วันหยุดทั้งทีมีโปรแกรมดีๆ มาแนะนำกันจ้า นั่นคือการขับรถลัดเลาะเที่ยวทะเลแบบชิลๆ กับเพื่อนพ้อง หรือคนรู้ใจ ไล่กันตั้งแต่หัวหิน – ประจวบ – ชุมพร ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขับรถง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีเวลาไม่กี่วันก็ขับรถเที่ยวได้สบายๆ
ได้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสท้องทะเล ดำน้ำดูปะการัง ชิมอาหารทะเลสดๆ แวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายตลอดเส้นทางถนนเพชรเกษม ไปดูกันว่ามีจุดปักหมุดเด่นๆ ที่ไหนกันบ้างสำหรับโปรแกรม “เที่ยว Road Trip หัวหิน-ประจวบ-ชุมพร” กันดีกว่า
เคล็ดลับการเช่ารถ
เชื่อว่าหลายคนคิดอยากจะขับรถเที่ยวกันสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการขับรถเที่ยวในกรุงเทพ หรือจากกรุงเทพไปยังเมืองข้างๆ ก็ตาม หากใครที่กำลังมองหารถเช่า ทั้งรถยนต์ขนาดเล็ก รถตู้ หรือว่ารถขนาดใหญ่ที่เหมาะกับจำนวนสมาชิกที่เยอะมากขึ้น ขอแนะนำให้เข้าแอพลิเคชั่น Traveloka แล้วลองเลือกดูการให้บริการเช่ารถ หรือว่ารถเช่า ตามลิ้งค์นี้ > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental ที่ไม่ใช่แค่การสะดวกสบาย แต่ยังมีราคาดี โปรโมชั่นเยอะให้เลือกตามความต้องการได้อีกด้วย
เคล็ดลับการจองตั๋วเครื่องบิน
หากว่าขากลับ หรือจุดเริ่มต้นคุณไม่อยากเสียเวลาขับรถไป แต่อยากใช้ตัวช่วยย่นระยะทาง แนะนำให้จองตั๋วเครื่องจากกรุงเทพ ไปชุมพรกันได้เลย ทางไปจอง > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Chumphon.CJM
เริ่มปักหมุดจุดแรกที่แลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดเพชรบุรี “พระรามราชนิเวศน์” (Phra Ram Ratchaniwet) หรือ “พระราชวังบ้านปืน” ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเพชรบุรี ในเขตตัวเมืองที่ตำบลบ้านปืน อำเภอเมืองเพชรบุรี พระราชฐานฤดูฝนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นหนึ่งในพระราชวังของไทยที่มีความสวยงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ลักษณะศิลปะแบบอาร์ตนูโวผสมกับบาโรก ลานหน้าพระราชฐานมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชเจ้าประทับยืน บริเวณรอบฐานพระบรมรูปมีปืนใหญ่วางอยู่ 4 มุม ด้านหลังของพระราชฐานมีสวนยุโรปที่งดงามมาก ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของมณฑลทหารบกที่ 15 จังหวัดเพชรบุรี ในบริเวณค่ายรามราชนิเวศน์ เปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลา 08.00-16.00 น.
บนถนนเพชรเกษมบริเวณกิโลเมตรที่ 216-217 เลยหาดชะอำมา 8 กิโลเมตร ณ ค่ายพระรามหก ตำบลห้วยทรายเหนือ มีพระตำหนักริมทะเลได้รับขนานนามว่า “พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง” (Love and Hope Palace) หรือ “พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” (Mrigadayavan Palace) พระราชวังฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เป็นพระตำหนักแบบไทยผสมยุโรป เป็นอาคารไม้สักทองใต้ถุนสูง ประกอบด้วยพระที่นั่ง 3 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระที่นั่งพิศาลสาคร และพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ปิดวันพุธ
จากชะอำบ่ายหน้าสู่หัวหิน ใช้เส้นทางหมายเลข 3218 (หนองพลับ-ป่าละอู) แวะสักการะหลวงปู่ทวด พระนามาภิไธย ส.ก. ที่ “วัดห้วยมงคล” (Huay Mongkol Temple) ณ ชุมชนบ้านห้วยคต ตำบลทับใต้ บรรยากาศภายในวัดสงบร่มรื่น เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าขององค์หลวงปู่ทวดมีช้างเอราวัณ 3 เศียร แกะสลักลวดลายสวยงามจากไม้มงคล 9 ชนิด อีกทั้งยังมีรูปปั้นองค์หลวงปู่นั่งขัดสมาธิบนหลังช้างด้วย จากบริเวณรอบๆ องค์พระสามารถมองเห็นทิวเขาล้อมรอบและเห็นเทือกเขาตะนาวศรี กั้นพรมแดนไทยและสหภาพเมียนมาร์
ที่สุดปลายหาดหัวหินมีเขาลูกเล็กๆ ชื่อว่า “เขาตะเกียบ” (Ta Kiab Mountain) เป็นภูเขาสองลูกคู่ขนานกัน และมีโขดหินสวยงามยื่นยาวออกไปในทะเล บริเวณเชิงเขาตะเกียบทางด้านเหนือ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรองค์ใหญ่หันหน้าออกสู่ทะเล บนยอดเขาตะเกียบเป็นที่ตั้งของ “วัดเขาตะเกียบ” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว และเป็นจุดชมวิวชายทะเลหัวหินที่สวยงาม รอบๆ เขาตะเกียบทั้งสองฝั่ง มีชายหาดเขาตะเกียบที่ทอดยาวต่อจากชายหาดหัวหิน เป็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำไม่ลึก เหมาะกับการลงเล่นน้ำ บริเวณชายหาดมีร้านอาหาร และเป็นแหล่งขายปูม้าสดที่ขึ้นชื่อของหัวหิน มีที่พัก และร้านขายของที่ระลึกมากมายไว้บริการ
ไม่ไกลจากเชาตะเกียบ ภายในพื้นที่กองทัพบก ริมถนนเพชรเกษมตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์ เป็นที่ตั้งของ “อุทยานราชภักดิ์” (Ratchaphakdi Park) ที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์” ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดี เพื่อเป็นการเทิดทูน และประกาศเกียรติคุณพระมหากษัตริย์แห่งสยาม นอกจากนี้บริเวณด้านล่างของฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ยังมี “อาคารพิพิธภัณฑ์” จัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่สำคัญของบูรพกษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาหาความรู้อีกด้วย
จากหัวหินใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ขับรถมุ่งหน้าสู่อำเภอปราณบุรีี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปสัมผัสธรรมชาติที่ “วนอุทยานปราณบุรี” (Pranburi Forest Park) ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศน์ป่าชายเลน
ด้านหน้าทางทิศตะวันออก มีป่าสน และหาดปราณคีรีให้นั่งชมแสงแรกของวัน ส่วนด้านหลังมีเส้นทางให้เดินศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน ระยะทางยาวกว่า 1,000 เมตร จากจุดชมวิวบนหอคอย
มองเห็นวิวของป่าชายเลนสีเขียวได้แบบ 360 องศา อีกทั้งมองเห็นวิวทะเล เกาะสิงห์โต เขาตะเกียบและเขาเต่าได้อีกด้วย
อีกจุดห้ามพลาดสำหรับคนรักธรรมชาติ คือ “ปากน้ำปราณบุรี” (Pak Nam Pranburi) ที่มีหาดทรายขาว ยาวต่อเนื่องมาจากชายหาดหัวหินและวนอุทยานปราณบุรี ไปจนถึงอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด บรรยากาศริมชายหาดเงียบสงบและร่มรื่น มีต้นตาล 3 พี่น้องเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ มีถนนเลียบหาดตลอดแนว เหมาะสำหรับขับรถชมวิวเพลินๆ ของฝากขึ้นชื่อของหมู่บ้านปากน้ำปราณแห่งนี้ คือ ปลาหมึกสด ปลาหมึกแดดเดียว ปลาหมึกแห้งกะปิเคย และกุ้งแห้ง
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากปากน้ำปราณ คือ “อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด” (Khao Sam Roi Yot National Park) เป็นอุทยานทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ได้แก่ หาดสามพระยา คลองเขาแดง ถ้ำไทร ถ้ำแก้ว หาดแหลมศาลา หาดสามพระยา ถ้ำพระยานคร และศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว หรือทุ่งสามร้อยยอด ที่มีสะพานไม้เป็นแนวยาวให้ชมธรรมชาติ เป็นแหล่งดูนกสำคัญที่มีนกมากถึง 316 ชนิด และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก นักท่องเที่ยวยังสามารถกางเต็นท์เพื่อสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ไฮไลท์สำคัญของ “อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด” คือ “ถ้ำพระยานคร” (Phraya Nakhon Cave) ซึ่งต้องขึ้นเขาไปตามขั้นบันไดอีกประมาณ 430 เมตร ก็จะถึงทางลงถ้ำพระยานคร ภายในถ้ำมี 3 คูหา มีหินงอกหินย้อย
เป็นรูปร่างต่างๆ และที่พิเศษสุดคือ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” โดดเด่นอยู่กลางถ้ำใต้ปล่องใหญ่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้างพลับพลาแบบจตุรมุขขนาดย่อม ตั้งไว้บนเนินดินกลางถ้ำ และทรงลงพระปรมาภิไธยย่อไว้ที่กำแพงหินทางด้านขวาด้วย ในยามที่แสงส่อง
ลงมาที่พระที่นั่งทำให้เกิดภาพอันงดงามยิ่ง
ปราณบุรีขึ้นชื่อเรื่องชายหาดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่น มีความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะ “หาดเขากะโหลก” (Khao Kalok ฺBeach) หรือ “หาดนเรศวร” เป็นหาดทรายขาวยาวราว 7 กิโลเมตร จากปากน้ำปราณฯ ไปจนถึงเขากะโหลก ซึ่งอยู่บริเวณปลายหาดนเรศวร นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อนเล่นน้ำกันมาก มีเรือแคนูให้เช่าพายชมความสวยงามของภูเขา
“เขากะโหลก” (Kalok Mountain) มีชื่อเป็นทางการว่า “วนอุทยานท้าวโกษา” (Thao Kosa Forest Park) เป็นภูเขาขนาดย่อมมียอดเขาสูงเพียง 25 เมตรเท่านั้น แต่มีหน้าผาชันและซอกหลืบสลับซับซ้อน ที่ครึ่งหนึ่งอยู่บนแผ่นดินอีกครึ่งยื่นลงทะเล ทำให้เกิดทิวทัศน์สวยงามแปลกตา เขาทางด้านเหนือเป็นช่องทะลุขนาดใหญ่ ที่หากมองจากทะเลจะเห็นเขาเป็นหัวกะโหลก โดยมีช่องทะลุเป็นเบ้าตากลวงโบ๋ อันเป็นที่มาของชื่อ “เขากะโหลก” บนเขามีศาลเจ้าแม่ทับทิมทองให้สักการะ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติในระยะทางที่ไม่ไกลนัก ไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิวที่สวยงามที่ไม่แพ้ทะเลใต้ฝั่งอันดามันเลยทีเดียว
ไม่ไกลจากหาดเขากะโหลกมีวัดชื่อเดียวกับภูเขาชื่อ “วัดเขากะโหลก” (Khao Kalok Temple) หรือวัดสุมนาวาส ภายในวัดโดดเด่นด้วยพระวิหารสีทองอร่ามตา ด้านหน้ามียักษ์ 2 ตน เฝ้าหน้าประตูวัด ด้านหลังมีรูปปั้นพระพิฆเนศอยู่บริเวณกำแพง มุมด้านหลังของวัดมีเครื่องรางของขลังที่มีชื่อเสียง คือ “พญาจระเข้จักรพรรดิ” ที่มาจากตำนานของพญาจระเข้ วัดเขากะโหลก ที่ชาวบ้านนำไปบูชาต่างบอกว่า “โชคลาภเป็นยอด ค้าขายเป็นเยี่ยม”
จากปราณบุรีมุ่งหน้าสู่จังหวัดชุมพร แวะสำรวจชายหาดที่มีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดของชุมพรกันก่อนเลย “หาดทุ่งวัวแล่น” (Thung Wua Laen Beach) ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพลี อำเภอปะทิว เป็นชายหาดที่มีเม็ดทรายสีขาวนวล ละเอียด นุ่มเท้า ทอดตัวเป็นแนวยาวสุดสายตา น้ำทะเลบริเวณชายหาดแห่งนี้ค่อนข้างตื้น และตัวชายหาดก็ลาดเอียงลงสู่ทะเลทีละน้อย ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การเล่นน้ำ ทางด้านใต้ของหาดติดภูเขา เป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่มีชื่อเสียง บริเวณหาดค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัว
แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของอำเภอปะทิว “บ้านเกาะเตียบ” (Baan Koh Teab) ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบเช่นกัน เพราะที่นี่มีการจำกัดคนเข้าเที่ยวในแต่ละวันเพียงแค่ 30 คนเท่านั้น เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อธรรมชาติ บรรยากาสของบ้านเกาะเตียบแห่งนี้สงบร่มรื่น น้ำทะเลสวย มีที่กางเต้นท์ริมหาด และยังมีความเก๋ที่ซุ้มหลังมุงแฝก ให้นั่งนอนหลบร้อน ชมวิวทะเลเพลินๆ และมีกิจกรรมริมน้ำให้ทำ เช่น พายเรือคายัค เพดเดิ้ล หรือถ้าต้องการออกทะลไปตกปลาตกหมึกก็มีบริการ รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารนั่งชิล ลิ้มรสอาหารทะเลสดอร่อย หรือจะนั่งเรือจากที่นี่ไป “เกาะยอ” ที่อยู่ไม่ไกล เพื่อไปนั่งห้อยขากินปูดูวิวทะเลที่“ธนาคารปู”
จากเทศบาลเมืองชุมพรไปตามทางหลวงหมายเลข 4119 และ 4098 ประมาณ 20 กิโลเมตร จุดปักหมุดอยู่ที่ตำบลหาดทรายรี
ที่มี “หาดทรายรี” (Sairee Beach) สวยงามตามชื่อตำบล เป็นหาดรูปโค้งยาว เม็ดทรายสีขาวสะอาดตา เหมาะสำหรับเล่นน้ำ และพักผ่อน มีร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักให้บริการตลอดแนวชายหาด
ใกล้ๆ ชายหาดเป็นที่ตั้งของ “ศาลกรมหลวงชุมพร” (Prince of Chumphon Shrine) อนุสรณ์สถานของ “พลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์” ผู้ทรงทรงสถาปนาและพัฒนากองทัพเรือไทย ประกอบด้วย ศาลล่างหรือศาลเก่า ตั้งอยู่บริเวณพระตำหนักที่เคยเป็นที่ประทับและสิ้นพระชนม์ และศาลบนหรือศาลใหม่ ตั้งอยู่ที่เนินเขาหันหน้าออกสู่ทะเล ใกล้ๆ กันนั้นมี “เรือรบหลวงชุมพร” ตั้งอยู่ นับเป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบบนบกแห่งแรก นอกจากนี้ยังมี “สวนสมุนไพรหมอพร” และ “เรือรบหลวงพระร่วงจำลอง” อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติป่าเขาด้วย
บนเส้นทาง ชุมพร – ปากน้ำ – หาดทรายรี ยังมีจุดชมวิวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของชุมพรนั่นคือ “จุดชมวิวเขามัทรี” (Khao Matree View Point) สามารถมองเห็นปากน้ำชุมพร และชายหาดของทะเลชุมพรได้ 360 องศา นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟสุดชิลให้นั่งชมพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก และมีองค์เจ้าแม่กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลาประทับท่านั่งหันไปทางทะเล ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล
จุดหมายต่อไปอยู่ที่อำเภอสะวี เดินทางจากสะพานไม้เคี่ยมไปตามเส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 7030 “วัดพระธาตุสวี” (Phra That Sawi Temple) เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองชุมพรอายุยาวนานกว่า 700 ปี และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็น 1 ในจตุธรรมธาตุของทางภาคใต้ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำสวีห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโลเมตร ภายในวัดโดดเด่นด้วย “พระบรมธาตุสวี” ลักษณะขององค์พระธาตุคล้ายกับพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช แต่มีขนาดย่อมกว่า ภายในวัดยังมี “พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุสวี” จัดแสดงพระพุทธรูปโบราณที่ขุดค้นพบในบริเวณพระธาตุ และ “ศาลพระเสื้อเมือง” ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาของชาวชุมพร
“สะพานชมกวาง” อีกหนึ่งจุดชมวิวสุดอลังการ ภายในศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการแก้มลิงหนองใหญ่ ตำบลบางลึก อำเภอเมืองชุมพร ที่สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อป้องกันน้ำท่วมตัวเมืองชุมพร รวมเนื้อที่กว่า 2 พันไร่ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่สะพานไม้เคี่ยมทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร ไปเชื่อมต่อกับเกาะขนาดเล็กตรงกลางบ่อน้ำ มีลักษณะส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดูแปลกตา และได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “สะพานไม้เคี่ยมที่ยาวที่สุุดในโลก” โดยมีจุดให้่อาหารกวางที่มีมากกว่า 60 ตัว ที่ “ศาลาชมกวาง” นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม “ล่องแพแลกวาง” ให้นักท่องเที่ยวได้ส่่องกวางชมบรรยากาศสวยๆ อีกด้วย
ปักหมุดจุดสุดท้ายกันที่ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร” (Mu Ko Chumphon National Park)
แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่โดดเด่นของชุมพร เหมาะสำหรับผู้รักทะเล และรักการดำน้ำชมปะการัง มีเกาะเรียงรายมากกว่า 40 เกาะ ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอปะทิว อำเภอเมืองชุมพร อำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอหลังสวน อาทิ เกาะไข่ เกาะจระเข้ เกาะกุลา เกาะหลักง่าม เกาะละวะ เกาะมะพร้าว เกาะมัตรา เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ เกาะพิทักษ์ เกาะมัตโพน เกาะลังกาจิว เกาะทะลุ เกาะทองหลาง ฯลฯ แต่ละเกาะล้วนเต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติแตกต่างกันไป
ใครโปรดปรานการขับรถเที่ยว อย่าลืมทำลิสต์จัดทริปแพลนเที่ยวล่วงหน้ากันได้เลย จะเดินทางมาเที่ยวเสาร์ – อาทิตย์ หรือจะค้างคืนหลายๆ วันก็ดีไม่น้อย นับเป็นการใช้เวลาในวันหยุดได้คุ้มค่าสุดๆ ไปเลย
