Active & Passive Income คืออะไร เคล็ดลับการสร้างรายได้ที่ควรรู้

Active and Passive income

รายได้ (Income) คือผลตอบแทนที่สร้างจากแรง เวลา หรือสิ่งที่เราสร้างขึ้น โดยส่วนมากรายได้มักจะมาในรูปแบบของเงิน รายได้ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้คือรายได้บุคคล ไม่ใช่รายได้จากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรายได้ประเภทนี้นั้นสามารถแบ่งออกมาได้เป็น 2 แบบ คือ รายได้จากการทำงาน (Active Income) และรายได้จากทรัพย์สิน (Recurring or Passive Income) การเข้าใจรายได้ 2 แบบนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถมองเห็นโอกาสในการหารายได้ได้กว้างขึ้นและออกแบบช่องทางรายได้ต่างๆให้เหมาะสมกับชีวิตของตนเองมากยิ่งขึ้น

Active Income หาเงิน

1. รายได้จากการทำงาน (Active Income)

Active Income คือรายได้แบบที่เราต้องเอาแรง เอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำงานเพื่อเงิน และแน่นอนหากเราต้องการที่จะมีรายได้เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เราก็จะไม่สามารถหยุดทำงานได้เลย เพราะเมื่อใดที่เราหยุด รายได้ของเราก็จะหยุดเช่นกัน ซึ่งหากเรามองไปรอบๆตัว คนกว่า 90% รอบๆตัวเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานออฟฟิศ ธุรกิจส่วนตัว ตกอยู่ในหมวดหมู่ที่มีรายได้ประเภทนี้เป็นช่องทางรายได้หลักกันทั้งนั้น

10 อาชีพต่างๆที่มีรายได้แบบ Active Income

  1. แพทย์
  2. นักบัญชี
  3. วิศวกร
  4. นักข่าว
  5. ตำรวจ
  6. ครู
  7. พนักงานขาย
  8. ทนาย
  9. นักการตลาด
  10. คนทำธุรกิจส่วนตัว

ข้อดีของ Active Income

  1. ความเสี่ยงต่ำ การมีรายได้แบบ Active Income นั้นแน่นอนว่าแทบจะไม่มีความเสี่ยงทางด้านการเงินเลย เพราะว่าคนที่มีรายได้เหล่านี้ต้องลงแรงเพื่อแลกเงิน พวกเขาจะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงเรื่องเงินทุนแม้แต่อย่างใด
  2. คาดเดาได้อย่างแม่นยำ รายได้แบบ Active Income นั้นสามารถคาดคะเนได้ เราสามารถรับรู้ได้ว่า ณ วันที่นี้ เราจะได้รับเงินเป็นจำนวนเท่านี้ และมาจากช่องทางไหนบ้าง

ซึ่งข้อดีเหล่านี้จะช่วยให้คนที่มีรายได้แบบ Active Income สามารถวางแผนจัดการการเงินได้อย่างคล่องตัวและแม่นยำมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากเราทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ ทุกวันที่ 30 ของทุกๆเดือน เราจะได้รับเงิน 20,000 บาท ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้กับนายจ้าง เราจะใช้ 30% ของเงินไปในการผ่อนคืนเงินกู้ ใช้ 30% ในการใช้จ่ายจิปาถะ และนำอีก 40% ไปฝากธนาคาร

ข้อเสียและกับดักของ Active Income

  1. เวลาที่จำกัด เราไม่สามารถมีรายได้แบบ Active Income ได้ตลอดเวลา เนื่องจากเราทุกคนมีพลังและชั่วโมงที่สามารถทำงานได้อย่างจำกัด เช่น 1 วันเราสามารถเขียนได้ 5 บทความ ในทุกๆวันเราต้องกินข้าว สังสรรค์ พักผ่อน และออกกำลังกาย และเมื่อเราหันเหไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่การทำงาน รายได้ของเราก็จะหยุดทันที
  2. เสียโอกาส คนที่มีรายได้แบบ Active Income นั้นอาจจะมองไม่เห็นหรือไม่กล้าเปิดรับโอกาสใหม่ๆ เช่น หากเราเป็นผู้บริหารองค์กรนำเข้าใหญ่ที่ค่อนข้างมั่นคง เงินเดือนสูง เราอาจจะไม่กล้าออกมาเสี่ยงเปิดธุรกิจนำเข้าอะไหล่หุ่นยนต์แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า

เคล็ดลับในการเพิ่มรายได้แบบ Active Income

วิธีการเพิ่ม Active Income ง่ายๆเลย คือการเพิ่มคุณค่าของตัวเราหรือกิจการให้ตรงกับความต้องการของตลาดทั้งปัจจุบันและอนาคต การเพิ่มคุณค่านี้นั้นครอบคลุมถึง ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ต่างๆ ทั้งในสายงานและนอกสายงาน คุณสามารถเลือกเป็น ผู้เชี่ยวชาญ (Specialist) หรือผู้รู้รอบด้าน (Generalist) หรือจะเป็นทั้งสอง (Expert Generalist) ก็ยังได้ การที่เราเป็นผู้รู้กว้างและลึกในเรื่องต่างๆ นอกจากองค์ความรู้ของเราจะเพิ่มขึ้น ความรู้หลากแขนงจะทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆอีกด้วย ซึ่งความรู้และมุมมองใหม่ๆเหล่านี้จะเป็นตัวเพิ่มคุณค่าและโอกาสให้กับเราได้อย่างดี และแน่นอนเราควรใช้โอกาสให้เป็นและมองหาตลาดหรือคนที่เข้าใจคุณค่าในตัวเรา

ตัวอย่างที่ดีที่สุดของผู้ที่เป็น Expert Generalist คือ Elon musk ผู้ที่นอกจากจะเชี่ยวชาญวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ เขายังมีความรู้และความสามารถในเชิงธุรกิจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การเงิน การลงทุน และการบริหาร ซึ่งความรู้ที่แตกแขนงเหล่านี้ทำให้เขาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆพร้อมบริหารบริษัทให้แข็งแกร่งไปพร้อมๆกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยในการเลือกช่องทางสร้าง Active Income

  1. ความถนัดและความสนใจส่วนตัว
  2. ปริมาณผลตอบแทนที่ได้รับต่อเวลาที่เสียไป
  3. ความต้องการของตลาดปัจจุบันและอนาคต

Passive Income หาเงิน

2. รายได้จากทรัพย์สิน (Recurring or Passive Income)

Passive Income คือรายได้แบบที่เรานำเงิน เวลาและแรงเพียงช่วงหนึ่งไปสร้างเครื่องมือหรือทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ให้เราเข้ามาอย่างสม่ำเสมอโดยที่เราไม่ต้องใช้หรือใช้เวลากับมันน้อยลง Passive Income เป็นรายได้ที่สร้างเงินให้คุณในทุกขณะของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตอนนอน ท่องเที่ยว หรือป่วย ทำให้รายได้แบบนี้จึงเป็นช่องทางสู่ความมั่งคั่งที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมี

10 ไอเดียสร้างรายได้แบบ Passive Income

  1. ลงทุนอสังหาริมทรัพย์
  2. ขายรูปถ่ายออนไลน์
  3. เปิดคอร์สสอนออนไลน์
  4. ทำ blog หรือ Affiliate
  5. เขียนหนังสือหรืออีบุ๊ค
  6. สร้าง App มือถือ
  7. ติดโฆษณาตามสินทรัพย์เช่น รถ บ้าน
  8. ลงทุนตลาดหลักทรัพย์
  9. ธุรกิจเฟรนไชส์
  10. ลงทุนธุรกิจ

ข้อดีของ Passive Income

  1. ไม่มีเพดาน รายได้แบบ Passive Income นั้นเราสามารถเพิ่มช่องทางรายได้และเพิ่มรายรับเท่าไหร่ก็ได้ตามความสามารถและความทะเยอทะยานของเรา
  2. ลดความเสี่ยง หากเกิดเหตุการณ์ที่รายได้ของเราหายไปหรือไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต เรายังคงมี Passive Income เข้ามาให้เราใช้และเป็นแหล่งเงินสำรองได้
  3. รายได้ต่อเนื่อง เราสามารถมีรายรับเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีขีดจำกัดทางด้านเวลาหรือสุขภาพ ไม่ว่าจะเข้าโรงพยาบาลหรือกำลังนอนพักผ่อนริมชายหาด เราสามารถให้เงินหรือทรัพย์สินทำงานแทนเราได้ตลอด 24 ชม. 365 วัน
  4. มีอิสรภาพมากขึ้น หากวันใดวันนึงเรามีรายได้แบบ Passive Income ที่เพียงพอต่อความต้องการหรือมากกว่ารายจ่าย เมื่อนั้นเราอาจะไม่ต้องพึ่งแหล่งรายได้แบบ Active Income อีกต่อไป และสามารถใช้เวลานั้นไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย
  5. เป็นมรดกตกทอด ทรัพย์สินหรือเครื่องมือที่สร้าง Passive Income นั้นโดยส่วนมากสามารถโอนกรรมสิทธิ์และความเป็นเจ้าของได้ ซึ่งรายได้จะยังคงไหลเข้ามาให้กับคนที่เรารัก แม้เราจะไม่อยู่แล้วก็ตาม

ข้อเสียและกับดักของ Passive Income

  1. ภาพลวงตา หากเรายังต้องคอยใช้เวลา แรง ในปริมาณมากเพื่อให้ได้มาซึ่ง Passive Income นั้นจะไม่ใช่รายได้รูปแบบ Passive อีกต่อไป มันจะกลายเป็น Active Income แทน เช่น หากเราซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า แต่เราจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการหาผู้เช่า และปรับปรุงซ่อมแซมตัวห้อง รายได้ที่เข้ามาจะไม่ใช้ Passive อีกต่อไป
  2. เสี่ยงขาดทุน การสร้างหรือค้นหาทรัพย์สินที่มีคุณค่าเพื่อนำมาสร้างรายได้แบบ Passive นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากกระทำโดยขาดการวางแผน เป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เราก็จะมีแต่เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน เช่น หากเราลงทุนธุรกิจหนึ่งโดยไม่ศึกษาตลาด คู่แข่ง และมีหุ้นส่วนที่คอยจ้างพนักงานแย่ๆ ผลลัพท์ก็จะไม่พ้นเจ๊งจากคู่แข่งหรือโดนโกง
  3. ต้องการทุนทรัพย์สูง การที่จะสร้างหรือค้นหาสิ่งหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้เราได้สูงนั้น โดยส่วนมากเราจะต้องมีเงินทุนเยอะพอที่จะสร้างสิ่งนั้นให้ได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ
  4. ขาดการดูแลเอาใจใส่ บางธุรกิจหรืออุสาหกรรมนั้นสร้างผลตอบแทนเยอะและเร็ว แต่ก็เปลี่ยนแปลงเร็วเช่นกัน ซึ่งหากเราคิดว่าเราสร้างธุรกิจหรือเครื่องมือมาโดยไม่ดูแลเลย เราอาจจะไม่ได้รายได้ในปริมาณที่คาดหวังเอาไว้

เคล็ดลับวิธีการหาเงินแบบ Passive Income

รายได้ในรูปแบบ Passive Income จะมากจะน้อยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับคุณค่าของทรัพย์สินนั้นๆ หากเป็นที่ต้องการของผู้คนและสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ทรัพย์สินนั้นก็จะมีคุณค่ามากซึ่งปริมาณรายได้ที่เข้ามาก็จะเยอะและสูงตาม แน่นอนสวิธีจุดเริ่มต้นในการเลือก ค้นหา หรือสร้างทรัพย์สินนั้นสำคัญที่สุด เพราะว่าหากเราเลือกหรือก้าวผิดตั้งแต่แรกเราก็จะเสียเวลา เงิน และโอกาสไปเลยทันที ดังนั้นการเริ่มต้นทีดีควรจะต้องประเมิน 2 อย่าง 1. ประเมินความเป็นไปได้ของทรัพย์สิน 2. ประเมินความสามารถและกระบวนการของตนเอง

4 ตัวอย่างคำถามง่ายๆประเมินความเป็นไปได้ต่างๆของทรัพย์สิน

  1. ทรัพย์สินมีความต้องการและคุณค่าสำหรับตลาดในปัจจุบันและอนาคตแค่ไหน?
  2. ทรัพย์สินมีอายุสั้นยาวเพียงใด?
  3. ทรัพย์สินสามารถเปลี่ยนมือหรือนำมาใช้ใหม่ได้ไหม?
  4. ในกรณีที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุดรายได้จากทรัพย์สินจะอยู่ที่เท่าไหร่?

4 ตัวอย่างคำถามง่ายๆประเมินความสามารถและกระบวนการของตนเอง

  1. เรามีเงินทุนแหล่งเงินทุนไหม?
  2. เรามีเวลาที่สามารถนำมาใช้ล่วงหน้าพอไหม?
  3. เรามีความรู้ที่เกี่ยวข้องไหม?
  4. เรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน?
  5. เราจะทำอย่างไรให้ทรัพย์สินยั่งยืนโดยที่เราใช้เวลาน้อยที่สุด?

ซึ่งเมื่อเราตอบคำถามที่เราสร้างขึ้นมาได้อย่างชัดเจนและมีเหตุผลพอ เราจะได้รู้ว่าเราควรจะดำเนินการต่อหรือควรหยุดอีกทั้งเรายังได้แนวทางในการดำเนินการอีกด้วย

ปัจจัยในการเลือกช่องทางสร้าง Passive Income

  1. ความพร้อมของตัวเองในการสร้างทรัพย์สินนั้นๆ เช่น เงินทุนและความรู้
  2. ความต้องการของตลาดปัจจุบันและอนาคต
  3. ความสะดวกในรูปแบบต่างๆ เช่น การบริหารจัดการ
  4. ระยะเวลาในการคืนทุนและสร้างกำไร

ตัวอย่างความแตกต่างของ Active & Passive Income

นาย A และนาย B ทั้งคู่ร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจขายอุปกรณ์กีฬา มีส่วนแบ่งกำไรครึ่งต่อครึ่ง นาย A ใช้เวลาแทบทั้งวันไปกับการขายสินค้า จัดการคลังสินค้า และทำบัญชี ส่วนนาย B เป็นผู้ลงทุนหลักในการเปิดธุรกิจนี้ และใช้เวลาเพียง 10% ต่อวันในการทำการตลาด จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่านาย A และ B ได้รับรายได้ที่เท่ากัน แต่นาย A มีรายได้แบบ Active เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน ซึ่งแตกต่างจากนาย B ที่ใช้เงินและเวลานิดหน่อยต่อวันไปกับการทำงาน นาย B จึงมีรายได้ในรูปแบบ Passive

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , , ,