Work from Home อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ? ข้อดี-เสียของ WFH

Work From home
หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!

ADVERTISEMENT


หนึ่งใน New Normal หรือชุดพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเนื่องด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือการทำงานจากที่บ้านหรือ Work from Home (WFH) ที่ช่วยเว้นระยะห่างทางสังคมได้มาก มีประสิทธิภาพในการจัดการโรคระบาดเป็นอย่างมาก แต่ในมุมมองของการทำงานแล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในบทความนี้จะขอแนะนำวิธีทำงานอยู่ที่บ้านให้มีประสิทธิภาพ และการจัดการ แก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อ WFH

ข้อดีของ Work from Home

  • การทำงานมีความยืดหยุ่นและสะดวกสบาย
    WFH เปิดโอกาสให้คุณสามารถตื่นมาไม่ต้องแปรงฟันก็เริ่มทำงานได้เลย อีกทั้งยังสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ เช่นออกกำลังกาย คุยกับคนรัก จัดห้อง ดูแลสัตว์เลี้ยง ตลอดเวลางานต่อเมื่อมั่นใจว่าสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จสิ้นเป็นอย่างดี
  • คุณภาพงานดีขึ้น
    การทำงานที่บ้านนั้น เราไม่ต้องใช้เวลาไปกับการประชุม คุยเล่นในที่ทำงาน ซึ่งหากเราสามารถจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม จะช่วยให้เราโฟกัสกับงานได้ดียิ่งขึ้น อีกอย่างที่ข้อดีข้างต้นได้กล่าวไว้ การทำงานที่บ้านนั้นเปิดให้เราได้มีโอกาสทำกิจกรรมอื่นๆได้ในวันทำงาน ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เราหาหนทางทำงานให้สำเร็จลุล่วงในเวลาอันสั้น
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดเวลาการเดินทาง
    การ Work from Home ทำให้เราไม่ต้องยืนเบียดอยู่บนรถสาธารณะ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆอยู่บนท้องถนน หรือไม่ต้องเสียเงินค่ารถโดยสาร น้ำมันที่แสนแพง เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่บริษัท ซึ่งแน่นอนเราจะมีความสุขเพิ่มขึ้นไม่น้อยและประหยัดทั้งเวลาและเงินที่ต้องเสียทุกวันไปได้มากเลยทีเดียว
  • เปิดโอกาสให้ทดลองอะไรใหม่ๆ
    ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรก ความรู้หรืองานเสริมใหม่ หากบริหารเวลาดีก็สามารถแบ่งเวลาไปทำสิ่งที่อยากทำได้โดยไม่ต้องรอวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ิอีกต่อไป

ข้อเสียของ Work from Home

  • สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยในการทำงาน
    มีสิ่งแวดล้อมภายในบ้านมากมายที่คอยดึงดูดความสนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เช่น ทีวี ผู้คน สัตว์เลี้ยง หรือเตียงนอน สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเสียสมาธิในการทำงานได้อย่างง่าย อีกทั้งการที่ไม่มีเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้านั่งอยู่ใกล้ๆ ไม่มีบรรยากาศที่ทุกคนกำลังทำงานคอยย้ำเตือนให้เราต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประสานงานยากขึ้น
    การคุยต่อหน้าที่สามารถหันหรือเดินไปคุยเพื่อแก้ไขปัญหาในไม่กี่วินาทีนั้นหายไปอย่างสิ้นเชิง ต้องพึ่งการติดต่อผ่านข้อความ โทรศัพท์หรืออีเมลแทน ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจใช้เวลานานกว่าเป็นนาที-ชั่วโมงเลยก็เป็นไปได้
  • เครียด เมื่อบ้านกลายเป็นที่ทำงาน
    เมื่อสถานที่พักผ่อนอย่างบ้านกลายเป็นสถานที่ทำงาน เราอาจเผลอทำงานจนลืมตัว ทำงานจนเกิดความเคยชินไม่พักผ่อนสักทีแม้จะย้ายไปอยู่มุมไหนๆของบ้านก็ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องงานได้เลย สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ และสามารถสร้างความเครียดได้ถ้าเราไม่ระวัง
  • สังคมการทำงานหายไป
    แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีอย่าง Zoom หรือ Slack ที่ช่วยให้ติดต่อ พูดคุยได้โดยง่าย แต่การทำงานร่วมกันที่เห็นหน้าตาผ่านแค่หน้าจออาจทำให้ความสัมพันธ์นั้นไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น โดยเฉพาะหากเป็นพนักงานใหม่ที่พึ่งได้เข้าบริษัทมายังไม่รู้จักใคร โอกาสที่ทำงานไป 3-4 เดือนแล้ว ยังรู้สึกไม่สนิทชิดเชื้อกับใครก็เป็นไปได้มาก
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆสูงขึ้น
    การทำงานที่บ้านนั้นแน่นอนมีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะ อื่นๆ ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางบริษัทมอบให้ได้อย่างเต็มที่

WFH

Work From Home อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ?

  1. จัดสรรพื้นที่การทำงาน

ควรจัดหาพื้นที่การทำงานให้อยู่เฉพาะที่ มีอุปกรณ์ในการทำงานครบถ้วนและห่างไกลจากสิ่งเร้า เพราะการที่เราทำงานอยู่บ้าน โดยไม่มีบรรยากาศการทำงานที่คอยย้ำเตือนเราว่านี่คือเวลางาน เราอาจจะหลุดโฟกัสกับงานได้ง่าย เช่น นั่งทำงานใกล้คนรัก ครอบครัวที่พร้อมชวนคุยอยู่ตลอด นอนทำงานบนเตียง สิ่งเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง

  1. มีสมาธิ โฟกัสกับงาน

การทำงานที่บ้านนั้นควรจัดเวลาให้เหมาะสม พักคือพัก ทำงานคือทำงาน ไม่ควร multitask พักไปทำงานไป เช่นดูทีวีไปทำงานไป คุยสัพเพเหระไปทำงานไป ดูกราฟหุ้นไปทำงานไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราทำงานได้ช้าลง ซึ่งเราอาจจะคิดว่าการแวะไปดูหุ้น เหลือบไปดูซีรีย์แปปเดียวนั้นใช้เวลาไม่นาน แต่สมองเราจะเรียบเรียงเนื้อหางานและคงความต่อเนื่องได้ยากขึ้น เราสามารถใช้ Pomodoro Technique ช่วยในการทำงานได้ โดยการทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที และเมื่อครบ 4 ครั้งให้เราพัก 15-30 นาที

  1. กำหนดเป้าหมายต่อวัน-อาทิตย์

การกำหนดเป้าหมาย ติดตามความคืบหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เรามีวินัย ใช้เวลาไปกับการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากนั้นยังเป็นแรงผลักดันให้เราทำงานเสร็จได้ไวขึ้นอีกด้วย เพราะหากเราต้องการแบ่งเวลาไปเรียนรู้ หรือทำงานอดิเรกใหม่ๆในวันทำงาน เราก็ต้องพยายามทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนกำหนดให้ได้

  1. ใช้เทคโนโลยีแบ่งเบาภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

เราควรรู้จักและใช้โปรแกรมหรือแอปช่วยต่างๆให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งเราได้รวบรวมแอปหรือโปรแกรมที่พื้นฐานและน่าสนใจมาให้แล้วดังนี้

  • เก็บไฟล์-แชร์ไฟล์ระหว่างกัน : Google Drive, Dropbox, OneDrive
  • จดโน้ตหลายอุปกรณ์พร้อมกัน : Notion, Evernote
  • ทำงานร่วมกัน : Google Docs, Google Sheets, Google Slides
  • ประชุมทางไกล : Zoom, Skype, Google Meet
  • สื่อสารภายในทีม : Slack, Discord
  • วางแผน ติดตามความคืบหน้า บริหารโครงการ : Asana, Trello, Todoist, Monday
  • ช่วยโฟกัสงาน : Forest, StayFocused
  1. แยกเวลาส่วนตัวและเวลางานให้ชัดเจน

ทำงานตามเวลางานปกติ เช่น 9.00-18.00 หลังเลิกงานหากไม่ใช่งานเร่งด่วนไม่ควรนำงานมาทำต่อเป็นประจำโดยเด็ดขาด ควรเคารพเวลาส่วนตัวของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการหมดไฟ เบื่องาน อ่อนล้าจนอยากทำงานให้จบๆไป แทนที่จะทำงานให้ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ

  1. หาสังคมและกิจกรรมเสริม

โดยปกติการทำงานที่บริษัทนั้นเราจะมีทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกน้องคอยคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ไปกินข้าวหรือชวนกันไปทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันอยู่เสมอ แต่เมื่อเราต้องมาทำงานที่บ้าน สังคมการทำงานส่วนหนึ่งอาจจะหาย เราจึงต้องหากิจกรรมหรืองานอดิเรกอื่นๆมาแทนที่เพื่อประคับประคองอารมณ์และสมดุลของชีวิตให้ดีอยู่เสมอ

สิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งในอนาคต Work from Home หรือกระทั่ง Work from Anywhere อาจจะกลายเป็นลักษณะการทำงานหลักของเราไปตลอดเลยก็เป็นได้

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: ,