15 กิจกรรมน่าทำที่ดูไบ (Dubai) ไปดูไบจะทำอะไรดี ?

ดูไบ (Dubai) เป็นนครใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) ใครได้ไปเยือนนครแห่งนี้จะรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งอนาคตเลยทีเดียว เพราะที่นี่เป็นเมืองหรูหราระดับโลก เป็นเมืองแห่งความเป็นที่สุดของโลก และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่นักเดินทางต่างปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทางในฝัน ซึ่งในตอนนี้หากใครอยากไปเที่ยวดูไบ หรือจองตั๋วเครื่องบินไปดูไบก็ไปได้แล้ว เพราะดูไบเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ก่อนจะไปจองตั๋วเครื่องบินไปดูไบ กับ Traveloka ก็ได้เช็คมาตรการสนามบินของดูไบกันเลยที่นี่ > https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel

หลังจากที่จองตั๋วเครื่องบินไปดูไบ มาดูกันว่า “15 กิจกรรมน่าทำที่ดูไบ (Dubai)” มีอะไรบ้างไป จะได้เตรียมแพคกระเป๋า จัดโปรแกรมไว้ล้วงหน้าว่าไปดูไปจะทำอะไรดี

#1
ชมวิวบนตึกที่สูงที่สุดในโลก

ตึกเบิร์จคาลิฟา (Burj Khalifa) หรือที่เรียกกันว่า “ตึกเบิร์จดูไบ” (Burj Dubai) เป็นตึกที่ยิ่งใหญ่สุดอลังการ ตั้งโดดเด่นอยู่กลางเมืองดูไบ ออกแบบโดย “เอเดรียน สมิธ” (Adrian Smith) สถาปนิกจากเมืองชิคาโก โดยได้แรงบันดาลใจมาจากดอกไม้ทะเลทรายที่เรียกว่า “พลับพลึงตีนเป็ด” (Spider Lily) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้และเม็กซิโก เป็นสถาปัตยกรรมรูปทรงเรขาคณิต มีฐานเป็นรูปตัว Y เพื่อเพิ่มความมั่นคงของพื้นที่ ภายในตึกมีทั้งสำนักงาน ภัตตาคาร คอนโด สระว่ายน้ำกลางแจ้ง สุเหร่า หอสังเกตการณ์กลางแจ้งที่สูงที่สุดในโลก และยังเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลกบนดาดฟ้าของตึก 162 ชั้น

สามารถชมวิวเมืองดูไบได้แบบ 360 องศา อลังการตระการตาเป็นที่สุด

#2
ช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าดูไบมอลล์

“ดูไบมอลล์” (Dubai Mall) เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของโลก ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับอาคารเบิร์จคาลิฟา ภายในพื้นที่ 3.77 ล้านตารางฟุต เป็นศูนย์รวมแบรนด์แฟชั่นสุดหรูกว่า 1,200 ร้าน ร้านอาหาร 200 ร้าน โรงแรม 5 ดาว โรงภาพยนตร์ 22 จอ และยังมีจุดที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น “ตลาดทองคำดูไบ” (Dubai Gold Souk) ตลาดขายทองในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและสวนสัตว์ใต้น้ำดูไบ” (Dubai Aquarium & Underwater Zoo) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 8 ของโลก “ดูไบไอซ์ริงค์” (Dubai Ice Rink) ลานสเก็ตน้ำแข็งขนาดมาตรฐานโอลิมปิก “คิดส์ซาเนีย” (Kid Zania) แหล่งความรู้และความบันเทิงสำหรับเด็ก และ “สกีดูไบ” (Ski Dubai) ลานสกีและสวนหิมะในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก

#3
ตื่นตากับขีวิตสัตว์โลกใต้น้ำ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและสวนสัตว์ใต้น้ำดูไบ (Dubai Aquarium & Underwater Zoo) ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า “ดูไบมอลล์” (Dubai Mall) ดูไบอควาเรียมนับเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้รับการบันทึกโดยกินเนสส์บุ๊กว่าเป็น “แผงอะคริลิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก” อุโมงค์ขนาดมหีมาของที่นี่นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปดูไบ สามารถเดินชมความมหัศจรรย์ของสัตว์น้ำใต้ทะเลกว่า 33,000 ชนิด กว่า 220 สายพันธุ์ รวมถึงฉลามและปลากระเบนได้อย่างใกล้ชิด ในส่วนของสวนสัตว์ใต้น้ำ มีตู้จัดแสดงสัตว์น้ำทั้งหมด 36 ตู้ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมทางน้ำแบบต่างๆ ของสัตว์น้ำ และยังมีนกเพนกวิน แมวน้ำ ปิรันยา แมลงต่างๆ สัตว์เลื้อยคลาน และราชาจระเข้ที่ตัวยาวกว่า 5 เมตร ให้ได้ชมอีกด้วย

#4
เที่ยวชมห้างที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ

ห้างสรรพสินค้ามอลล์ออฟเอมิเรตส์ (Mall of the Emirates) ตั้งอยู่ในย่านอัลบาร์ชา (Al Barsha) เป็นอาคาร 3 ชั้น เป็นการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความเป็นอาหรับและเมดิเตอร์เรเนียนเข้าด้วยกัน หนึ่งในห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้มีร้านค้าปลีกมากกว่า 630 แห่ง ที่จอดรถ 7900 ร้านอาหารและคาเฟ่กว่า 100 ร้าน ร้านค้าสุดหรู 80 ร้าน และร้านแฟล็กชิพ 250 แห่ง ศูนย์รวมแห่งความบันเทิงของที่นี่อัดแน่นไปด้วยลานโบว์ลิ่ง สระว่ายน้ำ โต๊ะบิลเลียด เครื่องเล่นม้าหมุน มีไฮไลท์โดดเด่นอยู่ที่ “สกีดูไบ” (Ski Dubai) สวนหิมะและสกีรีสอร์ทในร่มแห่งแรกของตะวันออกกลาง มีกิจกรรมท้าทายมากมายให้เลือกสนุก ทั้งสโนว์บอร์ด รถเลื่อนหิมะ กระเช้าสกี กลิ้งลูกบอลยักษ์ และสกี นอกจากนี้ยังมีโรงละครและศูนย์ศิลปะ เป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานภาพวาดและงานศิลปะต่างๆ

#5
เยี่ยมชมมัสยิดหลวงเชคซัยยิด

มัสยิดหลวงเชคซัยยิด (Sheikh Zayed Grand Mosque) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก ยิ่งใหญ่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมอิสลามร่วมสมัย มีเสาหินอ่อนสูงใหญ่ 4 ต้น ตั้งอยู่ 4 มุมของลานมัสยิดซึ่งปูพื้นด้วยหินอ่อนสีขาว มีหอคอยยืนโดดเด่นสวยสง่า ภายในมัสยิดตกแต่งอย่างวิจิตร ทั้งพื้นทางเดินซึ่งปูด้วยพรมลายดอกไม้ผืนใหญ่ที่สุดในโลก และโคมไฟซึ่งทำด้วยทองคำแท้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกเช่นกัน มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นสุสานหลวงที่ฝังพระบรมศพของ “ชีคซายิดบิน สุลต่านอัลนาห์ยัน” (Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyan) อดีตประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่นี่ยังมีห้องสมุดที่มีหนังสือวิชาการของอิสลามและสิ่งพิมพ์ที่หายากให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปดูไบได้เยี่ยมชมด้วย

#6
ชมน้ำพุเต้นระบำ

น้ำพุแห่งดูไบ (Dubai Fountain) หรือ “น้ำพุเต้นระบำ” เป็นหนึ่งไฮไลท์โดดเด่นของดูไบ และได้รับการรับรองจากกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ดให้เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำพุแห่งดูไบตั้งอยู่บนทะเลสาบเบิร์จคาลิฟา (Burj Khalifa Lake) ที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ มีขนาดใหญ่ถึง 30 เอเคอร์ ตั้งอยู่ที่ใจกลางศูนย์การพัฒนาดาวน์ทาวน์แห่งดูไบ (Downtown Dubai development) น้ำพุสุดอลังการแห่งนี้มีความยาว 275 เมตร และยิงน้ำขึ้นฟ้าได้สูงถึง 152.4 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึกสูงประมาณ 50 ชั้น ไฟส่องสว่างประกอบไปด้วยหลอดไฟ 6,600 ดวงและโปรเจ็กเตอร์สี 50 ตัว โดยจะแสดงประกอบดนตรีหลากหลายแนวเพลงครั้งละประมาณ 5 นาที ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปดูไบเข้าชมได้ตลอดทั้งปี

#7
สำรวจรีสอร์ทสไตล์อาหรับ

“มาดินาทจูไมราห์” (Madinat Jumeirah Resort) เป็นโรงแรมและรีสอร์ทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดูไบ ตั้งอยู่ติดชายหาดจูไมราห์ (Jumeirah Beach) ได้รับการออกแบบให้คล้ายกับเมืองอาหรับแบบดั้งเดิม ภายในพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตร มีโรงแรมบูติก 3 แห่ง คือ จูไมราห์อัลกาสร์ (Jumeirah Al Qasr) “จูไมราห์มินาอะซาลัม” (Jumeirah Mina A’Salam) และ “จูไมราห์อัลมาซีม (Jumeirah Al Naseem) และวิลลาสไตล์อาหรับที่เรียกว่า “จูไมราห์ดาร์อัลมาสยาฟ” (Jumeirah Dar Al Masyaf) 29 หลัง และยังมี “เมดิแนทจูไมราซุก” (Madinat Jumeirah Souk) เป็นศูนย์การค้าสไตล์อาหรับโบราณบรรยากาศสุดคลาสสิกให้ช้อปของที่ระลึกเพลินๆ อีกด้วย

#8
ล่องเรือชมบรรยากาศริมคลองดูไบ

คลองดูไบ (Dubai Creek) เป็นคลองน้ำเค็มที่มีต้นน้ำมาจากอ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) แบ่งเมืองดูไบออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งเมืองใหม่ “เดียรา” (Deira) และฝั่งเมืองเก่า “เบอร์ดูไบ” (Bur Dubai) คลองดูไบยังเป็นคลองสายสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองท่าในทศวรรษที่ 20 และเป็นพื้นที่ทำการประมงของและการงมไข่มุกของชาวอาหรับ ชนชาติแรกที่มีการนำไข่มุกมาค้าขาย จนกลายเป็นอัญมณีที่มีราคาสูง ไฮไลท์ห้ามพลาดคือการล่องเรืออับเราะห์ (Abra) เรือไม้สไตล์อาหรับเที่ยวชมสถานที่เก่าแก่ต่างๆ และวิถีชีวิตชาวเมืองอย่างเช่น ย่านอัลซับคาห์ (Al Sabkha) ซึ่งเป็นตลาดเครื่องเทศและตลาดผ้า และ “ตลาดทองคำดูไบ” (Dubai Gold Souk) พื้นที่ซื้อขายทองคำและอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในดูไบ

#9
เยือนหมู่เกาะต้นปาล์ม

หมู่เกาะต้นปาล์ม (The Palm Island) ถือเป็นโครงการสร้างเกาะใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก โดยเป็นการถมทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย เพื่อสร้างเกาะ 3 เกาะ

คือ ปาล์มจูไมราห์ (Palm Jumeirah) ปาล์มเจเบลอาลี (Palm Jebel Ali) และ ปาล์มเดียรา (Palm Diera) โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม มีใบปาล์มแยกออกมา 7 แฉก และมีเขื่อนรูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวล้อมรอบตัวเกาะอยู่อีกชั้น เป็นพื้นที่สําหรับที่พักอาศัย วิลลา คอนโดมิเนียม โรงแรมและรีสอร์ทสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ห้างสรรพสินค้า และมีสวนน้ำอควาเวนเจอร์ (Aquaventure Waterpark) หนึ่งในสวนน้ำที่ได้รับการยกย่องว่าอลังการที่สุดในโลก

#10
ตะลุยสวนน้ำอควาเวนเจอร์

สวนน้ำอควาเวนเจอร์ (Aquaventure Waterpark) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวนน้ำที่อลังการแสนตื่นเต้นที่สุดในโลก และดีที่สุดในดูไบ ตั้งอยู่ในบริเวณรีสอร์ตหรูระดับ 5 ดาว “แอทแลนติสเดอะปาล์ม” (Atlantis the Palm) บนเกาะปาล์มจูไมราห์ (Palm Jumeirah) ไฮไลท์ของที่นี่คือการชมฝูงฉลามด้วยวิธีสุดเสียวด้วยเครื่องเล่นที่ชื่อ “Shark Attack” และ “Tower Of Neptune” เป็นการลื่นสไลด์ด้วยความเร็วสูงลงสู่ท้องทะเลไปหาฝูงฉลามที่แหวกว่ายอยู่ด้านล่าง ส่วน “ Shark Safari” เป็นการสำรวจใต้น้ำด้วยการใส่หมวกกันน็อกพิเศษ และยังมีโซน Dolphins Bay ให้ได้สัมผัสความน่ารักของโลมาอย่างใกล้ชิด สุดท้าทายกับ “Atlantean Flyer Zip Line” ชิบไลน์ที่มีระยะทางยาวที่สุดในตะวันออกกลาง ชมวิวของสวนน้ำจากมุมสูง

#11
สำรวจดูไบมารีนา

ดูไบมารีนา (Dubai Marina) เป็นเมืองแห่งคลองที่เกิดจากการสร้างของมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 3 กิโลเมตร มารีนาตั้งอยู่ริมอ่าวเปอร์เซีย ทางฝั่งตะวันตกของดูไบ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร รอบด้านของมารีน่าแห่งนี้เต็มไปด้วยตึกระฟ้า สวนสาธารณะ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ “มารีนามอลล์” (Marina Mall) ที่มีร้านค้าและร้านบูติก 160 แห่ง ให้เดินช้อปปิ้งเพลินๆ ไฮไลท์ของที่นี่คือ “มารีนาวอล์ก” (Marina Walk) ทางเดินริมน้ำสำหรับเดินชมบรรยากาศโดยรอบป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร หรือใครจะนั่งเรือโบราณเพื่อชมบรรยากาศ ก็เพลิดเพลินได้ไม่แพ้กัน ส่วนนักชิมต้องไม่พลาด “กูรเมต์ทาวเวอร์” (Gourmet Tower) อาคาร 7 ชั้น ที่อัดแน่นไปด้วยร้านอาหารหลากสไตล์ และมีวิวสวยๆแบบ 360 องศา ให้ได้ชม

#12
เช็กอินที่โรงแรมเรือใบ

โรงแรมเบิร์จอัลอาหรับ (Burj Al Arab) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โรงแรมเรือใบ” หนึ่งในสัญลักษณ์ของดูไบ เป็นโรงแรมที่สูงที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้นห่างจากชายฝั่งจูไมราห์บีซ 280 เมตร ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายใบของเรือใบโบราณของชาวอาหรับ โรงแรมหรูแห่งนี้ มีห้องสวีท 202 ห้อง โดยแต่ละห้องได้รับการตกแแต่งสุดวิจิตร มีวิวอ่าวเปอร์เซียให้ชมอย่างเต็มตาทุกห้อง อีกทั้งยังมีรีสอร์ทตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเล และมีห้องอาหารใต้ทะเลให้ดื่มด่ำกับเมนูพิเศษ พร้อมๆ กับชมทิวทัศน์ของโลกใต้ทะเลอันแสนมหัศจรรย์ โรงแรมแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความยิ่งใหญ่ ทั้งความหรูหรา การตกแต่ง การให้บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่มีอยู่อย่างครบครัน เรียกได้ว่าเกินมาตรฐานระดับ 5 ดาว ไปจนถึงระดับ 7 ดาว เลยทีเดียว

#13
เที่ยวสวนน้ำไวลด์วาดี

สวนน้ำไวลด์วาดี (Wild Wadi Water Park) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับ (Burj Al Arab) เป็นสวนน้ำกลางแจ้งอัดแน่นไปด้วยเครื่องเล่นสุดตื่นเต้น 24 ชนิด สวนน้ำแห่งนี้ออกแบบมาให้เหมือนโอเอซิสแบบอาราเบียนที่เรียกกันว่า “วาดิ” จุดเด่นอยู่ตรงที่เครื่องเล่นส่วนใหญ่เชื่อมต่อถึงกัน จึงไม่ต้องขึ้นจากน้ำเพื่อไปเข้าแถวให้เสียเวลา ไฮไลท์ของที่นี่คือ “จูไมราห์สไกราห์” (Jumeirah Sceirah) สไลเดอร์ที่ยาวและสูงที่สุดในโลก ที่ความสูง 120 เมตร นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นเด่นๆ อย่างเช่น “เบรกเกอร์เบย์” (Breaker’s Bay) เป็นสระน้ำคลื่นจำลองที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง “มาสเตอร์บลาสเตอร์” (Master Blaster) รถไฟเหาะสไลเดอร์น้ำขึ้นเขา และ “สไลเดอร์ริงไรด์” (Ring Rides) ซึ่งมีทั้งห่วงเดี่ยวและห่วงคู่ให้เลือกสนุก

#14
นั่งรถตะลุยทะเลทรายอาหรับ

ทะเลทรายอาหรับ (Arabian Desert) อยู่ห่างจากตัวเมืองดูไบประมาณ 40 นาที เป็นทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 และเป็นทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย มีพื้นที่ประมาณ 2.33 ล้านตารางกิโลเมตร และนอกจากนี้มันยังเป็นทะเลทรายที่มีผืนทรายต่อเนื่องกันที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีพิื้นที่ครอบคลุมกว่า 8 ประเทศ ได้แก่ อิรัก จอร์แดน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และเยเมน ที่นี่มีกิจกรรมสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ นั่งรถออฟโรดหรือรถโฟร์วิลตะลุยเนินทรายหรือที่เรียกว่า “Dune Bashing” เป็นการขับรถขึ้นลงเนินที่สุดหวาดเสียวท้าทาย อีกกิจกรรมยอดนิยมคือสัมผัสบรรยากาศสไตล์เบดูอิน ณ แคมป์กลางทะเลทราย ทั้งขี่อูฐชมพระอาทิตย์ตกดิน ถ่ายรูปกับนกเหยี่ยว ดินเนอร์แบบบาบีคิวบุฟเฟต์ พร้อมชมโชว์ระบำหน้าท้อง ทดลองสูบชิชา (Shisha) และ เพ้นท์เฮนนา

#15
สำรวจย่านเมืองเก่า

“บาสตากิยา” (Al Bastakiya) เป็นย่านเมืองเก่าที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์ของนครดูไบ สร้างขึ้นราวปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ในอดีตบริเวณนี้ถูกเรียกว่า “อุทยานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอัลฟาฮิดิ” (Al Fahidi Historical and Cultural Area) เป็นชุมชนของพ่อค้าชาวเปอร์เซีย สร้างขึ้นโดยพ่อค้าไข่มุกฐานะดีชาวอิหร่าน จุดเด่นของที่นี่คือ ถนนสายแคบๆ ที่คดเคี้ยว เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยต่างๆ มีอาคารบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์อาหรับพื้นเมือง สร้างด้วยหินปะการัง ยิปซัมและหินปูน โดยมีเอกลักษณ์สำคัญของอยู่ที่ “กังหันลมแบดเจอร์” (Badger) หรือ “หอลม” (Wind Towers) ที่เป็นภูมิปัญญาของคนในอดีต เป็นอาคารสูงรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ใช้ดักลมให้เข้ามาในอาคารเพื่อคลายร้อน ที่ย่านนี้ยังมีที่พัก แกลลอรี ร้านขายของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารและร้านกาแฟให้นักท่องเที่ยวได้นั่งโพสท่าถ่ายรูปเก๋ๆ อีกด้วย

ดูไบตั้งอยู่ติดกับเขตทะเลทราย ในช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ช่วงที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปดูไบจะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน อากาศเย็นสบายและท้องฟ้าแจ่มใสสุดๆ