ADVERTISEMENT
การลงทุนหุ้นต่างประเทศนั้นมีหลากหลายวิธี เช่น การลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยตรง การลงทุนหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศ การลงทุนหุ้นผ่านกองทุนในประเทศ และการลงทุนหุ้นโดยตรงกับกองทุนต่างประเทศ โดยการเลือกวิธีลงทุนที่ดีที่สุดและเหมาะสมนั้นก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนของนักลงทุนเอง ซึ่งในบทความนี้ได้คัดและรวบรวมโบรกเกอร์ นายหน้าซื้อขายหุ้น ตัวแทนซื้อขายกองทุนที่น่าสนใจในปี 2022 มาให้แล้ว
#1
ลงทุนกองทุน ETF ต่างประเทศ
Finvest
ลงทุนผ่าน | Finvest |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | 30,000 บาท |
ค่าธรรมเนียม | 1 ต่อให้กับ Master Fund |
จำนวนกองทุน | 42 กองทุน จาก 17 บลจ. |
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน | ฟรี |
Finvest ตัวแทนซื้อขายกองทุนจากการร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและ ลูอินเตอร์เนชันแนล ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนในประเทศสามารถซื้อกองทุนต่างประเทศได้โดยตรง โดยเราไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนซ้ำซ้อนจากกองทุนไทยและกองทุนแม่ ทำให้เราได้รับผลกำไรจากการลงทุนต่างประเทศได้แบบเต็มๆ ซึ่งในปัจจุบันมีกองทุนให้เลือกทั้งหมด 42 กองทุน จาก 17 บลจ. ชั้นนำทั่วโลก และสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 30,000 บาทเท่านั้น เนื่องจาก Finvest เน้นการลงทุนกองทุนรวม จึงเหมาะแก่นักลงทุนที่มือใหม่ หรือผู้มีเวลาหาศึกษาข้อมูลหุ้นรายตัวไม่มาก
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่มีทุนน้อย-มาก ต้องการลงทุนกองทุนระยะยาวที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ ต้องการเลือกกองทุนต่างประเทศด้วยตนเองได้ มีความสามารถในการจัดพอร์ตฟอลิโอของตนเอง
#2
ลงทุนกองทุน ETF ต่างประเทศ
Stashaway
ลงทุนผ่าน | Stashaway |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | แนะนำ 200 บาทขึ้นไป |
ค่าธรรมเนียม | 0.2-0.8% ต่อปี |
จำนวนกองทุน | 35 กองทุน |
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน | ฟรี |
การลงทุนกองทุนผ่าน Stashaway นั้น คือการลงทุนกองทุน ETF ด้วยระบบ AI ที่จะคัดหลายๆกองทุน ETF ที่มีศักยภาพ และจัดสรรพร้อมปรับเงินลงทุนให้เหมาะแก่สภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกธีมลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ หรือเลือกลงทุนโดยการตั้งเป้าหมายด้านเวลา หรือปรับตามความเสี่ยงที่รับได้ ซึ่งมีค่าธรรมเนียมแบบ All-Inclusive อยู่เพียง 0.2-0.8% ต่อปีเท่านั้น ฝาก-ถอนฟรี แนะนำลงทุนเริ่มต้นที่ 200 บาท
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่มีทุนน้อย-มาก ต้องการค่าธรรมเนียมต่ำ ต้องการลงทุนระยะยาวภายใต้ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เลือกได้ ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นมากนัก ต้องการให้ระบบจัดพอร์ตให้
#3
ลงทุนกองทุน ETF ต่างประเทศ
Jitta Wealth
ลงทุนผ่าน | Jitta Wealth |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | 100,000 บาท |
ค่าธรรมเนียม | 0.5-0.8% ต่อปี |
จำนวนกองทุน | 23+ กองทุน |
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน | ฝากครั้งแรก 500 / ถอน 1,000 บาท |
Jitta Wealth นั้นเป็นอีกแพลตฟอร์มที่จัดสรรเงินลงทุนด้วยเทคโนโลยีลงทุนอัตโนมัติ AI ลงทุนในกองทุน ETF ที่น่าสนใจทั่วโลก สามารถเลือกลงทุนได้โดยการเลือกจากผลตอบแทนคาดหวังพร้อมความเสี่ยงที่รับได้ และเลือกลงทุนตามเมกะเทรนด์ที่เราสนใจ ซึ่งในจุดนี้เราสามารถแบ่งสัดส่วนพอร์ตในการลงทุนเมกะเทรนด์ต่างๆได้ด้วยตนเอง หรือให้ระบบเลือกลงทุนให้พร้อมทั้งปรับพอร์ตให้อัตโนมัติก็ได้เช่นกัน Jitta Wealth ถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจเพราะว่ามีธีมเมกะเทรนด์ให้เลือกลงทุนเยอะกว่าคู่แข่งอื่นๆในประเทศไทย อีกทั้งยังได้การรับรองจาก ก.ล.ต. แต่ข้อควรรู้เมื่อลงทุนกับ Jitta Wealth ก็คือ ต้องเริ่มลงทุนขั้นต่ำที่ 100,000 และมีค่าธรรมเนียมฝากครั้งแรก 500 บาท และถอน 1,000 บาท
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่มีทุนปานกลาง-มาก ต้องการลงทุนระยะยาวภายใต้ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เลือกได้ ต้องการมีตัวเลือกในการลงทุนเยอะ ไม่มีเวลาศึกษาหุ้นมากนัก ต้องการให้ระบบจัดพอร์ตให้
#4
ลงทุนหุ้นและกองทุน ETF ต่างประเทศ
Etoro
ลงทุนผ่าน | Etoro |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | $10 |
ค่าธรรมเนียมซื้อขาย | 0% |
จำนวนหุ้น | 2,713 หุ้นจาก 17 ตลาดทั่วโลก |
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน | ฝากฟรี / ถอน $5 |
หากใครมีเวลาในการศึกษาหุ้นต่างประเทศรายตัวได้ ก็สามารถเลือกลงทุนกับ Etoro ได้เลยเนื่องจากไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น สามารถซื้อเศษหุ้นได้ทำให้เมื่อหุ้นมีราคาแพงเกินไปก็ไม่ต้องซื้อหุ้นเต็มหน่วย แพลตฟอร์มนั้นก็ใช้งานแสนง่าย อีกทั้งยังมีสินทรัพย์อื่นๆให้เลือกลงทุน เช่น สกุลเงิน กองทุน ETF ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ และ Cryptocurrency นอกจากนั้นหากใครไม่มีเวลาศึกษาหุ้นจริงๆ ก็สามารถเลือกลงทุนผ่านฟีดเจอร์ Copy Trading ของ Etoro ได้ แต่ข้อควรรู้คือ Etoro นั้นคือ CFD โบรกเกอร์ ซึ่งหุ้นที่เราซื้อ คือหุ้นเสมือน ไม่ใช่หุ้นจริง กล่าวคือ เราไม่มีสิทธิประชุมผู้ถือหุ้น แต่ยังจะได้รับเงินปันผลอยู่นั่นเอง อีกทั้ง Etoro จดทะเบียนอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้การรองรับจาก ก.ล.ต. ประเทศไทย หากเกิดปัญหา ติดต่อ ฟ้องร้องอาจเป็นเรื่องที่ยากมาก
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่มีทุนน้อย-มาก มีความสามารถและเวลาในการเลือกซื้อขายหุ้นรายตัว ต้องการลงทุนในหลายๆสินทรัพย์ มีความมั่นใจในการรับรอง CFD Broker ของหน่วยงานต่างประเทศ
#5
ลงทุนหุ้นต่างประเทศ
SCBS
ลงทุนผ่าน | SCBS |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | ไม่มีขั้นต่ำ |
ค่าธรรมเนียมซื้อขาย | 0.08/หุ้น ขั้นต่ำ $4.99 |
จำนวนหุ้น | 10,000 หลักทรัพย์ ใน 25 ตลาดทั่วโลก |
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน | ฟรี |
SCBs หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ถือเป็นการลงทุนหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศ ตัวเดียวที่เราหยิบมาแนะนำในบทความนี้เพราะว่า เป็นโบรกเกอร์ที่ถือว่ามีค่าธรรมเนียมซื้อขายที่ต่ำที่สุด และไม่มีค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน อีกทั้งยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นได้หลากหลายจาก 25 ตลาดทั่วโลก ดังนั้น SCBS จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้เมื่อเทียบกับ OffShore Broker เจ้าอื่นๆในไทย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ CFD Broker อย่าง Etoro ก็อาจจะถือว่ามีค่าธรรมเนียมที่แพงกว่า แต่ก็ถือว่าแลกมากับความสะดวกสบาย ความปลอยภัยและความอุ่นใจเมื่อลงทุนระยะยาว เพราะว่า SCBS นั้นเปิดให้บริการอยู่ในประเทศไทย และถูกรับรองโดยก.ล.ต.
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่มีทุนปานกลาง-มาก ต้องการความสะดวก มีเวลาสามารถศึกษาหาข้อมูลหุ้นต่างประเทศได้
#6
ลงทุนกองทุนรวม
Finnomena
ลงทุนผ่าน | Finnomena |
เงินลงทุนขั้นต่ำ | ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละกองทุน |
ค่าธรรมเนียมซื้อขาย | ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละกองทุน |
จำนวนกองทุน | 2300 กว่ากองทุนจาก 25 บลจ. |
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน | ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละกองทุน |
หากใครต้องการลงทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศแบบถือยาว จำพวก RMF & SSF หล่ะก็สามารถเลือกลงทุนกับ Finnomena ได้เลย Finnomena นั้นมีกองทุนรวมให้เลือกจาก 25 บลจ. ทั่วประเทศไทย มีทั้งกองทุนทั่วไป RMF SSF ให้เลือก ลงทุนง่าย สะดวก มีข้อมูลให้ครบสามารถตัดสินใจจบได้ในที่เดียว แต่ข้อควรรู้เมื่อเลือกลงทุนกับ Finnomena คือ เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียม 2 ต่อคือให้กับกองทุนบลจ. และกองทุนแม่ที่บลจ.ไปลงอีกที แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือการที่เราแลก
เหมาะสมกับ
- นักลงทุนที่ต้องการความสะดวก ต้องการลงทุนระยะปานกลาง-ยาว สนใจในการนำกองทุนไปลดหย่อนภาษี
6 แหล่งลงทุนต่างประเทศที่เรานำมาฝากในวันนี้นั้นถือว่าน่าสนใจที่สุดในปัจจุบัน และจะเห็นได้ว่าเต่ละแหล่งจะตอบโจทย์สไตล์การลงทุนที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราหวังว่าคุณจะสามารถเลือกแหล่งลงทุนที่เหมาะกับตัวเองได้นะ!