ทำธุรกิจอะไรดี? ปัจจัยและเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจปี 2020

ทำธุรกิจอะไรดี?

ทำธุรกิจอะไรดี? คำถามของคนที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ๆสำหรับการปรับเปลี่ยนธุรกิจหรือสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีมากและเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของหนึ่งธุรกิจ ดังนั้นเราควรใช้เวลาเพื่อหาคำตอบที่รอบคอบและมีประสิทธิภาพ เพราะว่าหากเราเร่งหาคำตอบ เราอาจจะได้คำตอบที่ทำให้เราเริ่มต้นธุรกิจผิดที่ผิดทาง ซึ่งจะทำให้เราเสียเวลาและเสียใจในภายหลังได้ “ทำธุรกิจอะไรดี?” คำถามนี้หากต้องการหาคำตอบที่เหมาะสมแล้ว เราควรคำนึงอยู่หลายปัจจัยเลยทีเดียว เราไปดูกันเลยว่าขั้นตอนในการเลือกและปัจจัยเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
ธุรกิจที่น่าสนใจ

5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกสร้างธุรกิจที่มีอนาคต

  1. ธุรกิจนั้นควรมีโอกาสสร้างรายได้สูงและยั่งยืน

แทบทุกธุรกิจที่ถูกสร้างขึ้นมานั้นล้วนมีเป้าหมายหลักคือรายได้กันทั้งนั้น ดังนั้นหากเราต้องการจะเริ่มสร้างธุรกิจใดๆ อันดับแรกเราควรจะคำนึงถึงโอกาสในการสร้างรายได้ที่สูงและยั่งยืนก่อน เพราะว่าเราทุกคนจะต้องใช้เวลาชีวิตที่มีอย่างจำกัดไปแลกกับการหาเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งหากเงินจำนวนที่ได้รับนั้นน้อย ก็อาจจะไม่คุ้มกับเวลาหรือโอกาสที่เราจะต้องเสียไปก็เป็นได้ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจหนึ่งใช้เวลา 1 ชม. ในการหากำไร 400 บาท กับอีกธุรกิจที่ใช้เวลาเท่ากัน แต่สามารถหากำไรได้มากถึง 1,000 บาท ธุรกิจหลังนั้นแน่นอนน่าสนใจมากกว่า ซึ่งหากเราเริ่มต้นผิดที่ เราอาจจะลงเอยทำธุรกิจแรกในขณะที่จริงๆแล้วเราสามารถทำธุรกิจที่สองก็เป็นได้ เห็นอย่างนี้แล้วเราก็ควรต้องใช้เวลามองหาธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้สูงและยั่งยืน หรือสร้างรายได้โดยไม่มี “เวลา” มาเป็นตัวแปรหลัก

หากอยากรู้เกี่ยวกับรายได้หรือไอเดียหาเงินมากขึ้น
แนะนำอ่านบทความ >> Active และ Passive Income <<

  1. ความถนัด

หากเราได้ประเมินโอกาสการสร้างรายได้จนได้รายชื่อธุรกิจต่างๆที่น่าสนใจมาแล้ว อันดับที่สองเราควรจะมาดูว่าเรามีความสามารถในด้านใดบ้างที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างหรือดำเนินธุรกิจนั้นๆ และเรายังต้องการความรู้หรือความสามารถประเภทใดเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินธุรกิจให้มีความราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เช่นหากคุณสนใจเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษ โดยที่คุณมีความเชี่ยวชาญในการพูด การขาย และภาษา คุณก็สามารถปรับความเชี่ยวชาญจากการพูดและการขายมาเป็นการสอนได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีพื้นฐาน หรือหากคุณไม่มีพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเลย คุณจะต้องถามตัวเองถึงความคุ้มค่าในการศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะมาเปิดธุรกิจนี้

  1. ทรัพยากร

อันดับสามที่เราควรจะคำนึงคือทรัพยากร เนื่องจากในการสร้างธุรกิจนั้นเราจะต้องลงทุนในด้านทรัพยากรต่างๆไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือตัวบุคคล ดังนั้นทรัพยากรจึงเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจที่เราสนใจในอนาคต เพราะฉะนั้นเราควรประเมินว่าธุรกิจที่เราสนใจนั้น อย่างน้อยที่สุดเราควรจะต้องมีทรัพยากรอะไรบ้าง มีค่าหรือราคาเท่าไหร่ และหากต้องการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพควรจะต้องมีอะไรบ้าง หากประเมินเรียบร้อยเราควรกลับมาดูว่าเรามีอะไรอยู่บ้างที่สามารถนำมาใช้ได้ และอาจจะต้องถามว่าเราต้องเสี่ยงไปกู้ยืมทรัพยากรหรือเงินหรือไม่ เช่นหากเราต้องการเปิดสถาบันสอนภาษาอังกฤษ เริ่มแรกเราอาจเพียงต้องการ หนังสือและปากกาเพื่อนำไปสอนตามร้านกาแฟต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีราคาไม่แพงมาก ซึ่งอาจจะเห็นได้ว่าธุรกิจนี้เริ่มแรกมีความเสี่ยงต่ำ แต่หากธุรกิจใหญ่โตขึ้นซึ่งมีความจำเป็นต้องเปิดเป็นสถาบัน อาจจะต้องการห้องเรียน คอมพิวเตอร์ โต๊ะ ครู นักบัญชี และอื่นๆ ก็จะเห็นได้ว่าธุรกิจก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้นตามเช่นกัน

  1. ขนาดของตลาดปัจจุบันและอนาคต

ปัญหาและความต้องการนั้นเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดธุรกิจต่างๆขึ้นมา ดังนั้นอันดับที่สี่ที่เราควรคำนึงก็คือ “ขนาดของตลาดปัจจุบันและอนาคต” หากปัญหาและความต้องการยังคงอยู่และมีโอกาสโตขึ้นเรื่อยๆ ความยั่งยืนของธุรกิจนั้นก็จะยืนยาวตาม เช่นหากเรารู้ว่า ประเทศไทยมีเด็กเกิดขึ้นมาปีละ 1 ล้านคน ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลของโลก และหลักสูตรภาษาอังกฤษในโรงเรียนประไทยส่วนมากยังไม่แข็งแรงพอ นักเรียนและผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็จะมองหาที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษเพิ่ม วิเคราะห์คร่าวๆอย่างนี้แล้วจะเห็นได้ว่าโอกาสทางธุรกิจของสถาบันสอนภาษาอังกฤษยังมีโอกาสโตขึ้นเรื่อยๆ

  1. ความชอบ

ความชอบนั้นมาเป็นอันดับที่ห้า เนื่องจากจะมาเป็นปัจจัยที่ยืนยันว่าเรามีโอกาสทำธุรกิจนี้ได้ดี สำเร็จและทำได้ยาวนาน เพราะว่าเราจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับธุรกิจหนึ่งซึ่งหากเราไม่ได้ชอบธุรกิจนั้นจริงๆ เราอาจไม่มีความสุขกับมัน อาจล้มเลิกหรือยอมแพ้ได้ง่ายๆหากเจอปัญหาและอุปสรรคเข้า เช่น หากเราต้องสอนภาษาอังกฤษทุกวัน ทั้งวัน เจอเด็กไม่ตั้งใจเรียนครึ่งวัน เราจะยังคงรักในการสอนหรือไม่ สามารถคงคุณภาพการสอนที่ดีได้หรือเปล่า และเราสนุก มีความสุขในการสอนเหมือนวันแรกๆได้หรือไม่ ซึ่งหากคำตอบคือไม่ ผลลัพท์ที่ออกมาก็แน่นอนอาจดีไม่พอเท่ากับคู่แข่งที่รักการสอนจริงๆ ดังนั้นธุรกิจที่เราเลือกทำนั้นเราต้องมั่นใจว่าเราสามารถทำมันได้อย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากธุรกิจนั้นเกิดจากความชอบแล้วมันก็ไม่ยากเลย


9-เทรนด์ธุรกิจ-2020

9 ปัจจัยและเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจปี 2020 เป็นต้นไป

  1. การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตและมือถือ

ปัจจุบันในปี 2020 ผู้คนกว่า 50.8% ทั่วโลกสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนมากกว่า 3,900 ล้านคน สามารถใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ ตัวเลขเหล่านี้มีแต่โอกาสที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนั้นมีประสิทธิภาพขึ้น เร็ว เสถียรและราคาถูกลงไปมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน ซึ่งทำให้ทุกคนในปัจจุบันใช้อินเตอร์เน็ตกันแทบจะตลอดเวลา หลายๆกิจกรรมประจำวันที่เราทำเริ่มถูกย้ายมาบนโลกออนไลน์ เช่นการจดบันทึก ช็อปปิ้ง ธุรกรรมการเงิน การสื่อสาร และอื่นๆอีกมากมาย สินค้าออนไลน์หรือซอฟต์แวร์ที่อดีตเคยแพง ปัจจุบันกลับถูกลงหรือฟรีเลยด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุเหล่านี้เองเราจะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่เดินเข้าหาและใช้อินเตอร์เน็ตกันมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และด้วยจุดนี้เองธุรกิจมากมายเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้กับตัวธุรกิจ

  1. Virtual Reality (VR) หรือ ความเป็นจริงเสมือน

Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่คอมพิวเตอร์จำลองสภาพแวดล้อมเสมือนขึ้น โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั้งกลิ่น ซึ่งปัจจุบันคุณภาพของ VR นั้นถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มขยับเข้าใกล้คำว่าเสมือนจริงอย่างสมบูรณ์แบบเข้าไปมากทุกที ซึ่งปัจจุบัน VR ถูกนำไปใช้ในการส่งเสริมประสบการณ์ในการเล่นเกมส์และดูหนัง และในอนาคตอีกไม่นาน มีความเป็นไปได้สูงมากว่า เทคโนโลยี VR นี้จะถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอุสากรรมอื่นๆอย่างเช่น การศึกษา การกีฬาและสื่อบันเทิง

  1. ผู้คนเริ่มสนใจที่จะอยู่ตัวคนเดียว

ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ยุคภาวะชะลอตัวของการเติบโตของประชากร เนื่องจากภาระอันมากมาย ค่านิยม สภาวะแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนกว่า 4 ล้านคนในประเทศไทยเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เพราะการใช้ชีวิตตัวคนเดียวตอบโจทย์พวกเขาในด้านอิสรภาพทางเวลา การเงิน ความรัก และการออกแบบชีวิตตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงมีหลายธุรกิจที่เปิดตัวขึ้นมาตอบสนองความต้องการของคนที่ชอบอยู่ตัวคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่นที่หาเพื่อนกินข้าว ดูหนัง หรือ หุ่นยนต์ที่สามารถโต้ตอบได้อย่างมนุษย์

  1. คนสูงอายุมากขึ้น และพฤติกรรมคนสูงอายุที่เปลี่ยนไป

สืบเนื่องจากภาวะชะลอตัวของการเติบโตของประชากรที่เริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ปี 2550 ทำให้ปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ สัดส่วนของผู้สูงอายุ (Baby Bommer) จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นสูงกว่าผู้คนวัยทำงาน หรือวัยเด็ก ซึ่งแน่นอนเทนด์ความสนใจของผู้สูงอายุคงหนีไม่พ้นด้านสุขภาพ ความงาม อาหารเสริม สิ่งที่น่าสนใจก็คือผู้สูงอายุยุค 4.0 นี้มีพฤิตกรรมและความชอบที่ค่อนข้างซับซ้อนเหมือนวัยทำงานหรือวัยรุ่น ตัวอย่างเช่นผู้สูงอายุเหล่านี้ไม่ชอบที่จะถูกตีตราว่าเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ชอบสนับสนุนสินค้าที่เขียนว่า “สำหรับผู้สูงอายุ”

  1. การกลับมาของคำว่า ดั้งเดิม เรียบง่าย (Back to Basic)

การเข้ามาของความทันสมัยและเทคโนโลยีนั้นแม้จะทำให้หลายๆอย่างในชีวิตเราดูง่าย สะดวกสบายขึ้นไปเยอะ แต่ความง่ายและสะดวกสบายเหล่านี้บางครั้งได้ลบ ความดั้งเดิม ความเรียบง่ายออกไป ซึ่งปัจจุบันผู้คนไม่น้อยเริ่มมองหาสิ่งที่ดั้งเดิมหรือสิ่งที่ทันสมัยแต่สะท้อนความดั้งเดิมในอดีต ตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวเริ่มกิน พัก เที่ยวในแบบของคนพื้นที่มากขึ้น แทนที่จะนอนโรงแรมดีๆ กินอาหารหรูๆ อาจจะนอนในลักษณะบ้านหรือกระท่อมกลางธรรมชาติ กินอาหารพื้นเมืองแทน

  1. จิตสำนึกของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ในยุคนี้ที่ข้อมูลสามารถเข้าถึงเราทุกคนได้โดยง่าย และเป็นยุคที่ผลลัพท์จากการละเลยของมนุษย์เริ่มกระทบการใช้ชีวิตของทั้งคนและสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราตระหนักถึงการกระทำและการใช้ชีวิตของตนเองและคนใกล้เคียงต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งหลังๆเราจะเห็นเทรนด์ในการทำธุรกิจสีเขียวบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเลิกใช้พลาสติกทุกรูปแบบ สร้างเนื้อเทียมเพื่อลดอัตราการฆ่าสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้ธุรกิจมีรายจ่ายที่สูงขึ้น แต่ในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากยอมจ่ายเงินเพื่อได้รับและเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้โลกนั้นยั่งยืนขึ้น

  1. ทุกคนคือผู้เชี่ยวชาญ

เนื่องจากเราอยู่ในยุคที่ทุกคนขึ้นชื่อว่าเป็น Google Expert นิยามง่ายๆว่า “ค้นหาเก่ง” ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยง่ายอย่างไม่มีขีดจำกัด ทำให้พวกเขามีความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้หากธุรกิจต้องการอยู่รอดและเป็นที่น่าเชื่อถือ ธุรกิจต่างๆต้องแสดงความมั่นใจว่าตนเองนั้นมีความรู้ ความเชี่ยวชาญมากกว่าตัวลูกค้า โดยการเผยแพร่ความรู้ต่างๆ ข้อมูลเบื้องลึกภายในอุสหกรรม สร้างชุมชน (Community) ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ในวัฐจักรที่ตนเองสร้างขึ้น

  1. ฉันอยากได้ตอนนี้

ด้วยยุคสมัยที่เทคโนโลยีทำให้อะไรๆก็ดูเหมือนจะเร็วขึ้น การรับข้อมูลข่าวสารได้ง่ายๆเพียงไม่กี่คลิก การสื่อสารข้ามประเทศที่สามารถเกิดได้ทันที่ การส่งพัสดุข้ามจังหวัดที่สามารถเสร็จสิ้นได้ภายใน 1 วัน สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความเคยชินและนิสัยที่ต้องได้รับสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็วให้กับผู้คน จึงทำให้ปัจจุบันผู้คนยอมซื้อสิ่งของหรือจ่ายค่าบริการแพงขึ้นเพื่อประหยัดเวลาตนเอง และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้เกิดการบริการรูปแบบใหม่ที่ช่วยประหยัดเวลาของผู้คนขึ้นมากมาย

  1. ความเร็วของเทคโนโลยี

ทุกวันนี้มีเว็บไซต์ถูกสร้างกว่า 600 เว็บภายใน 1 นาที และมีแอปพลิเคชั้นถูกสร้างมากกว่า 2,000 แอป ภายใน 1 วัน เราจะเห็นได้ว่าแต่ละวันนั้น นวัตกรรมได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเพียงหนึ่งในพันนวัตกรรมนั้นก็เป็นที่เพียงพอต่อการที่จะเป็นจุดจบต่อหลายหมื่นหรือแสนธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทันก็เป็นได้ ดังนั้นในปี 2020 เป็นต้นไป ควรจะเป็นยุคที่ทุกธุรกิจนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดการแก้ไขปัญหาในรูปแบบใหม่ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

จะเห็นได้ว่าการตอบคำถาม “ทำธุรกิจอะไรดี” นั้นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งหากเราสามารถตอบและเลือกธุรกิจที่สนใจได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปเราก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ลงทุนเวลา ลงทุนเงิน มองหาช่องทางการตลาด ประเมินความเสี่ยงต่างๆ วางแผนธุรกิจ วางระบบบัญชีสำหรับปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ให้พร้อมเพื่อลดความเป็นไปได้ในการล้มเหลวและเพิ่มความเป็นไปได้ในการสำเร็จให้ได้มากที่สุด

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , , , , , , ,