วิธีทําให้ตัวเองดูดี สวยขึ้น มีเสน่ห์แบบธรรมชาติใน 1 เดือน

วิธีทำให้ตัวเองสวยขึ้น
หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!

ADVERTISEMENT


ใคร ๆ ก็อยากดูดีมีเสน่ห์กันทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเรา ๆ ที่ต้องฟันฝ่าทั้งเรื่องการงานและความรัก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้การแข่งขันก็สูงปรี๊ด จะทำตัวธรรมดาแล้วให้โอกาสวิ่งมาหานั้นเห็นทีจะยาก เผลอ ๆ บางอย่างที่ทำไปอาจเป็นการทำลายเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นวันนี้เราจะมาบอกวิธี “ทำเสน่ห์” แบบไม่ต้องพึ่งคุณไสย แต่ได้ผลชัวร์ ๆ ถ้าอยากรู้ก็ไปต่อกันเลยค่ะ

เสน่ห์ภายนอก

เราจะไม่มาโลกสวยล่ะนะ ยอมรับความจริงเถอะว่าคนเราตัดสินกันที่ภายนอกก่อน เพราะเมื่อพบเจอกันครั้งแรกย่อมไม่มีใครรู้ถึงนิสัยใจคอแน่นอน สิ่งที่เห็นก่อนก็คือรูปร่างหน้าตา แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งด่วนไปจองคิวทำศัลยกรรมนะคะ เพราะความมีเสน่ห์นั้นไม่จำเป็นว่าคุณจะหน้าตาอย่างไร ขอให้ปฏิบัติตามแนวทางรักษาสุขภาพเบื้องต้นดังต่อไปนี้ค่ะ

รักษาความสะอาด

ความสะอาดนี่ต้องมาก่อนเลย ลองคิดดูสิคะว่าถ้าเราเจอคนหน้าตาสวย ๆ แต่ไม่อาบน้ำมาสักสามวันนี่จะไหวไหม อย่างน้อยคงต้องยืนไกล ๆ สักสามเมตร เห็นไหมคะว่าความสะอาดสำคัญแค่ไหน อาบน้ำสระผมให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้อาจจะไม่น่าห่วงเท่าเรื่องการเช็ดเครื่องสำอาง เพราะสาว ๆ หลายคนต้องแต่งหน้า และพอไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนดึกดื่น กลับมาบ้านก็ล้มตัวนอนเลย อาจทำให้สิวขึ้นได้ นอกจากนี้เรื่องเล็บมือเล็บเท้าถ้าไม่ใช่คนชอบทาเล็บก็หมั่นดูแลตัดให้สั้นและอย่าให้เล็บดำนะคะ

เสื้อผ้า หน้า ผม เหมาะสมกัน

เป็นผู้หญิงต้องรู้จักแต่งหน้านะคะ เคยมีการสำรวจมาแล้วว่าผู้หญิงที่แต่งหน้าจะมีโอกาสได้งานมากกว่าผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้า เป็นเพราะว่าการแต่งหน้าทำให้เราดูเหมือนคนมีความสามารถนั่นเอง ใครที่แต่งหน้าไม่เป็นสามารถหาดูจากคลิปยูทูปได้เลยค่ะ ส่วนเสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป เพียงแต่เอามาใช้ให้เหมาะสมและจัดชุดให้เข้ากันก็พอ แต่ถ้าใครมีงบประมาณเพียงพอจะใช้ของแบรนด์เนมก็ไม่ว่ากัน เรื่องนี้ต้องแล้วแต่รายได้ของแต่ละคน เอาเป็นว่าถ้าไม่เดือดร้อนกระเป๋าตังค์ก็จัดไป โดยให้คำนึงถึงหลักต่อไปนี้

  • เหมาะสมกับรูปร่าง รูปร่างของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป บางคนผอม บางคนอวบ ซึ่งการเลือกเสื้อผ้าและวิธีแต่งหน้าสามารถทำให้เราดูดีได้ในแบบที่เราเป็นค่ะ
  • เหมาะสมกับวัย การตกแต่งภายนอกไม่ว่าจะเป็นด้วยเสื้อผ้า ทรงผม และการแต่งหน้าล้วนแต่มีส่วนช่วยให้เราดูดีขึ้นตามวัยหรืออาจทำให้ดูอ่อนกว่าวัยได้โดยไม่ขัดตาค่ะ
  • เหมาะสมกับโอกาส หรือจะเรียว่าเหมาะกับกาลเทศะนั่นเอง บางทีชุดสวยบนชายหาดอาจไม่เหมาะกับใส่ไปทำงาน การแต่งตัวให้เหมาะกับโอกาสทำให้เราดูเป็นมือโปรด้วยค่ะ

ทาครีมกันแดด

ยังนึกไม่ออกว่าจะบำรุงผิวยังไง ก็ให้ทาครีมกันแดดทุกเช้าค่ะ เพราะแสงยูวีนั้นแทรกซึมไปทุกที่แม้แต่ในตัวอาคาร การทาครีมแดดนอกจากจะเป็นการช่วยชะลอริ้วรอยและฝ้ากระจุด่างดำแล้ว ยังช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังอีกด้วย อย่าปล่อยให้หน้าดำหม่นหมองจนเหมือนโดนของมา จะทำให้หมดราศี และไม่ดึงดูดโอกาสดี ๆ นะคะ

ออกกำลังกาย

ไม่ว่ายุคไหน ๆ ก็ต้องใส่การออกกำลังกายไว้ในเรื่องของการดูแลสุขภาพเสมอ เราอาจได้ยินคนพูดจนเบื่อ และคิดว่า “รู้แล้วน่า” แต่ถามจริง ๆ มีใครทำได้บ้าง(ไม่มีใครยกมือเลยนะ555) อย่าเพิ่งอ้างว่าไม่มีเงินไปยิม ที่จริงแล้วการออกกำลังกายนั้นไม่ต้องใช้เงินหรือบริเวณกว้างขวางด้วยซ้ำ ลองเปิดเพลงแล้วเต้นในห้อง หรือเปิดยูทูปแล้วทำตามท่าออกกำลังกาย แต่ถ้าขี้เกียจกว่านั้นก็ใช้เวลาแกว่งแขนสองข้างในตอนเช้าสัก 50 ครั้งก่อนก็ได้ค่ะ แค่นี้ก็สามารถมีสุขภาพดีได้แล้วนะคะ

กินอาหารให้ได้สัดส่วน

วิธีง่าย ๆ คือกินอาหารให้ครบห้าหมู่ในแต่ละวัน และบริโภคไขมันกับน้ำตาลในปริมาณที่น้อย เพราะเจ้าสองตัวนี้เป็นตัวทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งน้ำตาลยังทำให้แก่เร็วด้วยนะ

ดื่มน้ำอย่างน้อยให้ได้วันละ 8 แก้ว

การดื่มน้ำอาจเป็นเรื่องพื้นฐานที่หลายคนละเลย แต่รู้ไหมคะว่าที่จริงนั้นสำคัญมากเพราะนอกจากจะช่วยไม่ให้ผิวแห้งแล้ว ยังทำให้ระบบในร่างกายทำงานได้คล่องตัว ช่วยให้สมองสดชื่นมีพลัง ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย และบรรเทาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยค่ะ

ยืน เดิน นั่ง หลังต้องตรง

แค่หลังตรงทุกอิริยาบถก็ทำให้บุคลิกดี น่าเข้าใกล้ ดูแล้วสดชื่น ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนคอตกไหล่ห่อแน่นอนค่ะ

เสน่ห์ภายใน

เมื่อทำภายนอกให้ดูดีแล้ว การสร้างเสน่ห์จากภายในก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นการสร้างความสุขอย่างยั่งยืนให้ตัวเราเอง และเมื่อตัวเรามีความสุขก็สามารถทำให้ผู้อื่นมีความสุขได้ แต่การสร้างเสน่ห์ภายในอาจต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อย เพราะสำหรับบางคนอาจต้องถอนนิสัยไม่ดีเดิม ๆ ออกไป เพื่อปลูกฝังนิสัยใหม่ที่มีเสน่ห์ แต่ถ้าตั้งใจยังไงก็ไม่เกินความสามารถของเราหรอกค่ะ มาทำพร้อม ๆ กันเลยนะคะ

มองโลกแง่บวก

หลายคนเข้าใจผิดว่าการ “คิดบวก” คือการ หลอกตัวเองว่ากำลังวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ หรือเรียกว่า “โลกสวย” ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนะคะ

ที่จริงแล้วการมองโลกแง่บวกนั้นหมายถึง ยอมรับความจริงได้ว่าชีวิตคนเรานั้นมีทั้งดีและร้ายปะปนกัน และเมื่อเกิดเรื่องร้าย ๆ กับชีวิต ให้พิจารณาว่าเรื่องนั้นสอนอะไรเรา และเราจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

ยกตัวอย่าง เช่น วันนี้ตกงาน ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหลอกตัวเองให้ยิ้มแย้มดีใจ ถ้าเศร้าก็ร้องไห้ได้นะคะ แต่แทนที่ต้องมองว่าเรากำลังถูกโชคชะตากลั่นแกล้งหรือมองวิกฤตต่าง ๆ เป็นศัตรูกับเรา ซึ่งคิดแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะวิกฤตต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้เสมอ ชีวิตมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา ลองคิดอีกมุมว่าเรื่องนี้กำลังสอนให้เรารู้จักปรับตัวเพื่อพัฒนาตนเอง เราจะเอาช่วงตกงานนี่แหละไปพัฒนาความสามารถให้ดีขึ้น หลายคนพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตัวเองตอนเกิดวิกฤตนี่แหละค่ะ

ดังนั้นการมองบวกก็คือ “ยอมรับความจริงได้ โดยไม่เห็นความเลวร้ายเป็นศัตรู” นั่นเองนะคะ

ยอมรับความแตกต่าง

คนเราอยู่ในสังคมต้องพบเจอผู้คนมากมายที่มาจากร้อยพ่อพันแม่ เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับเราได้ทั้งหมด และก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำแบบนั้น การพูดคุยกับใครสักคนเราอาจไม่ได้เห็นด้วยกับเขา แต่สามารถรับฟังเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ได้ ให้คิดว่ายิ่งคุยกับคนแตกต่าง เรายิ่งได้ความรู้หลากหลายเพิ่มขึ้นนะคะ

รักและเคารพตัวเอง

คำว่า “รักตัวเอง” เป็นอีกคำหนึ่งที่มักนำไปใช้ตีความผิด ๆ ว่าเป็นความหมายเดียวกับคำว่า “เห็นแก่ตัว” แต่ที่จริงแล้วต่างกันมากเลยค่ะ เพราะการรักตัวเองคือการดูแลตัวเองให้ดีโดยไม่เดือดร้อนใคร แต่การเห็นแก่ตัวคือเห็นแต่ความสุขของตัวเองทั้ง ๆ ที่ความสุขนั้นกำลังเบียดเบียนผู้อื่น

ดังนั้นการรักตัวเองไม่ใช่สิ่งผิด เรายังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ และเรื่องนั้นต้องไม่เดือดร้อนตัวเราเองด้วย เราสามารถตัดสินใจทำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ และต้องเข้าใจด้วยว่าการตัดสินใจทุกครั้งมีความเสี่ยงที่จะพลาด แต่ต้องเคารพการตัดสินใจของตัวเองเป็นหลัก เมื่อพลาดก็ยอมรับและตั้งใจแก้ไข เพื่อจะได้เป็นคนที่ดีขึ้นต่อไป อย่างนี้จึงเรียกได้ว่ารักตัวเองอย่างแท้จริงค่ะ

หยุดวิจารณ์ผู้อื่น

การวิพากษวิจารณ์หรือนินทาใครสักคน ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าคน ๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่เป็นการแสดงนิสัยขี้นินทาของเราออกมา ทำให้เราดูเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ เพราะคนจะรู้สึกว่าถ้าคุยอะไรกับเราอาจถูกเอาไปนินทาลับหลังได้ มีคำกล่าวว่า “การดึงให้คนอื่นต่ำ ไม่ได้ทำให้เราสูงขึ้น” และที่จริงยังจะทำให้เราดูแย่ลงด้วย

ทางที่ดีที่สุดคือออกจากกลุ่มคนขี้นินทา เพราะบางทีการที่เราชอบวิจารณ์อาจติดนิสัยมากจากคนที่รายล้อมเรา เพราะเราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราสนิทสนมด้วย คบคนแบบไหนก็จะกลายเป็นแบบนั้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็แค่ยืนฟัง อย่าไปอ้าปากร่วมวิจารณ์ด้วยอย่างเด็ดขาด และใช้เวลาอื่น ๆ ของเราไปกับการพัฒนาตนเองและเข้ากลุ่มกับคนสำเร็จดีกว่าค่ะ

รู้จัก “ขอบคุณ” เป็นนิสัย

นี่เป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน แต่ถูกหลายคนละเลยไปมาก เพราะเห็นว่าบางเรื่องไม่จำเป็นต้องขอบคุณก็ได้ ซึ่งทำให้เสน่ห์ของเราลดลงไปโดยไม่รู้ตัว สาว ๆ บางคนคบกับแฟนแรก ๆ เมื่อผู้ชายไปส่งที่บ้านยังขอบคุณเขา แต่พอนาน ๆ ไปก็รู้สึกว่า “นี่เป็นหน้าที่ของผู้ชายอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณก็ได้” เชื่อไหมคะว่าความคิดนี้พลาดมาหลายคนแล้ว เป็นสาเหตุของการเลิกรากันไปได้ทีเดียว เพราะคำ “ขอบคุณ” หมายถึงความซาบซึ้งในสิ่งนั้น ๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ดังนั้นคู่รักที่อยู่ด้วยกันโดยขาดความซาบซึ้งใจก็เท่ากับมองไม่เห็นความดีของอีกฝ่าย จึงทำให้ความรักจืดจางลงไปได้ง่าย ๆ เลยล่ะค่ะ

ดังนั้นหัดขอบคุณให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่อำนวยความสะดวกให้กับเรา(การชอบคุณสิ่งของอาจขอบคุณในใจไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ค่ะ) ขอบคุณความช่วยเหลือของใคร หรือมีคนให้ของก็ต้องรีบขอบคุณก่อน แม้ว่าของนั้นอาจจะไม่ถูกใจเรา แต่ที่เราขอบคุณคือ “น้ำใจของเขา” ค่ะ

เห็นไหมคะว่าการสร้างเสน่ห์นั้นไม่ได้ยากเกินไป และสามารถทำได้ด้วยตัวเองทันที  เพียงแค่ปรับเปลี่ยนอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านี้ภายใน 1 เดือนรับรองว่าต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน พร้อมแล้วมาเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมโดยเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยนะคะ

dragonflydays

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: ,