ADVERTISEMENT
- ทำไมต้องใส่น้ำหอม
- วิธีเลือกน้ำหอม
- ข้อควรรู้เมื่อไปซื้อน้ำหอม
- #1Dior -J’adore
- #2Versace – Bright Crystal
- #3Lancome – La Vie est Belle
- #4Chanel – No.5
- #5Yves Saint Laulent – Black Opium
- #6Chanel – CoCo Mademoiselle
- #7Miss Diore – Blooming Bouquet
- #8CK - One
- #9Calvin Klein – Eternity
- #10Jo Malone – English Pear&Freesia
เป็นสาวเป็นนางทั้งทีต้องมีกลยุทธ์เยอะแยะมากมายในการดำเนินชีวิตปัจจุบัน สิ่งที่จำเป็นต้องดูแลก่อนเป็นอันดับแรกก็คือรูปลักษณ์ภายนอกนั่นเอง หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่านอกจากการดูแลสุขอนามัยเบื้องต้นให้ดีแล้ว กลิ่นหอมก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พิฆาตคู่ต่อสู้มาได้นักต่อนัก เราเลยจะชวนสาว ๆ ทั้งหลายมาใส่น้ำหอมกันค่ะ
ทำไมต้องใส่น้ำหอม
ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงต้องบอกว่า “ก็ใส่ให้มันหอมไง” ความจริงก็รู้อยู่แล้วนะคะว่าใส่น้ำหอมก็ต้องหอม ว่าแต่ความหอมนั้นสำคัญไฉน ทำไมเราต้องใส่ใจและพิถีพิถันกันมากขนาดนี้
เพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างวัน
สาว ๆ บางคนใช้บริการรถสาธารณะ กว่าจะฝ่าไปถึงที่ทำงานก็อาบเหงื่อไปทั้งตัวจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ หรือบางคนไปกินหมูกระทะชาบูแล้วกลับออฟฟิศในช่วงบ่าย เราคงไม่อยากเอากลิ่นหมูกระทะเข้าไปด้วยนะคะ
เพื่อเสริมสร้างบุคลิก
กลิ่นที่ดีจะทำให้คนเหลียวหลัง และนั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่นำพาโอกาสมาให้ ไม่แน่ว่าระหว่างคู่แข่งที่ไปเสนองานอาจมีคนได้งานเพราะลูกค้าชอบกลิ่นหอมที่ติดตัวมาก็ได้ เพราะกลิ่นหอมนั้นดึงดูดคนได้จริง ๆ นะ
สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เคยไหมคะที่พบเจอใครบางคนแล้วกลิ่นหอมลอยมาก่อน บางทีเขาหรือเธอคนนั้นอาจทิ้งกลิ่นหอมเอาไว้ในห้อง จนเรารู้ว่านี่คือกลิ่นของใคร
วิธีเลือกน้ำหอม
แน่นอนว่าต้องเลือกกลิ่นที่เราชอบ แต่หากชอบหลายกลิ่นจนเลือกไม่ถูกล่ะ แถมเงินในกระเป๋าก็ไม่พอสำหรับการกวาดน้ำหอมมาทั้งหมด ถ้างั้นลองดูเคล็ดลับดี ๆ ต่อไปนี้ก่อนจะตัดสินใจว่าเราหอมแบบไหนดีนะ
เลือกให้เข้ากับบุคลิกเฉพาะตัว
แต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป หากเลือกกลิ่นหอมให้เข้ากับบุคลิกของเราแล้ว จะช่วยเน้นเอกลักษณ์ที่มีอยู่ในตัวให้โดดเด่นเป็นสองเท่าเลยล่ะ
- สาวร่าเริง ขี้เล่น กลิ่นผลไม้น่ารัก ๆ ให้ความสดชื่นเป็นกลิ่นที่เหมาะมากค่ะ
- สาวหวาน แนะนำกลิ่นดอกไม้แบบโรแมนติก รับรองว่าน่าทะนุถนอมขึ้นเป็นกองเลยล่ะ
- สาวมั่น บุคลิกมาดมั่นควรใช้กลิ่นแบบทะเล หรือแบบเครื่องเทศให้ดูแนวสปอร์ตหน่อย เท่นิด ๆ
- เซ็กซี่ กลิ่นเครื่องเทศผสานกับดอกไม้รับรองร้อนแรงไฟลุกเลยล่ะ
เหมาะกับโอกาส
บางคนมีน้ำหอมหลายขวดที่ชื่นชอบ หากร่ายความหอมใส่ตัวให้เหมาะกับโอกาสแล้วล่ะก็จะฮอตกว่าคนรอบข้างทีเดียวเลยล่ะค่ะ มาดูกันว่าโอกาสต่อไปนี้ควรใช้กลิ่นไหน รู้แล้วจัดเลยค่ะ
- ทำงาน เวลาไปทำงานต้องสุภาพเรียบร้อยกันหน่อยนะคะ หากใช้กลิ่นผิดจะทำให้เราดูไม่เป็นมืออาชีพ และอาจทำให้เสียโอกาสในหน้าที่การงานได้ค่ะ ไม่ควรเลือกกลิ่นที่ร้อนแรงหรือตะมุตะมิน่ารักเกินไป เอาแบบสดชื่นกำลังงามก็พอนะคะ
- ไปเที่ยว ไปผ่อนคลายทั้งทีควรเลือกกลิ่นสดชื่นสบาย ๆ ก็เครียดจากงานมาทั้งสัปดาห์แล้วต้องพักเรื่องหนักสมองไปก่อน ขอเป็นตัวเองบ้าง จะเป็นสายหวานหรือร่าเริงสุดขั้วแค่ไหนก็ย่อมได้
- ออกงานกลางคืน ควรเลือกน้ำหอมที่กลิ่นกระจายได้ดีในห้องแอร์ จะเซ็กซี่นิด ๆ หรือร้อนแรงหน่อย ๆ ก็จัดไป จะเป็นสาวหวานน่ารักก็เข้าที แต่ไม่แนะนำกลิ่นผลไม้หรือกลิ่นทะเล เพราะไม่ค่อยเข้ากับบรรบยากาศกลางคืนเท่าไหร่ค่ะ
ข้อควรรู้เมื่อไปซื้อน้ำหอม
ลองฉีดบนผิวโดยตรง
ปกติแล้วเวลาไปซื้อน้ำหอม พนักงานจะทดลองกลิ่นด้วยการฉีดลงบนกระดาษให้เราดม แต่ถ้าเป็นไปได้ควรลองฉีดบนผิวของเราเอง จุดที่แนะนำคือจุดชีพจรอย่างข้อมือ หรือข้อพับบริเวณท้องแขน เนื่องจากผิวและเหงื่อของคนเราต่างกัน การทดสอบบนผิวโดยตรงจึงจะสามารถบอกได้ว่ากลิ่นจะออกมาเป็นอย่างไร ควรฉีดทิ้งไว้แล้วไปเดินเล่นสักพักเพื่อดูว่ากลิ่นติดทนหรือไม่ และเมื่อน้ำหอมผสมกับกลิ่นกายของเราแล้วจะออกมาประมาณไหน
น้ำหอมกลิ่นเดียวกันไม่ได้ให้ผลเหมือนกันทุกคน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะคะว่าผิวและเหงื่อของคนเราไม่เหมือนกัน โดยทั่วไปคนผิวแห้งจะทำให้กลิ่นจางเร็วกว่าคนผิวมัน จึงจำเป็นต้องมีขนาดพกพาไว้ติดตัวเพื่อเติมความหอมระหว่างวัน หรือไม่อย่างนั้นอาจพิจารณาเลือกน้ำหอมชนิดติดทนนานค่ะ
เลือกช่วงเวลาที่จะซื้อน้ำหอม
แน่นอนว่าไม่ควรซื้อน้ำหอมตอนเป็นหวัด เพราะจะทำให้ไม่ได้กลิ่น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่ทำให้การรับรู้กลิ่นของเรานั้นผิดเพี้ยนไป เช่น เพิ่งกินอาหารมาใหม่ ๆ ออกจากร้านส้มตำมาซื้อน้ำหอมคงจะทำให้เรางงไม่น้อยกับกลิ่นปูปลาร้าที่เพิ่งกินเข้าไปกับกลิ่นเครื่องเทศในน้ำหอมอาจผสมกันจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร นอกจากนี้หลังออกกำลังกายเสร็จใหม่ ๆ ก็ไม่ควรซื้อน้ำหอมเช่นกันค่ะ นอกจากจะเพิ่งเหนื่อยมาแล้ว การทดสอบกลิ่นกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่ออาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ตรงกับความจริงนะคะ
#1
Dior -J’adore
Dior -J’adore
3,000 บาท+
รุ่นนี้เปิดตัวในปี 1999 ความหอมหรูผู้ดีเซ็กซี่สุด ๆ เป็นที่กล่าวขาน ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของดิออร์รุ่นนี้เลยทีเดียว เหมาะกับสาววัยทำงาน ให้ลุคที่เรียบหรูดูแพงแต่แฝงความละมุนละไมได้อย่างลงตัวค่ะ
รายละเอียด | Dior -J’adore |
ราคา | 1,300 บาท+ |
ขนาด | 100 ml. |
กลิ่น | กุหลาบดามัสค์, ไม้จันทน์เทศ, มะลิแซมบัค |
ข้อดี
#2
Versace – Bright Crystal
Versace – Bright Crystal
3,400 บาท+
สาวหวานมาทางนี้ กับกลิ่นที่เลื่องลือในความสดใสน่ารักขี้เล่น แต่ดูเป็นคุณหนู ไม่เชื่อดูขวดซะก่อน หวานกินขาด ส่วนเรื่องกลิ่นรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
รายละเอียด | Versace – Bright Crystal |
ราคา | 3,400 บาท+ |
ขนาด | 50 ml. |
กลิ่น | แมกโนเลีย, พีโอนี, โบตั๋น |
ข้อดี
#3
Lancome – La Vie est Belle
Lancome – La Vie est Belle
2,300 บาท+
การรันตีด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมชาวฝรั่งเศสถึง 3 คนที่ช่วยกันปรุงความหอมจนกลายเป็นกลิ่นที่รัญจวนใจ เดินไปที่ไหนก็เปล่งประกายความหอมจนหลายคนร้องทักด้วยความประทับใจ บอกต่อกันขนาดนี้ไม่มีไม่ได้แล้วนะคะ
รายละเอียด | Lancome – La Vie est Belle |
ราคา | 2,300 บาท+ |
ขนาด | 100 ml. |
กลิ่น | ดอกส้ม, แบลคเคอร์เรนท์, ลูกแพร์ |
ข้อดี
#4
Chanel – No.5
Chanel – No.5
5,900 บาท+
ความหอมระดับตำนานที่บอกเล่ากันมารุ่นต่อรุ่น ถ้าของเขาไม่ดีจริงคงไม่อมตะขนาดนี้ เพราะหากนับอายุตั้งแต่ปรุงครั้งแรกก็ร่วม 100 ปีแล้ว หลายเสียงบอกต่อถึงความเย้ายวน แต่จะทำให้คนข้าง ๆ คลั่งรักได้แค่ไหนต้องลองเองนะคะ
รายละเอียด | Chanel – No.5 |
ราคา | 5,900 บาท+ |
ขนาด | 100 ml. |
กลิ่น | เมย์โรส, มะลิ |
ข้อดี
#5
Yves Saint Laulent – Black Opium
Yves Saint Laulent – Black Opium
4,000 บาท
ใครได้กลิ่นนี้แล้วต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เผ็ดมากจ้ะแม่” เป็นกลิ่นที่ฟาดแบบร้อนแรงสุด ๆ เดินไปไหนคู่แข่งไม่เผยอแน่นอน เพราะกลิ่นที่เย้ายวน ดุดัน แต่น่าค้นหาสไตล์สาวปารีเซียง เป็นอีกกลิ่นที่เหมาะกับปาร์ตี้กลางคืน แต่ระวังให้ดี! ใช้กลิ่นนี้แล้ว หนุ่ม ๆ จะคลั่งรักจนคุณจัดคิวไม่ทันเลยล่ะ!
รายละเอียด | Yves Saint Laulent – Black Opium |
ราคา | ราคา 4,000 บาท+ |
ขนาด | 90 ml. |
กลิ่น | กาแฟ, วนิลา |
ข้อดี
#6
Chanel – CoCo Mademoiselle
Chanel – CoCo Mademoiselle
3,000 บาท
ความเรียบง่ายแต่ลึกลับอย่างลงตัวมีอยู่ในขวดนี้ที่มาพร้อมกับความหวานแบบชนชั้นสูง ให้ความรู้สึกมีระดับแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นกันเองและมีเสน่ห์สุด ๆ
รายละเอียด | Chanel – CoCo Mademoiselle |
ราคา | ราคา 3,000 บาท+ |
ขนาด | 100 ml. |
กลิ่น | โอเรียนทัล วูด, แอมเบอร์รี่ |
ข้อดี
#7
Miss Diore – Blooming Bouquet
Miss Diore – Blooming Bouquet
3,500 บาท+
กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ให้อารมณ์เจ้าหญิงที่น่าทะนุถนอม ใครได้กลิ่นแล้วอยากจะเข้ามาปกป้องทันที สไตล์อ่อนหวานน่ารักเป็นสาวน้อยบอบบาง ใครอยากได้ฟีลนี้จัดไปเลยค่ะ
รายละเอียด | Miss Diore – Blooming Bouquet |
ราคา | 3,500 บาท+ |
ขนาด | 50 ml. |
กลิ่น | พีโอนี, กุหลาบดามัสค์, มะกรูดคาลาเบรียน |
ข้อดี
#8
CK – One
CK – One
2,800 บาท
เป็นน้ำหอม Unisex ชนิดแรกของโลก คือเป็นกลิ่นที่ปรุงออกมาสำหรับใช้ได้ทั้งชายและหญิง โดยถือกำเนิดในปี 1994 และคงความหอมระดับตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
รายละเอียด | CK – One |
ราคา | 2,800 บาท+ |
ขนาด | 200 ml. |
กลิ่น | ส้มแมนดาริน, โอ๊คมอส, ซิตรัส วูดดี้, มะละกอ, มัสค์, เลมอน, ไม้จันทน์หอม |
ข้อดี
#9
Calvin Klein – Eternity
Calvin Klein – Eternity
2,800 บาท+
ความเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นนี้อยู่ที่เมื่อฉีดทิ้งไว้สักพักกลิ่นจะดีกว่าเดิม จนคนรอบข้างพากันร้องทัก หลายคนติดใจจนซื้อใช้ซ้ำ มีดีอะไรขนาดนี้ต้องพิสูจน์เองแล้วนะคะ
รายละเอียด | Calvin Klein – Eternity |
ราคา | 2,800 บาท+ |
ขนาด | 100 ml. |
กลิ่น | กรีน ซิตรัส |
ข้อดี
#10
Jo Malone – English Pear&Freesia
Jo Malone – English Pear&Freesia
2,000 บาท+
ให้ความหรูหราแบบผู้ดีอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ มีความหวานสดใสอย่างลงตัว ให้ความรู้สึกสะอาดน่าเข้าใกล้และเป็นกันเอง ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัว
รายละเอียด | Jo Malone – English Pear&Freesia |
ราคา | 2,000 บาท+ |
ขนาด | 30 ml. |
กลิ่น | ลูกแพร์, ดอกพริเซียร์ |
ข้อดี
เสน่ห์ที่สำคัญอยู่ที่ความเป็นกันเองและรอยยิ้มสดใสซึ่งจะสามารถพิชิตใจคนรอบข้างได้ทุกโอกาส แต่ถ้าอยากเป็นต่อ ลองเพิ่มความหอมให้กับตัวเองดูนะคะ บางทีอาจจะได้ผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายกลับมาก็ได้ค่ะ
dragonflydays