ADVERTISEMENT
- วิธีเดินทางคร่าวๆในโตเกียว
- #1ที่เที่ยวโตเกียวบ่อน้ำพุร้อนโอเอโดะโมโนกาตาริ(Oedo Onsen Monogatari)
- #2ที่เที่ยวโตเกียวหอคอยโตเกียว(Tokyo Tower)
- #3ที่เที่ยวโตเกียวมาเธอร์ฟาร์ม(Mother Farm)
- #4ที่เที่ยวโตเกียวร้านน้ำชาโอโมริชายะ(Omori Chaya)
- #5ที่เที่ยวโตเกียวสวนอูเอโนะ(Ueno Park)
- #6ที่เที่ยวโตเกียวโตเกียว ดิสนีย์ รีสอร์ท(Tokyo Disney Resort)
- #7ที่เที่ยวโตเกียวโตเกียว สกายทรี(Tokyo Sky Tree)
- #8ที่เที่ยวโตเกียววัดเซนโซจิ หรือวัดโคมแดง(Asakusa Kannon Temple)
- #9ที่เที่ยวโตเกียวตลาดปลาซึกิจิ(Tsukiji Fish Market)
- #10ที่เที่ยวโตเกียวย่านชิบูย่า(Shibuya)
โตเกียว หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีความครบเครื่องในทุกๆเรื่อง บางครั้งเมืองแห่งนี้ก็เป็นเมืองที่หรูหราดูดีมีเสน่ห์ แต่บางมุมก็มีความคลาสสิคซ่อนอยู่มากมายจนสาธยายไม่หมด ดังนั้น 10 ที่เที่ยวโตเกียว ห้ามพลาดในแต่ละฤดู ในปี 2021 บทความนี้จะขอตีแผ่เรื่องราวต่างๆในมุมที่คุณอาจจะยังไม่ทราบ ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังอยู่ในกระแสและแหล่งท่องเที่ยวที่มีการอัพเดท การเตรียมตัวรับมือกับสภาพอากาศของโตเกียวในแต่ละช่วงเวลา และ เทศกาลและกิจกรรมที่น่าสนใจในแต่ละเดือนอย่างละเอียด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจก่อนเลือกออกไปเผชิญกับประสบการณ์ในแหล่งท่องเที่ยวของจริงในกรุงโตเกียวในปี 2021 นี้นั่นเอง
วิธีเดินทางคร่าวๆในโตเกียว
การเดินทางในกรุงโตเกียวโดยบริการพาหนะสาธารณะนั้นมีหลายแบบ หลายประเภท อาทิเช่น รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถราง และรถโดยสารประจำทาง อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการหลายบริษัททั้งรัฐบาลและเอกชนอีกด้วย เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจเราจะนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับบัตรเดินทางประเภทต่างๆโดยสังเขป
1. Tokyo Metro-24 hour Ticket
ราคา Tokyo Metro-24 hour Ticket
เริ่มต้นที่
231 บาท
บัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายแบบ 24 ชั่วโมง บัตรประเภทนี้ถือว่ามีความคุ้มค่าและราคาประหยัดที่สุดสำหรับใครที่อยากท่องเที่ยวในโตเกียวด้วยรถไฟใต้ดิน โตเกียว เมโทร ที่เปิดบริการ 9 เส้นทาง ครอบคลุมพื้นที่การเดินทางในย่านสำคัญเกือบทั้งหมด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่เราพบคือไม่สามารถใช้ร่วมกับรถไฟใต้ดินโทเอ ได้นั่นเอง
2. Toei Marugoto Kippu
บัตรเดินทางเหมาจ่ายแบบ 1 วัน ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ Tokyo Metro-24 hour Ticket สิทธิ์พิเศษของผู้ถือบัตรประเภทนี้คือสามารถเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้บริการรถไฟใต้ดินและรถบัสที่ให้บริการโดยบริษัทโทเอ เท่านั้น ข้อเสียที่สำคัญก็คือไม่สามารถครอบคลุมเส้นทางต่างๆในกรุงโตเกียวได้ครบถ้วนเหมือนบัตรประเภทอื่นๆนั่นเอง
3. SEIBU 1,2 Day Pass
ราคา SEIBU 1,2 Day Pass
เริ่มต้นที่
244 บาท
บัตรเดินทางแบบเหมาจ่าย 1 หรือ 2 วัน จัดมาให้กับนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเดินทางท่องเที่ยวในแถบชานเมือง โดยเฉพาะจังหวัดไซตามะซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามน่าเยี่ยมชมอยู่หลายแห่ง ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของบัตรประเภทนี้ก็คือไม่ครอบคลุมการเดินทางภายในกรุงโตเกียว รวมถึงใช้บริการได้กับรถไฟของ SEIBU เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
4. JR Tokyo Wide Pass
บัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายมีอายุเดินทาง 3 วัน สามารถใช้บริการรถไฟ JR Railways และ TOBU ได้ทุกเส้นทาง อีกทั้งยังสามารถใช้บริการรถไฟจากสนามบินเชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงสามารถใช้บริการรถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงอย่างชินงันเซน ได้อีกด้วย ข้อดีของบัตรใบนี้ถือว่าคุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่เน้นออกไปนอกเมืองเป็นหลัก เพราะท่านสามารถเดินทางไปได้ทั้ง 8 จังหวัดในภูมิภาคคันโต ด้วยบัตรใบนี้ใบเดียวนั่นเอง ส่วนข้อเสียของบัตรประเภทนี้คือไม่สามารถใช้บริการรถไฟใต้ดิน รถบัส และรถของบริษัทอื่นๆได้ ทำให้ไม่สามารถครอบคลุมการเดินทางในกรุงโตเกียวได้ครบทุกพื้นที่เป็นต้น
5. Tokyo Free Kippu
อีกหนึ่งบัตรท่องเที่ยวสุดคุ้มที่ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการในภูมิภาคันไซ ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดตอนกลางและตะวันตกของเกาะฮอนชู ได้แก่ จังหวัดชิงะ (Shiga), จังหวัดนารา (Nara), จังหวัดวากายะมะ (Wakayama), จังหวัดเกียวโต (Kyoto), จังหวัดโอซาก้า (Osaka) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) และจังหวัดโอซาก้า (Osaka) เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางออกนอกตัวเมืองโอซาก้า หรือมีแผนการเดินทางข้ามเมืองบ่อยๆ เนื่องจากสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือบัตร Kansai Thru Pass ก็มีความคล้ายคลึงกับ Osaka Amazing Pass ที่ครอบคลุมพื้นที่การเดินทางโดย รถไฟฟ้าใต้ดิน รถบัส(บางเส้นทาง) และรถราง แต่จะมีความพิเศษกว่าคือสามารถใช้ได้กับขนส่งมวลชนที่กล่าวมาข้างต้นในทุกเมือง ทั่วทั้งเขตคันไซ รวมถึงสิทธิพิเศษในการเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภูมิภาคนี้ถึง 350 แห่ง ทั้งนี้ยังไม่รวมกับส่วนลดหรือโปรโมชั่นต่างๆของร้านค้าที่เป็นพันธมิตรของบัตรประเภทนี้ สุดท้ายสิ่งที่บัตร Kansai Thru Pass เหนือกว่าบัตรอื่นๆก็คือ นักท่องเที่ยวสามารถบริหารวันและเวลาที่ใช้บัตรได้ตามความเหมาะสมไม่จำเป็นต้องรีบใช้ให้หมด กล่าวได้ว่าการตอกบัตรหนึ่งครั้งมีระยะเวลาครอบคลุมการใช้ 1 วัน โดยนักท่องเที่ยวสามรถเดินทางได้ในทุกเส้นทางที่กำหนดไว้ หากยังไม่มีการตอกใช้ในวันถัดไปจำนวนระยะเวลาจะยังคงเหลืออยู่ตามจริงนั่นเอง
6. Tokunai Pass
บัตรเดินทางแบเหมาจ่ายมีอายุการเดินทาง 1 วัน เป็นบัตรในฝันของนักท่องเที่ยวที่ต้องการพิชิตแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในย่านสำคัญของกรุงโตเกียวให้ครบ เพราะด้วยเงื่อนไขของบัตรใบนี้ท่านสามารถเดินทางไปได้เกือบทุกสถานีที่มีรถไฟให้บริการ ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินแบบฟินสุดๆ แต่อาจต้องสะดุดเล็กน้อยเพราะข้อด้อยของบัตรใบนี้คือไม่สามารถครอบคลุมการเดินทางที่ไกลห่างออกไปจากมหานครโตเกียวนั่นเอง
7. Greater Tokyo Pass
บัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายมีอายุเดินทาง 3 วัน เป็นบัตรที่มีเงื่อนไขการใช้งานสูสีกับ JR Tokyo Wide Pass ครอบคลุมเส้นทางการเดินทางมากที่สุดในกรุงโตเกียว อีกทั้งยังสามารถใช้ท่องเที่ยวได้อีก 6 จังหวัดในเขตภูมิภาคคันโต ข้อดีของบัตรประเภทนี้คือใช้บริการขนส่งสาธารณะได้เกือบทุกบริษัท ยกเว้นรถไฟ JR และ Yuriamome บางเส้นทาง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวชีพจรลงเท้าที่อาจจะใช้เวลาบนระบบขนส่งสาธารณะมากกว่าในที่พักนั่นเอง ถ้าต้องการความสมดุลย์ของการเดินทางบัตรใบนี้ถือว่าคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสมเลยทีเดียว
8. Tokyo Subway Ticket
บัตรเหมาจ่ายที่มีอัตราการคิดค่าบริการแปลกประหลาดกว่าใครเพื่อน เพราะไม่ได้เหมากันเป็นวันแต่คิดเวลาตามจริงรายชั่วโมงนั่นเอง ข้อดีของบัตรใบนี้คือสามารถครอบคลุมการเดินทางไปได้ทุกพื้นที่ซึ่งรถไฟใต้ดินสามารถสัญจรไปถึง โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองแทบจะครบจบในบัตรเดียว แต่ข้อเสียของบัตรใบนี้คือไม่สามารถใช้บริการร่วมกับการเดินทางแบบอื่นได้เลยนั่นเอง
#1
ที่เที่ยวโตเกียว
บ่อน้ำพุร้อนโอเอโดะโมโนกาตาริ
(Oedo Onsen Monogatari)
บัตรเข้า บ่อน้ำพุร้อนโอเอโดะโมโนกาตาริ
เริ่มต้นที่
559 บาท
หากกล่าวถึงแหล่งน้ำพุร้อนทีมีชื่อเสียงในโลกแล้วประเทศญี่ปุ่นนั้นยืนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากภูมิประเทศของญี่ปุ่นเปรียบเสมือนภูเขาไฟลอยน้ำ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหากที่นี่จะมีบ่อน้ำพุร้อนกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศนับหมื่นแห่ง ทำให้คนญี่ปุ่นนั้นรู้สึกผูกพันกับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่ในอดีตและในปัจจุบันผู้คนก็ยังนิยมใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะกันอย่างล้นหลามเช่นเดิม ในกรุงโตเกียวมีบ่อน้ำพุร้อนให้เลือกใช้บริการด้วยกันหลายแห่ง แต่ในนาทีนี้คงไม่มีที่ไหนคุ้มค่าต่อการเสียสละเวลามาใช้บริการเท่ากับ บ่อน้ำพุร้อนโอเอโดะโมโนกาตาริ อีกแล้ว
ค่าเข้า/บริการ :
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 1,500 เยน
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับเด็กราคา 800 เยน
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว : ทุกช่วงเวลา
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้การเดินทางได้ 3แบบ ได้แก่
- ใช้บริการรถไฟสาย Yurikamome ลงที่สถานี Telecom Center และโดยสารรถ shuttle bus ไปยังบ่อน้ำพุร้อนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
- ใช้บริการรถไฟสาย Rinkai (สายสีเขียว) มาลงที่สถานี Tokyo Teleport Station และโดยสารรถ shuttle bus ไปยังบ่อน้ำพุร้อนประมาณ 7 นาที ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- ใช้บริการรถบัสจากสถานี Hamamatsucho ช่องทางเดินรถที่ 9 เพื่อไปลงปลายทางที่ Oedo Onsen Monogatari ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 20 นาที
จุดเด่น
#2
ที่เที่ยวโตเกียว
หอคอยโตเกียว
(Tokyo Tower)
บัตรเข้าชม หอคอยโตเกียว
เริ่มต้นที่
335 บาท
สถาปัตยกรรมฝาแฝดของหอไอเฟล ที่มีอายุน้อยกว่ากันหลายร้อยปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงย่านที่รุ่งเรืองด้วยศิลปะวัฒนธรรมอันล้ำค่าและเขตธุรกิจการค้าที่ทันสมัย อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่น่าประทับใจสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิซังได้อย่างชัดเจน
ค่าเข้า/บริการ :
ค่าบริการเข้า Main Deck สำหรับผู้ใหญ่ราคา 900 เยน เด็กโต 500เยน เด็กเล็ก 400 เยน
ค่าบริการเข้า Top Deck สำหรับผู้ใหญ่ ราคา 2,800 เยน สำหรับเด็กโต 1,800 เยน และเด็กเล็ก 1,200 เยน
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว : ดอกซากุระบานในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน
โตเกียวทาวเวอร์สีฟ้าในช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
โตเกียวทาวเวอร์สีส้ม ในช่วงฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศิจายนเป็นต้นไป
ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โตเกียว ทาวเวอร์ในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม
การเดินทาง : วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดคือใช้บริการรถไฟใต้ดินโทเอ(To-ei) สาย Oeda มาลงที่สถานี Akabanebashi ท่านจะสามารถมองเห็นโตเกียวทาวเวอร์ได้จากประตูทางออกของสถานีเลยทีเดียว
จุดเด่น
#3
ที่เที่ยวโตเกียว
มาเธอร์ฟาร์ม
(Mother Farm)
บัตรเข้าชม มาเธอร์ฟาร์ม
เริ่มต้นที่
418 บาท
ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 250 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชิบะ ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 68 กิโลเมตร ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คขนาดใหญ่ใกล้กรุงที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่น้อยหน้าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆเลยทีเดียว
ค่าเข้า/บริการ :
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 1,500 เยน
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับเด็กราคา 800 เยน
*หมายเหตุราคาเหล่านี้ไม่รวมกิจกรรมบางประเภทที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม*
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว : กลางเดือนพฤษภาคม – เดือนตุลาคม
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟ JR Railways Limited Express จากสถานีโตเกียวซึ่งจะจอดรับผู้โดยสารเพียง 4 สถานีเท่านั้น ไปยังจุดหมายปลายทางที่สถานี Kimitsu ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 9 นาที มีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500-2,800 เยน จากนั้นใช้ประตูทางทิศใต้เพื่อออกจากสถานีรถไฟไปต่อรถบัสที่ป้ายจอดรถบัสหมายเลข 1 รถจะวิ่งตรงไปยังฟาร์มโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีค่าบริการยู่ที่ 700 เยนต่อเที่ยว
จุดเด่น
#4
ที่เที่ยวโตเกียว
ร้านน้ำชาโอโมริชายะ
(Omori Chaya)
บัตรเข้าชมกิจกรรมร้านน้ำชาโอโมริชายะ
เริ่มต้นที่
2,489 บาท
โอโมริเป็นย่านขนาดเล็กตั้งอยู่ในแขวงโอตะ พื้นที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายร้อยปีเนื่องจากในอดีตเป็นศูนย์กลางการเพาะปลูกสาหร่ายและแปรรูปสาหร่ายตากแห้งแห่งสำคัญ ทำให้ย่านโอโมริเป็นเขตการค้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จึงเกิดโรงน้ำชามากมายในบริเวณนี้เพื่อบริการให้กับบรรดาเหล่านักเดินทางต่างถิ่นมักจะแวะเวียนมาพักผ่อนและใช้บริการโรงน้ำชาเพื่อพบปะสังสรรค์อยู่เสมอ แต่เมื่อวันเปลี่ยนเวียนผ่านโรงน้ำชาในอดีตถูกแทนที่ด้วยคาเฟ่ทันสมัย กลุ่มผู้ประกอบอาชีพโรงน้ำชาและเกอิชาที่ทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าจึงเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงนี้ ส่งผลให้พวกเขาแทบจะหายสาบสูญไปจากกรุงโตเกียวเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันที่นี่จะเปลี่ยนไปมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงยืนหยัดอยู่คู่ย่านที่เป็นศูนย์กลางของเหล่าเกอิชาก็คือ ร้านน้ำชาโอโมริชายะ ที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีอย่างมั่นคง อาจจะกล่าวได้ว่าทีนี่เปรียบเสมือนลมหายใจสุดท้ายของโรงน้ำชาในกรุงโตเกียวก็ว่าได้
ค่าเข้า/บริการ :
อัตราการคิดค่าบริการจะแบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่รอบกลางวัน และรอบค่ำ
รอบกลางวัน มี 2 ราคา ได้แก่ ราคามาตรฐาน(มีเครื่องดื่มและของว่างให้บริการ) 9,000 เยน/คน
ราคาพรีเมียม(มีบริการอาหารกลางวันและเครื่องดื่ม) 12,000 เยน/คน
รอบหัวค่ำ เป็นรอบเหมารับได้เพียงคณะเดียวต่อวันเท่านั้น ราคาขึ้นอยู่กับการตกลงกันของลูกค้าและโรงน้ำชา
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว : ทุกช่วงเวลา
การเดินทาง : ใช้บริการรถไฟ JR Railways จากสถานีโตเกียวหรือสถานีใดก็ได้ทีมีรถไฟสาย Keihin – Tohoku ผ่าน เพื่อลงปลายทางที่สถานี Omori ใช้เวลาเดินทาง 16 นาที และใช้ทางออกจากสถานีไปตามเส้นทางบนถนน Pipo อีก 350 เมตร ร้านโอโมริชายะจะอยู่ทางซ้ายมือตรงสี่แยกที่ถนน Pipo และถนนศาลเจ้าตัดกันพอดี ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอยู่ที่ 230-240 เยน/เที่ยว หากท่านใดถือบัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายที่สามารถใช้บริการรถไฟในเส้นทางนี้ได้ จะสามารถเดินทางได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จุดเด่น
#5
ที่เที่ยวโตเกียว
สวนอูเอโนะ
(Ueno Park)
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 5 แสนตารางเมตร เป็นสวนสาธารณะที่ถูกสร้างขึ้นในเขตพระราชฐานของสมเด็จพระจักรพรรดิไทโชในปีค.ศ. 1924 มีชื่อภาษาญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการว่า Ueno Onshi Koen แปลว่าของขวัญจากสมเด็จพระจักรพรรดิ ได้รับการจดทะเบียนเป็นสวนสาธารนะแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น มีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆมากมายกระจายตัวกันอยู่ในพื้นที่สวนและบริเวณโดยรอบ อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญถึง 3 แห่ง ,สถาปัตยกรรมโบราณ , สวนสัตว์ ตลอดจนถึงร้านอาหารและร้านค้าชื่อดังอีกนับไม่ถ้วน
ค่าเข้า/บริการ : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว: ชมซากุระบานช่วงฤดูใบไม้ผลิในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน
การเดินทาง : สามารถใช้บริการรถไฟ JR Railways จากสถานีใดก็ได้เพื่อไปลงปลายทางสถานี Ueno จากนั้นให้ใช้ทางออกไปสวนสาธารณะ หรือทางออกชิโนบาสุก็ได้ โดยสวนสาธารณะจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางออกสถานีพอดี
จุดเด่น
#6
ที่เที่ยวโตเกียว
โตเกียว ดิสนีย์ รีสอร์ท
(Tokyo Disney Resort)
แหล่งท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยจินตนาการแห่งนี้ เป็นสวนสนุกแห่งแรกที่ได้รับลิขสิทธิ์และออกแบบโดย บริษัท วอลท์ ดิสนีย์ที่ตั้งอยู่นอกเขตประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นสวนสนุกแห่งแรกและแห่งเดียวที่วอลท์ ดิสนีย์ ไม่ได้เป็นเจ้าของอีกด้วย ถึงแม้สวนสนุกแห่งนี้จะได้รับอิทธิพลมาจากดิสนีย์แลนด์เป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่ไม่เหมือนสวนสนุกในเครือดิสนีย์แห่งใดในโลกคือการผสมผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นลงไปในส่วนต่างๆอย่างลงตัวนั่นเอง
ค่าเข้า/บริการ :
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับผู้ใหญ่ราคา 7,500 เยน
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับเด็กโตราคา 6,500 เยน
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับเด็กเล็กราคา 4,500 เยน
*บัตรผ่านประตูสามารถใช้ได้ 1 วัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.30 ใช้ได้ทั้งโตเกียวดิสนีย์แลนด์ และโตเกียวดิสนีย์ซี*
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว : ทุกช่วงเวลา
การเดินทาง : เดินทางจากสถานีโตเกียว โดยใช้บริการรถไฟ JR สาย Keiyo/Musashino ไปยังปลายทางสถานี Maihama ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 17 นาที มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 220 เยนต่อเที่ยว สำหรับท่านที่มีบัตรโดยสารพาสต่างๆที่ใช้กับรถไฟ JRได้ สามารถเดินทางได้ฟรีโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
จุดเด่น
#7
ที่เที่ยวโตเกียว
โตเกียว สกายทรี
(Tokyo Sky Tree)
บัตรเข้าชม โตเกียว สกายทรี
เริ่มต้นที่
503 บาท
หอคอยที่มีความสูงมากที่สุดในโลกและเป็นสถาปัตยกรรมที่มีขนาดสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากตึกเบิร์จคาลิฟา ที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2011 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการกระจายคลื่นความถี่และสัญญาณต่างๆ สืบเนื่องจากหอคอยโตเกียวทาวเวอร์ที่ใช้อยู่เดิมมีความสูงไม่เพียงพอต่อภารกิจนี้นั่นเอง นอกจากนี้โตเกียวสกายทรียังถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดีที่มีกิจกรรมต่างให้ทำมากมาย
ค่าเข้า/บริการ :
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับผู้ใหญ่ ราคา 3,000 เยน
ค่าบริการแรกเข้าสำหรับเด็กอายุ 4-11 ปี ราคา 1,500 เยน
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว: ทุกช่วงเวลา
การเดินทาง : สามารถเดินทางได้ 3 เส้นทางได้แก่
- ใช้บริการรถไฟใต้ดินสาย Hanzomon หรือ Asakusa มาลงที่สถานี Oshiage
- ใช้บริการรถไฟปกติ สาย Tobu SKYTREE มาลงที่สถานี TOKYO SKYTREE
- ใช้บริการรถบัส Sky Tree Shuttle จากสถานีรถไฟและสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิเช่น สถานีโตเกียว สถานีอูเอโนะหรืออาซากุสะ สนามบินฮาเนดะ และโตเกียวดิสนีย์แลนด์เป็นต้น โดยมีค่าโดยสารประมาณ 220 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 110 เยนสำหรับเด็ก
จุดเด่น
#8
ที่เที่ยวโตเกียว
วัดเซนโซจิ หรือวัดโคมแดง
(Asakusa Kannon Temple)
ทัวร์รถลากรอบอาซากุสะ โตเกียว
เริ่มต้นที่
1,222 บาท
แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ตั้งอยู่ในย่านอาซากูซะ เดิมทีศาสนสถานแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สองจนทำให้สิ่งปลูกสร้างในยุคแรกๆถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี แต่อย่างไรก็ดีทางผู้เกี่ยวข้องได้ทำการบูรณะวัดแห่งนี้ให้กลับมาสวยงามตามอุดมคติเดิม เพราะแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของชาวเมืองโตเกียวมาช้านาน และเป็นสถานที่จัดเทศกาล “เซ็ทซึบัน”ที่มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีตนั่นเอง
ค่าเข้า/บริการ : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว: ทุกช่วงเวลา
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟเส้นทางต่างๆอาทิเช่น รถไฟโทบุสายIsesaki,Ginza,Sukuba Express หรือรถไฟใต้ดินสาย Asakusa มาลงสถานีปลายทาง Asakusa ใช้ทางออก A4 แล้วเดินต่อไปตามป้ายบอกทางเรื่อยๆอีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงประตูอสุนี ซึ่งเป็นประตูทางเข้าหลักของวัดแห่งนี้นั่นเอง
จุดเด่น
#9
ที่เที่ยวโตเกียว
ตลาดปลาซึกิจิ
(Tsukiji Fish Market)
ทัวร์ชิมอาหารและเครื่องดื่มในตลาดปลาสึกิจิ
เริ่มต้นที่
2,782 บาท
ถึงแม้ตลาดปลาและอาหารทะเลสดแบบขายส่งมีความจำเป็นต้องย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ที่ตลาดใหม่ย่านโทโยสุ เมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมาเพื่อเปิดทางให้กับการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียวจะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในช่วงกลางปีนี้ ปิดตำนานตลาดปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย อย่างไรก็ดีถึงแม้ตัวตลาดสดจะย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้วแต่ร้านอาหารแบบสตรีทฟูดส์ชื่อดังยังคงอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังซูชิซัมไม รวมไปถึงร้านซูชิไดสาขาใหญ่ก็ยังคงอยู่ที่นี่ อีกทั้งร้านอาหารสตรีทฟูดส์ต่างๆก็ยังคงพร้อมใจให้บริการนักท่องเที่ยวกันอย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม
ค่าเข้า/บริการ : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว: ทุกช่วงเวลา
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดินได้ 2 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟใต้ดินสาย Hibiya ไปลงปลายทางที่สถานี Tsukiji หรือใช้บริการรถไฟในเส้นทาง Oeda เพื่อไปลงปลายทางที่สถานี Tsukijishijo ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-10 นาทีขึ้นอยู่กับสถานีต้นทางของผู้โดยสาร มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางคิดตามระยะทางจริง
จุดเด่น
#10
ที่เที่ยวโตเกียว
ย่านชิบูย่า
(Shibuya)
เมื่อลมหนาวพัดมาก็พาหัวใจให้หนาวเหน็บ มักจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับใครหลายๆคนนักโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวผู้เดินทางไกลเพื่อต้องการมาสัมผัสกับอากาศแจ่มใสและอบอุ่น อย่างไรก็ดีคำนิยามนี้ไม่อาจใช้ได้กับกรุงโตเกียวที่ไม่เคยโดดเดี่ยวในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งใจกลางกรุงอย่าง ย่านชิบูย่า ซึ่งเป็นศูนย์รวมของร้านค้าและบริการที่ทันสมัยเอาใจขาช็อป อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆกระจายตัวกันอยู่รอบๆบริเวณสร้างความครื้นเครงให้กับที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ค่าเข้า/บริการ : ไม่มีค่าใช้จ่าย
เวลาที่เหมาะจะไปเที่ยว:ฤดูหนาวช่วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปี
การเดินทาง : สามารถเลือกเดินทางได้หลายช่องทางทั้งรถไฟ JR Railways สายYamanote, Chuo,Saikyo,Shonan-Shinjuku และรถไฟใต้ดินสาย Ginza,Fukutoshin และ Hanzomonมาลงที่สถานีปลายทาง Shibuya โดยมีค่าใช้จ่ายตามประเภทของระบบขนส่งและสถานีต้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้บริการเดินทางมายังจุดหมายนั่นเอง
จุดเด่น
โตเกียวเป็นเมืองที่เข็มนาฬิกาไม่เคยหยุดเดิน สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่าตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองที่เป็นศูนย์กลางของประเทศญี่ปุ่นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บางแห่งปรับปรุง บางแห่งเปลี่ยนแปลง และมีหลายแห่งโยกย้าย ดังนั้นบทความฉบับนี้จึงขอเสนอตัวเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นำข้อมูลดีๆมาอัพเดทให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันไม่แน่ว่าสักวันท่านอาจมีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่ต่างๆเหล่านี้ก็เป็นได้