ADVERTISEMENT
- สภาพอากาศสิงคโปร์
- การเดินทางในประเทศสิงคโปร์
- #1ที่เที่ยวสิงคโปร์ห้างสรรพสินค้าจีเวลล์ ชางยี(Jewel Changi)
- #2ที่เที่ยวสิงคโปร์สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ สิงคโปร์(Universal Studios Singapore)
- #3ที่เที่ยวสิงคโปร์สวนการ์เดนบาย เดอะ เบย์(Gardens By The Bay)
- #4ที่เที่ยวสิงคโปร์พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium สิงคโปร์(S.E.A.Aquarium Singapore)
- #5ที่เที่ยวสิงคโปร์ชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์(Singapore Flyer)
- #6ที่เที่ยวสิงคโปร์โรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์(Marina Bay Sands Hotel)
- #7ที่เที่ยวสิงคโปร์มารีน่า บาราจ(Marina Barrage)
- #8ที่เที่ยวสิงคโปร์สะพานเฮนเดอร์สันเวฟ(Henderson Wave)
- #9ที่เที่ยวสิงคโปร์ย่านลิตเติล อินเดีย(Little India)
- #10ที่เที่ยวสิงคโปร์สวนสาธารณะเมอร์ไลออน(Merlion Park)
จากอดีตหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กปลายแหลมมลายูอันไกลโพ้น เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นมหาอำนาจบนเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญที่สุดในโลก ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ประเทศสิงคโปร์จึงเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ภาษา และวัฒนธรรม มากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ จึงก่อเกิดให้มีแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพดีและมีความหลากหลายกระจายกันอยู่ทั่วทุกมุมเมือง วันนี้เราขอพาทุกท่านไปพบกับ 10 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ชิคๆ ไปเดือนไหนก็ได้ ในปี 2021 ว่าจะยิ่งใหญ่สวยงามสมคำล่ำลือมากน้อยเพียงใดนั่นเอง
สภาพอากาศสิงคโปร์
สิงคโปร์ มีภูมิประเทศเป็นเกาะขนาดเล็กทำให้มักจะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมที่พัดผ่านอยู่บ่อยครั้ง จึงมีสภาพอากาศเป็นพื้นที่เขตร้อน มีอากาศอบอุ่น หรือบ้านเรามักจะเรียกว่า “ฝนแปด แดดสี่” จึงทำให้ประเทศสิงคโปร์มีเพียงสองฤดูกาลเท่านั้นคือ ฤดูฝนอันเปียกชื้น และ ฤดูร้อนอันอบอ้าวนั่นเอง
- มกราคม
เดือนแห่งลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีกำลังแรง แซงพายุทุกลูก ได้พัดผ่านเข้ามามีอิทธิพลเหนือเกาะสิงคโปร์ทำให้ช่วงนี้สิงคโปร์มีฝนตกชุก และมีลมกรรโชกแรง อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 26 องศาเซลเซียสโดยประมาณ หากนักท่องเที่ยวท่านใดที่ประสงค์จะเดินทางในช่วงนี้ควรเตรียมสำภาระให้พร้อมเผชิญกับสายฝนในช่วงนี้นั่นเอง
- กุมภาพันธ์
ต้อนรับเดือนแห่งความรักด้วยสภาพอากาศแจ่มใส เพราะลมมรสุมได้โบกมือลาจากไปแบบเงียบๆ ส่งผลให้สภาพอากาศของประเทศสิงคโปร์ในเดือนนี้มีความอบอุ่นมากขึ้น อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวในการมาเยือนดินแดนแห่งนี้
- มีนาคม
เป็นเดือนที่พีคที่สุดของการท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์ เพราะถือว่าเป็นเดือนที่มีอากาศแจ่มใสที่สุดในรอบปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส
- เมษายน
นอกจากจะเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนอบอ้าวมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงถึง 30 องศาเซลเซียสแล้ว นักท่องเที่ยวยังอาจจะประสบพบเจอกับอุปสรรคอันเกิดจากพายุฤดูร้อนทำให้การเดินทางขาดตอนอย่างน่าเสียดาย หากใครมีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้โปรดตรวจสอบสภาพอากาศให้ดีก่อนออกเดินทาง
- พฤษภาคม
สภาพอากาศยังคงร้อนอบอ้าวไม่แตกต่างจากเดือนก่อนๆเท่าไรนัก แต่ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมากไป กว่านั้นก็คือ ช่วงเวลานี้ประเทศสิงคโปร์อาจจะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองและหมอกควันจากไฟป่าที่เกิดขึ้นทุกปีบนเกาะสุมาตรานั่นเอง
- มิถุนายน
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ได้พัดผ่านเข้ามามีอิทธิพลเหนือเกาะสิงคโปร์ ทำให้สภาพอากาศในช่วงเช้าของวันอาจจะมีลมพายุรุนแรง แต่จะพัดหายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นนักท่องเที่ยวไม่ต้องตกใจเพราะเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งในเดือนนี้ แต่อย่างไรก็ดีผลกระทบจากหมอกควันไฟป่าอาจจะยังไม่จางหายไป ดังนั้นนักท่องเที่ยวควรเตรียมความพร้อมด้วยหน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง
- กรกฎาคม
เดือนที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งมากที่สุดของประเทศสิงคโปร์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 31 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังมีลมพายุที่เกิดจากความแปรผันของสภาพอากาศบ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพายุที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆและสลายหายไปอย่างรวดเร็วนั่นเอง
- สิงหาคม
เป็นช่วงเวลาบีบหัวใจเนื่องจากความกดอากาศต่ำที่พัดผ่านเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ฤดูกาลอันเปียกชื้น ที่สำคัญก็คือปัญหาไฟป่าบนเกาะสุมาตรายังคงมีอิทธิพลเหนือน่านฟ้าสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีปริมาณออกซิเจนในอากาศน้อยหากนักท่องเที่ยวท่านใดมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้นั่นเอง
- กันยายน
กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้งหลังจากความรุนแรงของปัญหาไฟป่าได้ลดลง อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้สภาพอากาศสดใสแต่แฝงด้วยไอร้อน เป็นวินาทีทองของการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอกีฬาไม่ควรพลาดเพราะจะมีการปิดเมืองแข่งรถยนต์สูตรหนึ่งภายใต้ชื่อ สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันของยานพาหนะสี่ล้อที่มีความเร็วมากที่สุดในโลกนั่นเอง
- ตุลาคม
เดือนแห่งความเปียกปอนอย่างเต็มตัวอากาศจะร้อนอบอ้าวในตอนเช้าและคูลดาวน์ในตอนกลางคืน นักท่องเที่ยวอาจจะประสบพบเจอปัญหาอันเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองในช่วงกลางวัน โดยในเดือนนี้มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 21 วันเลยทีเดียว
- พฤศจิกายน
เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเต็มตัว อุณหภูมิโดยเฉลี่ยลดลงจากเดือนก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด อยู่ที่ 24-25 องศาเซลเซียสโดยประมาณ อีกทั้งปริมาณน้ำฝนก็เพิ่มตัวสูงขึ้นถึง 250 มิลลิเมตรเลยทีเดียว ถือได้ว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนมากเป็นอันดับที่สองของปีเลยทีเดียว
- ธันวาคม
ปิดท้ายด้วยแชมป์ฤดูกาลแห่งสายฝน ที่ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงเหนืออย่างเป็นทางการ และเป็นช่วงขาลงของการท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์อย่างแท้จริง
การเดินทางในประเทศสิงคโปร์
สิงคโปร์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังครอบคลุมเส้นทางการเดินทางได้อย่างกว้างขวางอีกด้วย โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
- รถไฟฟ้า MRT และ LRT เป็นการเดินทางที่มีความรวดเร็วและสะดวกสบายที่สุด เชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งในตัวเมืองสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการได้โดยเสียค่าใช้จ่ายแบบรายครั้ง หรือจะเหมาจ่ายร่วมกับระบบขนส่งประเภทอื่นก็ทำได้เช่นกัน
- รถโดยสารประจำทาง ครอบคลุมการเดินทางทั้งในเขตตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยวที่รถไฟฟ้าไม่สามารถสัญจรได้ถึง เป็นทางเลือกที่ประหยัดและสามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นได้อย่างดีที่สุดอีกด้วย
- รถแท็กซี่ จ่ายราคาจริงตามมิเตอร์ อีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความคล่องตัว หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางแบบหมู่คณะผู้ต้องการอิสระในการเดินทางนั่นเอง
- เช่ารถยนต์ส่วนตัว มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 -2,500 ต่อวัน อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักเดินทางที่มากับครอบครัวอาจจะมีเด็กและผู้สูงอายุที่ไม่สะดวกจะใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ การเช่ารถยนต์เพื่อท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
นอกจากนี้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเดินทางในประเทศสิงคโปร์ยังมีโปรโมชั่นดีๆไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นบัตรท่องเที่ยวระบบเติมเงินหรือบัตรท่องเที่ยวแบบเหมาจ่าย แต่เพื่อความสะดวกในการตัดสินใจของนักเดินทางเราจึงขอเลือกบัตรเดินทางประเภทเหมาจ่ายยอดนิยมมาพูดถึงกันเพียง 2 ประเภท ได้แก่
การเดินทางในกรุงโตเกียวโดยบริการพาหนะสาธารณะนั้นมีหลายแบบ หลายประเภท อาทิเช่น รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน รถราง และรถโดยสารประจำทาง อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการหลายบริษัททั้งรัฐบาลและเอกชนอีกด้วย เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจเราจะนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับบัตรเดินทางประเภทต่างๆโดยสังเขป
1. บัตรเดินทางแบบเหมาจ่าย Singapore Tourist Pass
สามารถใช้เดินทางได้ครอบคลุมทุกระบบการขนส่งสาธารณะในประเทศสิงคโปร์ อาทิเช่น MRT , LRT และ รถโดยสารสาธารณะ มีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ 3 ราคา คือเดินทางแบบ 1,2 หรือ 3 วัน มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางแบบเหมาจ่าย 10,16 และ 20 ดอลลาร์สิงคโปร์ตามลำดับ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องมัดจำบัตรเป็นจำนวนเงิน 10 ดอลลาร์สิงคโปร์และเจ้าหน้าที่จะทำการคืนเงินมัดจำให้เมื่อผู้ใช้บริการนำบัตรมาคืนตามวันและเวลาที่กำหนดให้ง
2. บัตรเดินทางแบบเหมาจ่าย Singapore Tourist Pass Plus
แทบจะลอกข้อสอบกันมาเป๊ะๆสำหรับวิธีการใช้งาน เพราะบัตรนี้สามารถครอบคลุมทุกการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในประเทศสิงคโปร์ แต่ที่เหนือกว่าก็คือ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการล่องเรือชมความงามของมารีน่า เบย์ โดยเรือ Bubble Jet แบบไปกลับได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อีกทั้งยังสามารถใช้บริการ FUNVEE Bus บริการรถโดยสารนำเที่ยวแบบเปิดหลังคาได้ฟรีอีกด้วยเช่นกัน โดยบัตร Singapore Tourist Pass Plus มีให้เลือก 3 แบบเหมือนกับบัตรธรรมดา มีราคาค่าใช้จ่ายตามจำนวนวันของบัตรเริ่มต้นตั้งแต่ 20,26 และ 30 ดอลลาร์สิงคโปร์ตามลำดับ
#1
ที่เที่ยวสิงคโปร์
ห้างสรรพสินค้าจีเวลล์ ชางยี
(Jewel Changi)
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใหม่แกะกล่องใจกลางสนามบินนานาชาติชางยี ถูกเนรมิตขึ้นมาด้วยงบประมาณการก่อสร้างสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท ด้วยความคาดหวังให้ที่นี่เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ใครๆก็อยากมาสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมและการตกแต่งตัวอาคารที่มีความล้ำสมัย อีกทั้งร้านค้าและบริการต่างๆก็มีไว้บริการนักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่พักหรูหรา แหล่งช็อปปิ้งอันหลากหลาย คาเฟ่และร้านอาหารก็มีมากมาย รวมถึงโรงภาพยนตร์อันสะดวกสบายก็มีเช่นกัน ด้วยองค์ประกอบอันสมบูรณ์แบบที่เราได้กล่าวมาข้างต้นนี้ทำให้ จีเวลล์ ชางยี ก้าวขึ้นมาอยู่ในทำเนียบสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของประเทศสิงคโปร์ในปี 2021 นี้ อย่างไม่ต้องสงสัยนั่นเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ไม่มีการเก็บค่าบริการเข้าชม ยกเว้นนักท่องเที่ยวท่านใดที่ประสงค์จะใช้บริการในส่วนของเครื่องเล่นและกิจกรรมที่นอกเหนือจากบริการปกติ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องเล่นและกิจกรรมในส่วนของ Garden Maze และ Changi Experience Studio เป็นต้น
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการตามเส้นทางต่างๆได้ ดังนี้
- Terminal 1 สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังห้างสรรพสินค้าได้เลยตรงบริเวณชั้นหนึ่งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้า ส่วนท่านที่อยู่บริเวณ
- Terminal 2-3 สามารถใช้บริการสะพานเชื่อมจากตัวอาคารผู้โดยสารขาออกมายังห้างสรรพสินค้าโดยใช้เวลานการเดินประมาณ 5-10 นาที ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาจาก
- Terminal4 สามารถใช้บริการรถรับส่งของสนามบินโดยไม่มีค่าใช้จ่ายมายัง Terminal 2และเดินทางต่อไปยังห้างสรรพสินค้าตามเส้นทางที่กำหนดไว้
- รถแท็กซี่หรือรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาทีจากตัวเมือง และ 30 นาทีจาก Woodlands
- รถไฟใต้ดิน MRT จากตัวเมือง มาลงที่ Changi Airport Station (CG2) จากนั้นใช้สะพานเชื่อบริเวณชั้น 2 บน Terminal 2 และเดินต่อไปตามเส้นทางเชื่อมต่อไปยังห้างสรรพสินค้าอีกประมาณ 5-10 นาที
- รถโดยสารประจำทางหมายเลข 24, 27,34,36,53,110,858 จะจอดบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า Terminal 1จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเดินตามป้ายบอกทางเพื่อไปยังห้างสรรพสินค้าจีเวลล์ ชางยี ได้เลย
ที่อยู่ : Airport Boulevard Terminal 2, Level 3 Departure Transit Lounge, Singapore
จุดเด่น
#2
ที่เที่ยวสิงคโปร์
สวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ สิงคโปร์
(Universal Studios Singapore)
ราคาบัตร Universal Studios Singapore
เริ่มต้นที่
1,741 บาท
สวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเครื่องเล่นมากมายให้บริการนักท่องเที่ยวถึง 24 ชนิด อีกทั้งยังมีโชว์และการแสดงต่างๆอีกมากมายจาก 7 สถานที่ซึ่งจำลองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฉากหนังและการ์ตูนชื่อดังในเครือยูนิเวอร์แซล ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะซานโตซ่า ห่างจากใจกลางเมืองสิงคโปร์ประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวแม่เหล็กอันทรงอิทธิพลบนเกาะสิงคโปร์ที่สารถดึงดูดความสนใจจากนักเดินทางทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษของที่นี่ อีกทั้งยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ สิงคโปร์ ถือว่าเป็น 1 ใน 4 แห่งของสวนสนุกในเครือบริษัทยูนิเวอร์แซลทั้งหมด ที่แฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์และการ์ตูนแอนิเมชั่นต้องตามเก็บให้เรียบจึงจะเรียกว่าแฟนพันธุ์แท้นั่นเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 79 ดอลลาร์สิงคโปร์ ราคาสำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี 59 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะตั้งต้นที่สถานี Habour Front จากนั้นเดินทางต่อไปตามเส้นทางที่เขียนว่า Sentosa Express – Vivo City L3 เพื่อใช้บริการรถไฟรางเดี่ยวไปยังเกาะซานโตซ่า จากนั้นลงรถไฟที่สถานี Waterfront และเดินตามป้ายบอกทางไปยังสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ สิงคโปร์ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 นาที หากนักท่องเที่ยวท่านใดที่ถือบัตรการเดินทางแบบเหมาจ่ายจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมในระหว่างเดินทางอีกด้วย
ที่อยู่: 8 Sentosa Gateway, สิงคโปร์ 098269
จุดเด่น
#3
ที่เที่ยวสิงคโปร์
สวนการ์เดนบาย เดอะ เบย์
(Gardens By The Bay)
ราคาบัตร Gardens By The Bay
เริ่มต้นที่
520 บาท
การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่มีพื้นที่ใช้สอยถึง 1 ล้านตารางเมตรแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวมารีน่า ย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของประเทศสิงคโปร์ ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมพืชพันธุ์ธรรมชาติจากหลากหลายพื้นที่อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมอันน่าตื่นใจที่กวาดรางวัลด้านการออกแบบที่นำสมัยมาแล้วหลายเวทีอีกด้วย
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาลแต่เน้นไปที่ช่วงเช้าของแต่ละวันเนื่องจากดอกไม้ภายในสวนจะผลิบานรับแสงแดด
ค่าเข้าบริการ : ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 28 ดอลลาร์สิงคโปร์ ราคาสำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี 15 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟ MRT สาย Circle Lines และ Downtown Lines จากใจกลางเมืองสิงคโปร์มาลงที่สถานี Bayfront ให้ใช้ทางออก B จากนั้นให้เดินตามป้ายบอกทางผ่านอุโมงค์ใต้ดินไปเรื่อยก็จะพบกับทางเข้าสวนพฤกษศาสตร์พอดิบพอดี ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 5-10 นาที สำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือบัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายสามารถใช้บริการตามเส้นทางนี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ที่อยู่: 18 Marina Gardens Dr, สิงคโปร์ 018953
จุดเด่น
#4
ที่เที่ยวสิงคโปร์
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium สิงคโปร์
(S.E.A.Aquarium Singapore)
ราคาบัตร S.E.A.Aquarium Singapore
เริ่มต้นที่
836 บาท
อดีตพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่และมีสายพันธุ์ปลาทะเลหลากหลายที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะซานโตซ่า ในกรุงสิงคโปร์ ซิตี้ แหล่งท่องเที่ยวชั้นดีที่เคยครองเข็มขัดแชมป์โลกมายาวนานหลายสิบปี จนกระทั่งในปี 2014 มีอันต้องเสียตำแหน่งให้กับ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชิมลอง ณ เมืองจูไห่ ประเทศจีนอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ดีพิพิธภัณฑ์สัตวน์น้ำ S.E.A.อควาเรียม ประเทศสิงคโปร์ ยังคงความเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและยังอยู่ในตำแหน่ง Top3 ของวงการอควาเรียมซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารกินเนสบุ๊คในปี 2019 ที่ผ่านมานี้อีกด้วย โดยความโดดเด่นของ พิพิธภัณฑ์สัตวน์น้ำ S.E.A.อควาเรียม ประเทศสิงคโปร์นั้นนอกจากจะมีอุโมงค์สัตว์น้ำขนาดมหึมาแล้วยังมีสายพันธุ์ปลาและสัตว์ทะเลมากมายถึง 800 ชนิดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้รับชมอีกด้วย
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 40 ดอลลาร์สิงคโปร์ ราคาสำหรับเด็กอายุ 4-12 ปีและผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 29 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการในเส้นทางเดียวกับการไปเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ สิงคโปร์ โดยเริ่มต้นจากสถานี Habour Front จากนั้นเดินทางต่อไปตามเส้นทางที่เขียนว่า Sentosa Express – Vivo City L3 เพื่อใช้บริการรถไฟรางเดี่ยวไปยังเกาะซานโตซ่า จากนั้นลงรถไฟที่สถานี Waterfront และเดินตามป้ายบอกทางไปทางซ้ายเพื่อเข้าสู่ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์สัตวน์น้ำ S.E.A.อควาเรียม ประเทศสิงคโปร์ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 นาที นักท่องเที่ยวท่านใดที่ถือบัตรการเดินทางแบบเหมาจ่ายสามารถเดินทางตาเส้นทางนี้ได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ที่อยู่: 8 Sentosa Gateway, Sentosa Island, สิงคโปร์ 098269
จุดเด่น
#5
ที่เที่ยวสิงคโปร์
ชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์
(Singapore Flyer)
ราคาบัตร Singapore Flyer พร้อมบุฟเฟ่ต์
เริ่มต้นที่
1,085 บาท
2014 เป็นปีแห่งการทำลายสถิติอย่างแท้จริง นอกจากS.E.A. Aquarium จะสูญเสียความยิ่งใหญ่ในการเป็นหมายเลขหนึ่งของวงการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลให้กับคู่แข่งสำคัญจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ก็ตกจากบัลลังก์ของชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลกซึ่งพวกเขาครองตำแหน่งนี้มายาวนานถึง 6 ปีเต็มด้วยกัน โดยแพ้ให้กับ The High Roller สถาปัตยกรรมหน้าใหม่ใจกลางมหานคร Las Vegas ไปแบบน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ฟลายเออร์ ยังคงเป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีความสวยงาม ปลอดภัย ทันสมัยและมีความสูงมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียเช่นเดิมนั่นเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่ราคา 33 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับเด็กอายุ 3-12 ปี ราคา 21เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ และ ราคาสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ราคา 24 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟ MRT ไปลงที่สถานี Promenage จากนั้นเดินไปตามทางออก A และสังเกตสัญลักษณ์บอกทางสีน้ำเงินจะนำท่านไปสู่ชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ที่ตั้งอยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า รีเทลล์ เทอร์มินัลนั่นเอง โดยใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 5-10 นาที
ที่อยู่: 30 Raffles Ave, สิงคโปร์ 039803
จุดเด่น
#6
ที่เที่ยวสิงคโปร์
โรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์
(Marina Bay Sands Hotel)
ราคาบัตร Marina Bay Sands Hotel Skypark
เริ่มต้นที่
505 บาท
หากกล่าวถึงโรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ แหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ใจกลางกรุงสิงคโปร์แล้ว คงจะเคยผ่านหูผ่านตานักท่องเที่ยวมาบ้างไม่มากก็น้อย ด้วยสถาปัตยกรรมตึกสูงเสียดฟ้าที่พาดทับด้วยเรือลำใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ตลอดจนถึงภาพลักษณ์แห่งความทันสมัยที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัส จึงเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่าโรงแรมมารีน่า เบย์ แซนด์ คือศูนย์กลางด้านความบันเทิงของภูมิภาคนี้แบบครบวงจรนั่นเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ค่าบริการเข้าชมเฉพาะจุดชมวิว Sands Sky Park สำหรับผู้ใหญ่ราคา 23 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี ราคา 17 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ และ ราคาสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ราคา 20 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟ MRT สาย Circle Lines และ Downtown Lines จากใจกลางเมืองสิงคโปร์มาลงที่สถานี Bayfront จากนั้นขึ้นลิฟท์ไปที่ตึก3 จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตลอดเส้นทาง ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดประมาณ 5-10 นาที สำหรับนักท่องเที่ยวที่ถือบัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายสามารถใช้บริการตามเส้นทางนี้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ที่อยู่: 10 Bayfront Ave, สิงคโปร์ 018956
จุดเด่น
#7
ที่เที่ยวสิงคโปร์
มารีน่า บาราจ
(Marina Barrage)
ประเทศสิงคโปร์มีแหล่งท่องเที่ยวทางนวัตกรรมที่น่าทึ่งมากมาย หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น มารีน่า บาราจ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวของแม่น้ำสิงคโปร์ โดยวิสัยทัศน์ที่ต้องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรให้กับประเทศสิงคโปร์ของรัฐบุรุษผู้เป็นฮีโร่ตลอดกาลที่มีนามว่า ลี กวน ยู นั่นเอง และด้วยความพิเศษของมารีน่า บาราจที่แสดงให้เห็นถึงการบริหาจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ได้รับการยกย่องจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆทั่วโลกให้เป็นกรณีศึกษาสำหรับมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว ในปัจจุบันมารีน่า บาราจ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนท้องถิ่นที่มักจะออกมาทำกิจกรรมในยามที่ว่างเว้นจากการทำงานเช่นกัน
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ไม่มีการเก็บค่าบริการเช้าชม
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางได้หลายเส้นทาง ส่วนเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีที่ใกล้ที่สุดที่จะสามารถเชื่อมต่อกับการเดินทางโดยรถบัสสาย 400 อาทิเช่น
- นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีต้นทางมาลงสถานี Marina Bay MRT แล้วใช้บริการรถบัสสาย 400 เพื่อไปยังป้ายสุดท้ายที่อ่างเก็บน้ำมารีน่า บาราจ
- นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีต้นทางมาลงสถานี Tanjong Pagar MRT แล้วใช้บริการรถบัสสาย 400 ที่หน้าห้างสรรพสินค้า International Plaza เพื่อไปยังป้ายสุดท้ายที่อ่างเก็บน้ำมารีน่า บาราจ
- นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีต้นทางมาลงสถานี Downtown MRT แล้วใช้บริการรถบัสสาย 400 จาก Marina Bay Financial Center เพื่อไปยังป้ายสุดท้ายที่อ่างเก็บน้ำมารีน่า บาราจ
ที่อยู่: 8 Marina Gardens Drive, Singapore 018951
จุดเด่น
#8
ที่เที่ยวสิงคโปร์
สะพานเฮนเดอร์สันเวฟ
(Henderson Wave)
เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศสิงคโปร์เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมล้ำยุคนำสมัยมากมายกระจายตัวกันอยู่ทั่วทุกมุมเมือง สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีรูปลักษณ์แปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใครแตกต่างออกไปจากสะพานแห่งอื่นๆ เนื่องจากเฮนเดอร์สัน เวฟเป็นสะพานที่มีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายๆกับเกลียวคลื่น มีความสูงจากพื้น 36 เมตร อีกทั้งสะพานแห่งนี้ยังมีความยาวกว่า 9 กิโลเมตรพาดผ่านเชื่อมโยงระหว่างสวนรุขศาสตร์และเส้นทางการเดินทางศึกษาธรรมชาติที่สำคัญหลายแห่ง อาทิเช่น เมาท์ เฟเบอร์ พาร์ค , สวนทีล็อก บลังกาห์ ฮิลล์ พาร์ค , ฮอร์ทพาร์ค , สวนสาธารณะเคนท์ ริดจ์ พาร์ค และ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ลาบราดอร์ งานนี้นอกจากนักท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันสดชื่นแจ่มใสของป่าไม้เขตร้อนจากมุมสูงแล้ว ท่านยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองสิงคโปร์จากสะพานเฮนเดอร์สัน เวฟแห่งนี้ได้อีกด้วยเช่นกัน
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็นและกลางคืนของทุกวัน
ค่าเข้าบริการ : ไม่มีการเก็บค่าบริการเข้าชม
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการหลากหลายเส้นทาง แต่ระบบขนส่งมวลชนรูปแบบสุดท้ายที่สามารถพานักท่องเที่ยวมาถึงตัวสะพานได้มีเพียงแค่รถโดยสารสาธารณะสาย 145 , 131 , 124 , 176 และ 273 เท่านั้น หากนักท่องเที่ยวท่านใดที่พักอาศัยอยู่ในตัวเมืองสามารถใช้บริการรถไฟใต้ดิน MRT มาลงที่สถานนี Habour Front ใช้ทางออก VIVO City และเดินทางต่อโดยรถโดยสารสาธารณะสาย 145 หรือ 131 รถจะจอดบริเวณจุดชมวิวใต้สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ ถือว่าเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมและมีความสะดวกสบายมากที่สุดวิธีหนึ่งนั่นเอง
ที่อยู่ : Henderson Rd, สิงคโปร์ 159557
จุดเด่น
#9
ที่เที่ยวสิงคโปร์
ย่านลิตเติล อินเดีย
(Little India)
ราคา Little India
เริ่มต้นที่
520 บาท
สถาปัตยกรรมเรียบง่ายเรียงรายไปตามถนนเซรางกูน คือที่ตั้งของลิตเติล อินเดีย ย่านที่อยู่อาศัยและการค้าอันอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเฟี้ยวๆที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยความฉูดฉาดของสตรีทอาร์ทที่แทรกตัวอยู่ทั่วทุกตรอกซอกซอยทำให้ย่านนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดีที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพความประทับใจ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแห่งสำคัญตั้งอยู่ไม่ไกลใจจากใจกลางย่านลิตเติล อินเดีย อย่างเช่น วัดศรีวิรามกาลีอัมมัน ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวฮินดู และปิดท้ายทริปด้วยการช็อปปิ้งสินค้าราคาสุดคูลที่ห้างสรรพสินค้ามุสตาฟา จึงสรุปได้ว่าลิตเติล อินเดียเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คุ้มค่าต่อการสละเวลามาเยี่ยมชมอีกแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์นั่นเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาล
ค่าเข้าบริการ : ไม่มีการเก็บค่าบริการเข้าชม
การเดินทาง : สามารถเดินทางได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสจากสถานีต้นทาง MRT ใดๆก็ได้มาลงปลายทางที่สถานที Little India MRT ใช้ทางออก C เดินตามถนนเซรางกูนมาเรื่อยๆก็จะพบกับย่านลิตเติลอินเดีย ระยะเวลาในการเดินทางขึ้นอยู่กับสถานีต้นทางในแต่ละเส้นทางเดินรถนั่นเอง
ที่อยู่ : 48 Serangoon Road, #02-16, Little India Arcade, Singapore 217959
จุดเด่น
#10
ที่เที่ยวสิงคโปร์
สวนสาธารณะเมอร์ไลออน
(Merlion Park)
เมอร์ไลออน ประติมากรรมที่ผสมผสานระหว่างปลาซึ่งแสดงออกถึงพื้นฐานการเป็นเมืองประมงเก่าแก่ของดินแดนแห่งนี้ และสิงโตสื่อถึงชื่อเมืองดั้งเดิมของประเทศสิงคโปร์คือ สิงหะปุระ หรือเมืองสิงโตในอดีต เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ศิลปินท้องถิ่นนามว่า ลิม นัง เส็ง นำความสัมพันธ์ของทั้งสองส่วนมาหล่อหลอมรวมกันเป็นประติมากรรมเมอร์ไลออนที่มีลำตัวเป็นปลามีหัวเป็นสิงโต ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนทั่วโลกเป็นเวลายาวนานถึง 47 ปี แต่ทราบหรือไม่ว่า ปัจจุบันมีประติมากรรมที่เรียกว่าลูกเมอร์ไลออนที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลสิงคโปร์กระจายตัวอยู่ตามสถานที่สำคัญในประเทศเป็นจำนวน 4 ตัว ดังนั้นนักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนในสถานที่อื่นได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากจะสัมผัสกับเมอร์ไลอ้อนตัวเป็นๆแบบออริจินัล ต้องมาที่เมอร์ไลออน พาร์คแห่งนี้ที่นี่ที่เดียวนั่นเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : ทุกฤดูกาลโดยเฉพาะช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ 17.00น. เป็นต้นไป
ค่าเข้าบริการ : ไม่มีการเก็บค่าบริการเข้าชม
การเดินทาง : นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถไฟ MRT จากสถานีใดก็ได้มาลงที่สถานี Raffles Place MRTและใช้ทางออก H จากนั้นเดินต่อไปตามเส้นทางอีกประมาณ 10 นาทีก็จะพบกับสวนสาธารณะเมอร์ไลออน
ที่อยู่ : 1 Fullerton Road One Fullerton | Merlion Park, Singapore 049213
จุดเด่น
ก่อนจากลากันไปตามลายแทง 10 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ชิคๆ ไปเดือนไหนก็ได้ ในปี 2021 นี้ หากมีข้อมูลที่จำเป็นต่อการเดินทางด้านใดได้ตกหล่นไป ทางทีมงานก็ขออภัยท่านผู้อ่านมา ณ โอกาสนี้ เนื่องจากสิงคโปร์เป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกดังนั้นการบรรยายด้วยตัวหนังสือมีหรือจะเทียบได้กับประสบการณ์จริงที่กำลังรอให้ท่านผู้อ่านได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง แล้วจะรู้ว่าสิงคโปร์มีแหล่งท่องเที่ยวดีๆกว่าที่เราคิดจริงๆ