Blockdit สร้างรายได้เสริมออนไลน์ ง่าย ๆ ทำที่บ้านได้

Blockdit

ทุกวันนี้หลาย ๆ คนอาจจะเห็นหรือเคยได้ยินเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Blockdit ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาบน Facebook, การรีวิวจาก YouTuber หรือแม้กระทั่งตาม Digital Billboard ซึ่งนอกจาก Blockdit จะเป็นแหล่งความรู้ที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นแหล่งที่เหล่าบรรดานักเขียนหรือ Content Creator จะสามารถทำงาน สร้างรายได้ จากที่บ้านได้ด้วย จะมีฟีเจอร์อะไรเด็ด ๆ ดีต่อสายอ่านและสายเขียนอย่างไร มาดูรายละเอียดกันได้เลย

Blockdit คืออะไร ?

Blockdit คือ แพลตฟอร์มออนไลน์ชนิดหนึ่ง ที่ใช้สำหรับกระจาย Content ออกสู่สาธารณะ โดยจะเน้น Content รูปแบบบทความ, VDO และ Podcast เป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มที่ให้นักอ่านและนักเขียนมาเจอกันได้อย่างลงตัว ด้วยหน้าตาที่สะอาด อ่านง่าย โดยคง Concept ในการงดเรื่อง Toxic, ด่าทอ, ซุบซิบ, Fake NEWS หรือแม้กระทั่งการโฆษณาสินค้าก็ไม่ปรากฏให้เห็น

จุดเด่นของ Blockdit

1. ก้อนข้อความ

สิ่งที่ Blockdit แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดคือระบบ “ก้อนข้อความ” ตามชื่อ Block ที่แปลว่าก้อน และ Dit ที่มาจาก Edit ซึ่งเจ้าก้อนข้อความจะมีประโยชน์ตรงที่ทำให้เราสามารถอ่านได้ง่าย และผู้อ่านสามารถกดไลค์หรือความรู้สึกต่าง ๆ ในวรรคหรือก้อนข้อความนั้น ๆ ได้ ฝั่งผู้เขียนก็จะได้รู้ด้วยว่าพารากราฟไหนถูกใจคนอ่านมากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนต่อไป

2. Reach และ Engagement ดี

จุดดีของแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ที่เห็นได้ชัดอีกข้อคือการไม่หวงยอดวิวหรือการเข้าถึง แอปพลิเคชัน TikTok ก็เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อจูงใจเหล่าครีเอเตอร์ให้เข้าไปผลิต Content บนแพลตฟอร์มนั้น ซึ่งถ้าหากไม่รีบเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะมาไม่ทันช่วงที่ Engagement กำลังดีอยู่ก็ได้ อย่าง Facebook ที่ตอนนี้เริ่มมีการปรับอัลกอริทึมและลดการมองเห็น Content ลง

3. NEWS Feed

แม้ว่าหน้าตาของ Blockdit จะมีความคล้ายคลึงกับ Facebook แต่สิ่งที่แตกต่างจาก Facebook ก็คือ Blockdit ไม่มีระบบเพื่อน แต่จะเป็นระบบผู้ติดตามแทน ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องส่วนตัวที่คุณไม่ได้ต้องการจะรู้ และนอกจากนั้นคุณยังสามารถเสพ Content ในหมวดหมู่ทที่คุณสนใจ ที่ทางระบบ Random มาให้

4. เป็นแหล่งรวม Content คุณภาพ

ด้วยความที่ Blockdit เน้นบทความยาว จึงสามารถการันตีคุณภาพได้ในระดับหนึ่งว่าที่คนขี้เกียจและมักง่ายไม่น่าจะเหมาะกับแพลตฟอร์มนี้ นอกจากนี้เพจส่วนใหญ่ที่เข้ามาใน Blockdit ก็มาจากเพจความรู้ เพจคุณภาพจากแพลตฟอร์มอื่นอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Blockdit ดูเป็น Professional มาก ๆ ดีต่อทั้งผู้อ่านและผู้เขียน 

5. เสริมคุณค่าให้กับ Content ของคุณ          

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Brand Image ของ Blockdit คือแหล่งรวมนักเขียนคุณภาพ นักเขียนมืออาชีพ บวกกับหน้าตาการใช้งานที่เข้าถึงง่ายและเป็นระเบียบ ทำให้บทความของคุณถูกดึงคุณค่าออกมาสู่สายตาผู้คนได้อย่างดีที่สุด ในทางกลับกันหากหน้าตาเหมือนเว็บพนันที่เต็มไปด้วยแบนเนอร์โฆษณากระพริบและเด้งขึ้นมาตลอดเวลา บทความของคุณจะดูราคาตกในทันที

6. แทรกรูปภาพระหว่างบทความได้

คุณสามารถแทรกรูปภาพไปในระหว่างบทความได้ไม่จำกัด เหมือนการใช้งานบนเว็บไซต์ ซึ่งแตกต่างจาก Facebook ที่จะทำได้แค่พิมพ์บทความยาว ๆ แล้วเอารูปมากองไว้เป็นอัลบั้มด้านล่าง ทำให้ Facebook ไม่ตอบโจทย์การเขียนบทความยาว ๆ เท่ากับ Blockdit

7. ได้เปรียบในทั้งกลยุทธ์เชิงรุกและเชิงรับ

ได้นำความเป็น Facebook กับ Website มาผสมรวมกัน ทำให้คุณสามารถมีหน้าตาที่ใช้งานง่าย เป็นกันเอง ได้เปรียบทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ในเชิงรุก คุณสามารถแชร์ Content และมีโอกาสที่คนจะเห็นได้มาก ถ้าบทความมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาสนใจ เขาจะมองเห็น แม้ว่าคนคนนั้นจะไม่ได้ติดตามคุณ ในเชิงรับก็ตอบโจทย์เรื่อง SEO ได้ดี เริ่มเห็นได้ว่ามีการติดอันดับในหน้าแรกของการค้นหา คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านการเสิร์ชคีย์เวิร์ดต่าง ๆ

หน้าตาการใช้งานของ Blockdit

สำหรับหน้าตาการใช้งานของ Blockdit จะประกอบไปด้วย 5 ส่วนหลัก ๆ หรือ 5 หน้าหลักนั่นเอง

  1. หน้าแรก ไอคอนรูปบ้าน เปรียบได้กับ NEWS Feed ของ Facebook ที่จะมีโพสต์ที่เราติดตาม หรือโพสต์ที่น่าสนใจ ซึ่งถูกคัดกรองคุณภาพของเนื้อหามาในระดับหนึ่ง
  2. หน้า Search ไอคอนเป็นรูปแว่นขยาย มีไว้สำหรับค้นหาสิ่งที่ต้องการ ด้วยการพิมพ์คีย์เวิร์ดหรือชื่อเพจนั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีการเสนอ Content ที่น่าสนใจแม้ว่าเราจะไม่ได้ติดตาม โดยโพสต์ที่ปรากฎจะมาจากการคิดคำนวณของระบบหลังบ้าน
  3. หน้ายอดนิยม ไอคอนรูปไฟ จะนำเสนอเทรนด์ยอดนิยมในขณะนั้น เช่น บทความที่มียอดวิวสูง หรือกำลังมาแรงในเวลานั้น
  4. หน้าแจ้งเตือน ไอคอนรูปกระดิ่ง ที่เมื่อมีคนคอมเมนต์หรือแชร์โพสต์ของคุณ ก็จะแจ้งเตือนเช้ามาตรงนี้
  5. หน้าผู้ใช้งาน ไอคอนสามขีด ที่ทำให้เราจัดการกับบัญชีของตัวเองได้ เช่น การสลับเพจ, การเช็คอินบอกซ์, การบูสต์โพสต์ เป็นต้น

ขั้นตอนการสมัคร

  1. การสมัคร Blockdit ถือได้ว่าง่ายมาก ๆ เพียงแค่มีเบอร์โทรศัพท์ก็สามารถสมัครและ Log In ได้แล้ว โดยที่คุณสามารถกำหนดและเปลี่ยน Display Name ได้เสมอ
  2. เมื่อคุณสมัคร Blockdit สำเร็จ คุณจะอยู่ในหน้าของ Account ส่วนตัว จากนั้นหากคุณอยากจะรับรายได้ หรือต่อยอด Content ให้มากขึ้น ขอแนะนำให้สมัครเป็น “เพจ” ซึ่งใน 1 Account จะสมัครกี่เพจก็ได้ไม่จำกัดจำนวน หรือแนวทางของเพจ หากคุณเป็น Creator ที่สามารถสร้าง Content ได้หลากหลายแนว และแต่ละแนวก็ชัดเจน ไม่เกี่ยวข้องกับแนวอื่น ๆ ก็แนะนำว่าให้เปิดเพจแยกไปเลย
  3. เมื่อสมัครและเปิดเพจทุกอย่างแล้ว ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เลย โดยกดปุ่มบวก ที่มุมขวาล่าง จากนั้นก็เลือก Article ตรงนี้ก็แล้วแต่ลีลาและสไตล์การเขียนของแต่ละคนว่าจะออกมาอย่างไร โดยที่คุณสามารถเลือกหมวดหมู่ของบทความได้มากกว่า 30 รายการ เช่น ธุรกิจ, การตลาด, เศรษฐกิจ, หุ้น, การศึกษา, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, แฟชั่น, เพลง หรืออื่น ๆ เป็นต้น เรียกได้ว่ามีความหลากหลายมาก

เงื่อนไขและกติกาการรับรายได้จาก Blockdit

หลังจากที่ได้เห็นประโยชน์ต่าง ๆ ของ Blockdit แล้ว หลาย ๆ คนอาจจะอยากรู้แล้วว่าจะสามารถสมัครรับรายได้กับทาง Blockdit ได้อย่างไรบ้าง เรามาดูขั้นตอนกันเลย

1. ผู้ติดตาม 1,000 คนขึ้นไป

ด่านแรกสุดที่จะต้องผ่าน เพื่อจะเปิดการสร้างรายได้ได้ก็คือ เพจของคุณจะต้องมีผู้ติดตามครบ 1,000 คนก่อน ซึ่งก็มาจากความสม่ำเสมอในการผลิต Content ของคุณนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นบทความ, พอดแคสท์ หรือ วิดีโอ (แต่การจะโพสต์วิดีโอ้ได้คุณจะต้องมีผู้ติดตาม 100 คนขึ้นไปก่อน) เมื่อยอดผู้ติดตามถึง 1,000 คน คุณสามารถกดปุ่ม Monetize เพื่อสมัครรับรายได้ได้

2. ได้รายได้จากดาว

เมื่อเข้าเงื่อนไขผู้ติดตาม 1,000 คนแล้ว คุณจะได้ค่าตอบแทน 1 ดาว = 120-200 บาท โดยการจะได้หนึ่งดาว จะมาจากการคำนวณ Engagement โดยรวมของระบบ คุณสามารถสังเกตหลอดสีเงินได้ถ้า Content ของคุณทำให้หลอดเต็มได้ภายใน 48 ชั่วโมงก็จะได้ดาวไปเลย แต่หากเลยเวลา 48 ชั่วโมงแล้วก็อดได้ดาว (Blockdit ใจดี ขยายเวลาเพิ่มให้จากเดิม 24 ชั่วโมง)

3. ได้รายได้จากเพชร

เพชรคือสิ่งที่ผู้อ่านสามารถเปย์ให้กับ Content ของคุณ โดยที่เพชร 1 อัน เท่ากับ 0.3 บาท โดยที่ผู้อ่านต้องไปซื้อบีดีคอยน์ (เหรียญของ Blockdit) ได้จากปุ่มบีดีคอยน์ จากนั้นจึงแลกมาเป็นเพชรแล้วค่อยเปย์ให้เจ้าของบทความ

ปัจจุบันอัตราส่วนการแปลงบีดีคอยน์เป็นเพชร คือ 1:1 เช่น ถ้าคุณซื้อบีดีคอยน์จำนวน 10 อัน ก็จะแปลเป็นเพชรให้เจ้าของโพสต์ได้ 10 เม็ดเท่ากันเลย

4. การถอนเงินออกมาใช้

การจะถอนเงินออกมาได้จะต้องมียอดเงินสะสม 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งตรงนี้ก็มีหลักการคล้ายกับ YouTube โดยระบบจะโอนเงินไปยังเลขบัญชีที่คุณกรอกสมัครรับรายได้ตอนแรก

สถิติเชิงลึกของ Blockdit มีอะไรบ้าง

1. ยอดการรับชม หรือ Views/Impression

อธิบายง่าย ๆ เลยก็คือยอดที่คนเห็น Content ของเรา ซึ่งหนึ่งคนที่รับชม อาจดูหลายครั้ง ก็นับได้มากกว่าหนึ่งวิว

2. ยอดการเข้าถึง หรือ Reach

ตามชื่อเรียกเลย ก็คือยอดการเข้าถึงและเห็น Content โดยจะแตกต่างจากยอดวิวตรงที่ หนึ่งคนนับเป็น 1 Reach แม้จะมีการเข้ามาดูกี่ครั้งก็ตาม (ยอด Reach จะต่ำกว่ายอด Views เสมอ)

3. การมีส่วนร่วม หรือ Engagement

การมีส่วนร่วมคือการที่ไม่ใช่แค่ดูเฉย ๆ แต่มีการกดนู่นกดนี่บนโพสต์ของเรา โดยจะแบ่งออกเป็น

  • กดแสดงความรู้สึก เช่น ถูกใจ, รักเลย, ว้าว หรือ เศร้า
  • การเขียนแสดงความคิดเห็น
  • การกดแชร์
  • การคลิกต่าง ๆ ซึ่งมีการแจกแจงให้โดยละเอียด ได้แก่ โปรไฟล์คลิก เพื่อดูยอดคนคลิกเข้าไปดูโปรไฟล์เพจของเราหลังจากที่ได้อ่านบทความ, ลิงค์คลิก เป็นยอดที่แสดงการคลิกลิงค์ที่เราแปะไว้บนบทความ, ยอดคลิกดูรูปภาพ หรือคลิกอื่น ๆ เป็นต้น

ข้อแนะนำในการใช้ Blockdit

1. อย่าคาดหวังรายได้

ในช่วงเริ่มต้น พยายามอย่าคาดหวังรายได้จาก Blockdit ถ้าอยากได้รายได้แบบด่วน ๆ แนะนำให้ไปทาง TrueID หรือ รับจ้างเขียนบทความทั่วไปดีกว่า

เพราะเชื่อว่าสำหรับ Blockdit แค่เรื่องผู้ติดตาม เรื่องดาว เรื่องเพชร ก็ทำให้คุณน่าจะท้อใจในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นในช่วงแรกให้โฟกัสที่การสร้างสรรค์งานว่าคุณอยากจะให้ผู้ที่เสพงานของคุณได้ประโยชน์อะไร ถ้าผลงานของคุณดี มีประโยชน์ คนติดตามก็จะเพิ่มขึ้นเอง โดยที่ทาง Blockdit ก็พยายามผลักดัน Engagement ให้กับคุณอย่างเต็มที่ (หวังว่าจะไม่ปรับลดการมองเห็นในอนาคต เหมือนอย่างที่ Facebook ทำอยู่)

2. อย่าคัดลอกผลงาน

ใน Blockdit มีระบบตรวจสอบว่าบทความนี้มีการคัดลอกหรือไม่ โดยบทความที่คัดลอก สรุปประเด็นซ้ำ ๆ หรือสร้างสรรค์เองไม่ถึง 90% ของเนื้อหาทั้งหมด จะไม่ได้รับรายได้ ต่อให้มียอดผู้ติดตามถึง 1,000 คนก็ตาม

3. มีรูปภาพและหัวข้อให้น่าสนใจ

หัวข้อที่น่าสนใจจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้ รวมไปถึงรูปภาพที่สวยงามดึงดูด ผู้เขียนแนะนำว่าให้ใส่ชื่อหัวข้อหรือคีย์เวิร์ดที่เตะตา เข้าไปในรูปภาพแรกด้วย เพื่อให้ผู้ที่เลื่อนอ่าน Feed จะหยุดมาดู Content ของเรา โดยเราสามารถทำ Artwork สวย ๆ ได้ง่ายและสะดวกบนเว็บ Canva หรือถ้าใครช่ำชองหน่อยก็ใช้ Photoshop ไปเลยก็ได้ และหัวข้อต้องไม่โอเวอร์ หรือ Clickbait เกินจริง ถ้ามีตัวเลขใส่เข้าไปด้วยก็จะช่วยดึงดูดสายตาของคนอ่านได้ดีขึ้น

4. ไม่แนะนำให้แลกผู้ติดตาม

การเข้ากลุ่มแลกผู้ติดตาม ฟอลโล่วมาฟอลโล่วกลับ จะทำให้คุณได้ยอดผู้ติดตามที่สูง แต่คุณจะได้คนที่สนใจ Content ของคุณจริง ๆ น้อยมาก หรือตัวคุณเองก็จะต้องมาติดตามคนที่คุณไม่ได้สนใจด้วยเช่นกัน พยายามอย่าตกเป็นทาสของยอดผู้ติดตาม หรือยอดเงิน จนลืมคุณค่าที่แท้จริงของการครีเอทผลงาน แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งทาง Blockdit ก็ไม่ได้ห้ามอะไร ถ้าลองทำดูอาจจะเวิร์คสำหรับบางคนก็ได้

5. ระวังประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์

ลิขสิทธิ์หลัก ๆ ที่สำคัญเลยก็คือ “ลิขสิทธิ์รูปภาพ” รูปภาพที่นำมาต้องไม่ติดลิขสิทธิ์ หรือจะต้องขออนุญาตเจ้าของภาพก่อน โดยที่ Blockdit จะมีฟีเจอร์ที่ให้คุณสามารถอธิบายใต้ภาพ และระบุถึงแหล่งที่มาได้ด้วย สำหรับเว็บภาพฟรี ไม่ติดลิขสิทธิ์ ที่นิยมใช้ ได้แก่เว็บ pexels และเว็บ pixabay ซึ่งก็อย่าลืมแนบ Link หรือระบุแหล่งที่มาด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ Blockdit สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหนก็ยังคงคอนเซ็ปต์ที่ว่า “Content is The King” ถ้า Content คุณดี มีเอกลักษณ์ ใส่ใจลงไปในการผลิต จะเล่นแพลตฟอร์มไหนก็ประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: ,