูกกำหนดด้วยจำนวน “เมลานิน” ยิ่งมีมากผิวก็ยิ่งเข้มมาก เมลานินคือเม็ดสีที่สร้างโดยเซลล์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เมลาโนไซต์” ซึ่งอยู่ในชั้นหนังกำพร้าอีกที เมลาโนไซต์ไม่ได้อยู่แค่ในผิวเท่านั้น แต่ยังอยู่ในเส้นผม เส้นขนและดวงตาด้วย เพราะฉะนั้นนอกจากสีผิวแล้ว ผม ขนและสีของดวงตาก็จะมีเฉดสีที่แตกต่างกันเช่นเดียวกัน เมื่อจำนวนเมลานินมีผลต่อความเข้มของสีผิว ดังนั้นการจะมีผิวขาวได้จะต้องมีเม็ดสีผิวน้อยมาตั้งแต่แรกหรือทำให้เม็ดสีลดจำนวนลงในภายหลังนั่นเอง

ถึงแม้ปัจจัยหลักที่มีผลต่อจำนวนเม็ดสีเมลานินคือเชื้อชาติและการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ก็มีปัจจัยภายนอกจากสภาพแวดล้อมหลายอย่างที่ส่งผลต่อการผลิตเมลานินด้วยเช่นเดียวกัน เช่น แสงแดด ฮอร์โมน การได้รับสารเคมีบางชนิด เป็นต้น เพราะฉะนั้นต่อให้ผิวขาวหรือผิวเข้มมาตั้งแต่แรก มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้แบบอัตโนมัติเมื่อเจอกับสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการผลิตเม็ดสีผิว เช่น ผิวขาว แต่ตากแดดนานๆก็ผิวเข้มขึ้นได้ เป็นต้น

ปัจจัยที่ทำให้ผิวคล้ำ ดำ เสีย

ปัญหาผิวหมองคล้ำนับเป็นปัญหาที่กวนใจคนรักผิวมากๆ แต่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวคล้ำลงเลยก็ทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่อสีผิวมีหลายประการ ดังนี้

  • แสงแดด

จัดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวดำคล้ำเลยก็ว่าได้ ถึงแม้แดดช่วงเช้าจะมีวิตามินดี ได้รับแล้วดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่แดดเมืองไทยแรงมาก แค่ช่วงสายๆก็ร้อนตับแตกแล้ว ไม่ต้องพูดถึงช่วงเที่ยงหรือบ่ายเลยว่าแดดจะแรงมากแค่ไหน เชื่อว่าถ้าออกจากบ้านไปกันโดยปราศจากการทาครีมกันแดดหรือเสื้อแขนยาวแล้วละก็ ต้องมีผิวไหม้กันบ้างอย่างแน่นอน เมื่อตากแดดเป็นเวลานานผิวจะคล้ำลง สีผิวไม่สม่ำเสมอ นั่นก็เพราะว่าผิวเรามีกลไกการป้องกันตัวเองจากแสงแดด โดยจะสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมาเพื่อไม่ให้แดดทำร้ายลึกลงไปใต้ผิวหนัง นอกจากผลกระทบทางตรงอย่างผิวคล้ำลงแล้ว แสงแดดยังน่ากลัวกว่านั้นมาก เพราะรังสียูวีในแสงแดดเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ด้วย แถมยังทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ง่ายต่อการเกิดริ้วรอย เพิ่มโอกาสในการเป็นสิวหรือหากเป็นสิวอยู่ก่อนแล้วเจอแดดแรงๆ สิวอาจจะเห่อยิ่งกว่าเดิมได้เลยทีเดียว

  • สภาพอากาศ

หากต้องอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งแล้งหรือหนาวเย็น ผิวจะขาดความชุ่มชื่นได้ง่าย ทำให้ผิวแลดูมองคล้ำได้ถึงแม้จะไม่โดนแดดก็ตาม นอกจากผิวคล้ำแล้วอาจจะยังมีปัญหาผิวอื่นๆตามมาอีกด้วย เช่น ผิวแห้งลอกเป็นขุย ผื่นคันอักเสบ ผิวแตกลาย เป็นต้น ปัญหาผิวในกลุ่มนี้พบได้บ่อยกับชาวออฟฟิศที่ต้องทำงานในห้องปรับอากาศเป็นประจำ

  • เครียด

ความเครียดส่งผลกระทบต่อผิวมากกว่าที่คิด ลองสังเกตดูช่วงไหนที่ทำงานหนักหรือประสบกับปัญหาชีวิตเยอะ ผิวหน้ามักจะหมองคล้ำไม่สดใส แถมอาจจะมีสิวมาเยือนเป็นระยะๆด้วย สาเหตุนั้นมาจากเวลาเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปกระตุ้นให้ต่อมน้ำมันที่ผิวหนังทำงานมากขึ้น หน้าจะมัน ทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

  • พักผ่อนน้อย

การพักผ่อนที่เพียงพอส่งผลดีต่อทุกระบบในร่างกาย รวมไปถึงผิวพรรณด้วย เพราะผิวจะได้มีเวลาฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเอง ดังนั้นหากนอนน้อย ผลลัพธ์จะออกมาตรงกันข้ามกัน ผิวจะดูหมองคล้ำ ทรุดโทรม รวมทั้งดูแก่กว่าวัยอีกด้วย

  • ดื่มน้ำน้อย

น้ำมีความสำคัญกับผิวมาก เพราะช่วยกักเก็บความชุ่มชื่น หากดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ผิวจะเนียนนุ่มชุ่มชื่น ดูฟู อิ่มน้ำ หากดื่มน้ำน้อย ผิวจะแห้งไม่สดใส แลดูหมองคล้ำ

  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ครีม โลชั่นรวมไปถึงสกินแคร์ประเภทต่างๆ บางครั้งมีส่วนของสารเคมีที่ไม่เหมาะกับผิว เช่น น้ำหอม สี แอลกอฮอล์ สารกันเสีย เป็นต้น ใช้แล้วอาจทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำหรือระคายเคืองได้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดยังมีส่วนผสมจากสารเคมีต้องห้ามด้วย เช่น ปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน น้ำยากัดผิวขาว เป็นต้น ในตอนแรกที่ใช้ผิวอาจจะขาวขึ้นจริง แต่จะขาวแบบผิดธรรมชาติ หลังจากหยุดใช้ ผิวมักจะแย่ลงอย่างรวดเร็ว ผิวหมองคล้ำ เป็นสิวหนักหรือผิวอาจแตกลายได้เหมือนตอนตั้งครรภ์เลยทีเดียว

  • สูบบุหรี่

ควันบุหรี่ลดปริมาณออกซิเจนในผิว ทั้งยังทำลายความยืดหยุ่นของผิวด้วย คนที่สูบบุหรี่บ่อย ผิวจะหมองคล้ำ มีริ้วรอยได้ง่าย ดูแก่กว่าวัย นอกจากนี้ยังทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดี ผิวจะขาดความสดใส ไม่เปล่งปลั่ง การดูดซึมวิตามินเอลดลง ทำให้ผิวหยาบและแห้งกร้าน

  • อายุ

ผิวคนเราสามารถเสื่อมถอยลงได้ตามอายุไม่ต่างอะไรจากอวัยวะอื่นๆในร่างกาย ผิวจะแห้งได้ง่าย ริ้วรอยจะเพิ่มขึ้นตามวัย ขาดความกระชับ มีฝ้ากระและจุดด่างดำเพิ่มมากขึ้น

  • เซลล์ผิวผลัดตัวช้า

โดยปกติแล้วเซลล์ผิวของคนเราจะตายและเกิดใหม่ในทุกๆวัน การผลัดเซลล์ผิวจะมีวงจรประมาณ 28 วัน แต่ถ้าใครมีอัตราการผลัดเซลล์ผิวที่ช้ากว่านี้ สีผิวจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ ดูคล้ำไม่สดใส แถมผิวยังแห้งกร้านได้ง่ายด้วย

วิธีทำให้ผิวขาวใส ด้วยตัวเองอย่างธรรมชาติ

หากผิวถูกทำร้ายจนแห้งเสียดำคล้ำ สามารถฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง ขาวสว่างกระจ่างใสขึ้นได้ วิธีการทำให้ผิวขาวใสด้วยตัวเองทำได้ไม่ยาก สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ดังนี้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ

เวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับการนอนคือสี่ทุ่มถึงตีสี่ ต้องนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง การนอนน้อยขัดขวางการฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองของผิว ทำให้โทรม หน้าแก่เร็ว แถมยังเพิ่มโอกาสในการเจ็บป่วยด้วยโรคภัยอื่นๆอีกด้วย เพราะฉะนั้นการนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอคือปัจจัยสำคัญพื้นฐานของการมีผิวพรรณที่แข็งแรง

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ต้องดื่มอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว น้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื่น กระตุ้นให้ร่างกายกำจัดสารพิษได้ดียิ่งขึ้น

  1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น ช่วยขับเหงื่อและสารพิษออกจากร่างกาย รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาด้วย สังเกตได้ง่ายๆ ใครที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผิวจะดูแข็งแรงอมชมพู ดูมีเลือดฝาด เป็นสิวน้อย เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ช้า ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยแถมยังอารมณ์ดีอีกด้วย

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

โดยทานให้ครบถ้วน 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ให้มากๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ตามปกติ

  1. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส

ไม่เครียด หากรู้สึกเครียดให้ลองมองหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดมาทำดู ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น เป็นผลดีต่อผิวพรรณด้วย

  1. งดสารเสพติดทุกชนิด

ไม่ว่าจะเหล้า บุหรี่หรือสารเสพติดประเภทอื่นก็ตาม เพราะมันไม่ใช่แค่ทำลายสุขภาพผิว แต่มันยังทำลายสุขภาพร่างกายด้วย

  1. อบไอน้ำ

ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ตามผิวหนังให้สะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น ผิวดูสะอาด กระจ่างใส ไร้สิ่งสกปรกมาอุดตัน

  1. อาบน้ำอย่างถูกวิธี

หากอยากมีผิวขาว การอาบน้ำเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องใส่ใจ ควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ไม่อาบน้ำอุ่นบ่อยหรืออาบน้ำที่อุ่นจัดเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำได้ง่ายเมื่อโดนแสงแดด จริงๆแล้วการอาบน้ำอุ่นก็มีข้อดีคือช่วยให้รู้สึกสบายตัว นอนหลับได้ง่ายมากขึ้น แต่ว่าสำหรับผิวพรรณแล้ว การอาบน้ำเย็นนั้นดีกว่ามาก เพราะความเย็นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใสมากยิ่งขึ้น มาต่อกันเรื่องผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ต้องเลือกให้เหะสมกับสภาพผิวด้วย ถ้าผิวมันหรือผิวผสมทั่วไปสามารถใช้สบู่อาบน้ำได้หลากหลายรูปแบบ แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้ง บอบบาง แพ้ง่าย ควรใช้เจลอาบน้ำหรือสบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวจะดีกว่า ป้องกันการเกิดอาการแพ้

  1. ทรีทเมนท์ผิว

หรือการขัดพอกผิวนั่นเอง อย่างที่บอกว่าเซลล์ผิวของคนเรามีการผลัดเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา แต่บางครั้งมันก็ผลัดออกไม่หมดและตกค้างอยู่ตามผิวหนัง ทำให้ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอได้ การขัดผิวจะช่วยกระตุ้นให้การผลัดเซลล์ผิวทำได้ดียิ่งยิ่งขึ้น ผิวจะเนียนนุ่น เรียบเนียนสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามการขัดผิวนั้นจะทำให้ผิวบางขึ้นและไวต่อแดด เพราะฉะนั้นแนะนำให้ขัดในเวลาตอนกลางคืนตอนอาบน้ำก่อนเข้านอน หลังขัดเสร็จอย่าลืมบำรุงผิวให้หนักมากกว่าวันที่ไม่ได้ขัดด้วย และถึงแม้การขัดผิวจะช่วยให้ผิวเนียนสม่ำเสมอขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรขัดบ่อยเกินไป เพราะผิวจะบางและหมองคล้ำได้ง่าย ดังนั้นแนะนำให้ขัดแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว ส่วนการขัดพอกผิวสามารถทำได้หลายวิธี ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สครับผิวที่วางจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดมาใช้ก็สะดวกดี แต่ถ้าพอมีเวลาเราสามารถขัดพอกผิวด้วยสครับที่ทำเองได้ด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ อ่อนโยนมากกว่า ไม่มีสารพิษตกค้าง ไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้อีกด้วย ดังนี้

  • มะขามเปียก+น้ำผึ้ง ทั้งสองอย่างนี้เป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวพรรณมาอย่างยาวนาน วิธีการทำได้ไม่ยากเพียงแค่นำมะขามเปียกมาละลายน้ำแล้วผสมน้ำผึ้งลงไปให้เหนียวข้นเล็กน้อย จากนั้นนำมาพอกผิวทิ้งไว้ 15-20 นาที ช่วงที่พอกตอนแรกก็อย่าลืมขัดวนให้ทั่วร่างกายด้วย เมื่อครบตามเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด มะขามเปียกอุดมไปด้วยวิตามินซีและกรดเอเอชเอตามธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวสว่างขึ้น ส่วนน้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารอาหารผิวธรรมชาติ ช่วยบำรุงผิวและลดความรู้สึกระคายเคืองจากมะขามเปียกได้
  • มะนาว+โยเกิร์ต ใช้โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ 1กระปุก ผสมน้ำมะนาวสดลงไปให้เข้ากัน นำมาพอกผิวทิ้งไว้ 20 นาที มะนาวมีวิตามินซีกับเอเอชเอสูงไม่ต่างจากมะขามเปียกเลย ส่วนโยเกิร์ตช่วยบำรุงให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัสมากขึ้น
  • มะเขือเทศสดปั่น นำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดแล้วปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมาพอกผิวทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก สามารถพอกได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย มะเขือเทศมีวิตามินซีและไลโคปีนสูงมาก ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง สดใส แลดูสุขภาพดี ทั้งนี้จะนำวัตถุดิบธรรมชาติอย่างอื่นมาผสมด้วยก็ได้ เช่น นมสด แตงกวา น้ำผึ้ง เกลือป่น ข้าวโอ๊ต เป็นต้น
  • น้ำนม น้ำนมมีความลับผิวสวยที่หลายคนไม่รู้มาก่อน เพราะในน้ำนมมี “กรดแลคติก” อยู่ด้วย กรดนี้ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและสดใสเปล่งปลั่ง เพราะฉะนั้นจะลองนำน้ำนมมาพอกผิวดูก็ได้ แถมยังสามารถทำได้บ่อยๆเพราะว่ามันไม่ได้ทำให้ผิวบางเหมือนการขัดผิวด้วยวิธีอื่นๆ
  1. บำรุงผิว

ผิวต้องการการบำรุงอย่างสม่ำเสมอไม่ต่างจากการดูแลร่างกาย การบำรุงผิวจากภายในทำได้ด้วยวิธีการที่แนะนำไปด้านบน ส่วนการบำรุงภายนอกแนะนำให้ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ ในตอนกลางวันเลือกครีมที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อช่วยให้ผิวขาวมากขึ้น แต่ต้องเป็นครีมที่ปลอดภัย มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องด้วย ส่วนกลางคืนทาไนท์ครีมธรรมดาทั่วไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว เพราะการใช้ไวท์เทนนิ่งตลอดเวลาจะทำให้ผิวไม่ได้พักผ่อนนั่นเอง

วิธีทำให้ผิวขาวใสด้วยวิธีต่างๆ

นอกจากการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติที่กล่าวถึงไปด้านบนแล้ว ยังสามารถทำให้ผิวขาวขึ้นได้ด้วยตัวช่วยอื่นๆดังนี้

  • วิตามินซี หากต้องการจะทานอาหารเสริมสักชนิดหนึ่งเพื่อให้มีผิวขาว วิตามินซีคือตัวเลือกที่เหมาะสมและได้ผลดีที่สุด วิตามินซีอาจไม่ได้ทำผิวขาวขึ้นโดยตรง แต่มันช่วยทำให้ผิวแข็งแรง นุ่มลื่น เรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น จุดด่างดำจะจางลง สีผิวสม่ำเสมอ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ดี
  • คอลลาเจน โดยปกติคนเรามีคอลลาเจนใต้ผิวหนังกันอยู่แล้ว มันเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนจะลดน้อยลงจนทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยก็จะเริ่มเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการเติมคอลลาเจนให้ผิวจึงทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงกระชับมากขึ้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ อย่างไรก็ตามคอลลาเจนไม่จำเป็นต้องได้จากอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว เพราะว่ามันพบได้ในอาหารหลายชนิด เช่น ปลาทะเล น้ำซุปต้มกระดูก เยลลี่ เป็นต้น
  • การทำให้ผิวขาวด้วยกลูต้าไธโอน เชื่อว่าคนที่อยากมีผิวขาวส่วนมากต้องเคยได้ยินคำว่ากลูต้าไธโอนกันมาก่อนอย่างแน่นอน กลูต้าไธโอนถูกนำมาใช้หลายวิธี ทั้งยาฉีด อาหารเสริม โลชั่นบำรุงผิวรวมไปถึงสบู่อาบน้ำด้วย ถามว่าได้ผลในเรื่องของผิวขาวจริงหรือไม่? คำตอบคือ ได้ผลจริงในกรณีฉีด เพราะมีการนำกลูต้าไธโอนมาใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง ผลข้างเคียงคือทำให้ผิวขาวขึ้นนั่นเอง ที่จริงแล้วกลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้ ช่วยให้ตับทำหน้าที่กำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็อย่างที่เห็นกลูต้าไธโอนไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ผิวขาว นั่นเป็นเพียงผลข้างเคียงเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้โดยเฉพาะการฉีด เพราะปัจจุบันนี้ยังไม่มีผลการศึกษามากเพียงพอถึงความปลอดภัยหรือผลข้างเคียง ยากลูต้าไธโอนที่ใช้ฉีดก็ยังไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นคลินิกที่รับฉีดในตอนนี้จึงผิดกฎหมายแทบทั้งสิ้นและเมื่อมันผิดกฎหมาย ความเสี่ยงจึงมีหลายประการตั้งแต่ขนาดยา วิธีการฉีดไปจนถึงความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้ฉีดกันเลยทีเดียว ส่วนวิธีการใช้แบบอื่นๆนั้นแทบจะไม่ได้ผลเลยไม่ว่าจะทา อาบหรือทานก็ตาม เพราะมันถูกทำลายตั้งแต่อยู่ในกระเพาะอาหารแล้ว หากอยากทานอาหารเสริมอะไรแนะนำให้ทานวิตามินซีดีที่สุด นอกจากนี้อาหารเสริมประเภทกลูต้าไธโอนที่วางขายในท้องตลาดส่วนมากจะปลอมทั้งสิ้น หากไม่เชื่อจะลองนำเลขทะเบียนไปตรวจสอบดูก็ได้ สรุปว่าไม่แนะนำให้ใช้กลูต้าไธโอนมาช่วยในเรื่องผิวขาวไม่ว่าวิธีใดก็ตาม เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แล้วอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้อีกด้วย
  • เลเซอร์ผิวขาว เป็นเทคโนโลยีความงามที่จะช่วยให้ผิวที่หมองคล้ำกลับมาขาวใสขึ้นได้ วิธีการคือใช้แสงเลเซอร์ยิงไปที่ผิวหนังเพื่อทำลายเม็ดสีเมลานิน สีผิวจึงอ่อนลง ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจได้ผลแต่บางคนก็ไม่ได้ หลังเลเซอร์ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยเพราะผิวที่เสียหายจากการทำเลเซอร์จะไวต่อแดดมากกว่าปกติ ถ้าตากแดดในช่วงนี้ผิวจะหมองคล้ำได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตามวิธีนี้ทำให้ผิวขาวได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น

วิธีป้องกันผิวให้ขาวใสอยู่ตลอด

หากอยากมีผิวขาวใส การบำรุงอย่างเดียวไม่เพียงพอแน่นอน เพราะอย่างที่ทราบกันว่าแดดเมืองไทยแรงมากๆ ดังนั้นต้องป้องกันควบคู่กันไปด้วย ดังนี้

  • ทาครีมกันแดด เม็ดสีผิวคือกลไกสำคัญที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดด ดังนั้นการตากแดดจึงทำให้เม็ดสีผิวเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ผิวจะกลับมาขาวขึ้นได้เมื่อไม่มีปัจจัยกระตุ้น การหลีกเลี่ยงแสงแดดในชีวิตประจำวันทำได้ค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นการป้องกันจึงง่ายกว่ามากโดยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรืออกนอกบ้านก็ตาม ที่จำเป็นต้องทาในขณะอยู่ที่บ้านด้วยก็เพราะว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านบางอย่าง เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ นั้นก็มีรังสียูวี บางครั้งแสงแดดจากภายนอกส่องเข้าบ้านก็ทำให้ผิวคล้ำลงได้เช่นเดียวกัน แต่ว่ารังสีจะไม่รุนแรงมากนัก ดังนั้นใช้ครีมกันแดดที่มีค่า Spf 15-20 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องออกไปเผชิญแสงแดดนอกบ้าน ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า Spf 30 ขึ้นไปและควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เพราะไม่ว่าครีมจะมีค่า Spf สูงมากขนาดไหนก็ไม่สามารถกันแดดได้ดีเพียงแค่ทาในครั้งเดียว แถมยังสามารถหลุดได้เมื่อเหงื่อออก ว่ายน้ำ เช็ดผิวหรือแม้กระทั่งสวมใส่เสื้อผ้า ดังนั้นทาซ้ำบ่อยๆจะปลอดภัยต่อผิวมากกว่า
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด แสงแดดในช่วง 10.00-16.00 น. เป็นแดดแรงจัด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงนี้โดยการไม่ทำกิจกรรมกลางแจ้งนานเกินไป แต่ถ้าจำเป็นแนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าแขนขายาว จะกางร่ม สวมหมวกหรือใส่แว่นกันแดดด้วยก็ดี อย่างไรก็ตามแดดในช่วงเช้านั้นดีต่อร่างกาย ช่วยในการสังเคราะห์วิตามินดี เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องหลบแดดในช่วงเช้า
FAQ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยว ผิวขาวใส

หากความดำเกิดจากกรรมพันธุ์ เราจะสามารถขาวขึ้นได้หรือไม่

สำหรับผู้ที่อยากขาวอาจเคยได้ยินโฆษณาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายๆตัวว่าเปลี่ยนผิวที่ดำกรรมพันธุ์ให้กลับมาขาวถาวรได้ ถึงแม้เลิกทาแล้วก็ไม่กลับมาดำอีก อยากบอกว่านั่นคือคำโฆษณาที่เกินจริง สีผิวของคนเราถูกกำหนดมาจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะเชื้อชาติและกรรมพันธุ์ ถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกลึกถึงในระดับดีเอ็นเอเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การดูแลฟื้นฟูผิวนั้นทำให้กลับมาขาวกระจ่างใสขึ้นได้จริง แต่ทำได้แค่ในระดับที่ไม่ฝืนธรรมชาติเท่านั้น หากอยากรู้ว่าตัวเองสามารถขาวได้มากที่สุดเท่าไร? คำตอบคือขาวได้มากที่สุดเท่ากับจุดที่ขาวที่สุดในร่างกาย ลองตรวจสอบดูได้จากผิวภายใต้ร่มผ้า เช่น ขาอ่อน หน้าท้อง เป็นต้น การพยายามเปลี่ยนสีผิวด้วยวิธีผิดธรรมชาติไม่ว่าจะด้วยอาหารเสริมหรือสารเคมีใดๆก็ตาม หากมันเป็นการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงระดับดีเอ็นเอ นั่นหมายความว่ามันอันตรายมาก เพราะมันอาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์ตามมาได้ แต่ว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีใดทำได้มากถึงขนาดนั้น

ผลข้างเคียงในการเปลี่ยนให้ผิวขาว มีอะไรบ้าง

ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ หากใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผสมสารเคมีรุนแรงอย่างพวก ปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน ผิวอาจจะอักเสบ บวมแดง คัน มีผื่นขึ้น ผิวไหม้ลอก ตกสะเก็ด ผิวแตกลายเหมือนสตรีตั้งครรภ์หรือผิวอาจด่างขาวถาวร ในรายที่อาการรุนแรงสารเคมีอาจส่งผลต่อการทำงานของตับ ไตหรืออวัยวะภายในต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆอย่างมะเร็งผิวหนัง โรคด่างขาวหรือโรคผิวหนังอื่นๆได้ในอนาคต หากเป็นอาหารเสริมมักส่งเสียต่อตับหรือไตเช่นเดียวกัน ส่วนการเลเซอร์ผลกระทบจะไม่รุนแรงมากนัก เพียงแค่อาจมีผลข้างเคียงบ้างอย่างเช่น แผลเป็น ผิวบวมแดงช้ำ การติดเชื้อ เป็นต้น ส่วนการฉีดผิวขาว อาจทำให้เส้นเลือดเปราะแตกได้ง่าย ถ้าอุปกรณ์ไม่สะอาดหรือฉีดผิดวิธี อาจติดเชื้อหรือเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้

หากอยากมีผิวขาว สิ่งสำคัญที่สุดคือบำรุงผิวอย่างถูกวิธีทั้งภายในและภายนอก ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดดจัดเพื่อลดการกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานิน อย่างไรก็ตามเราสามารถดูแลผิวให้ขาวได้มากที่สุดเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวยได้เท่านั้น การเปลี่ยนสีผิวจากดำกรรมพันธุ์ให้กลับมาขาวแบบถาวรได้เป็นเรื่องยากมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรพยายามทำให้ผิวขาวด้วยวิธีผิดๆโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากผิวจะไม่ขาวอย่างแท้จริงแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายได้อีกด้วย

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , , ,