Money Management (MM เทรด) คืออะไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง

Money Management (MM เทรด) คืออะไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง (1)

Money Management เป็นองค์ประกอบสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ ที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์และเทคนิคที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อจัดการเงินทุนและความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ Money management ช่วยให้เทรดเดอร์ลดการขาดทุน ปกป้องผลกำไร และได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเทคนิค Money management ที่ดีที่สุดและให้ตัวอย่างวิธีที่สามารถนำมาใช้ในการซื้อขายได้

การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)

การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการบริหารเงิน มันเกี่ยวข้องกับการจัดการเงินทุนในการเทรดของคุณในลักษณะที่คุณสามารถอยู่รอดได้จากการเทรดที่เสียไปและยังมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการเทรดต่อไป หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการความเสี่ยงคือการใช้คำสั่งหยุดการขาดทุน (Stop Loss) คำสั่งหยุดการขาดทุนคือคำสั่งที่ปิดสถานะของคุณโดยอัตโนมัติในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ การใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนสามารถจำกัดการขาดทุนของคุณและปกป้องเงินทุนในการเทรดของคุณ

ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้น ABC 100 หุ้นที่ราคา 50 บาทต่อหุ้น คุณสามารถตั้งคำสั่งหยุดการขาดทุนได้ที่ 45 บาทต่อหุ้น ซึ่งหมายความว่าหากราคาหุ้นลดลงถึง 45 บาท ตำแหน่งของคุณจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ โดยจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นไว้ที่ 5 บาทต่อหุ้น

Position Sizing

Position sizing เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของ Money Management ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดขนาดของตำแหน่งของคุณตามเงินทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ขนาดตำแหน่งควรเป็นขนาดที่คุณสามารถจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการค้าได้

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีทุนในการเทรด 10,000 บาทและคุณเต็มใจที่จะเสี่ยง 2% ของทุนในการเทรดแต่ละครั้ง ดังนั้นความเสี่ยงสูงสุดต่อการเทรดของคุณจะอยู่ที่ 200 บาท หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา 50 บาทต่อหุ้น และคุณตั้งคำสั่งหยุดการขาดทุนไว้ที่ 45 บาทต่อหุ้น การขาดทุนสูงสุดต่อหุ้นของคุณจะเท่ากับ 5 บาท ดังนั้นขนาดตำแหน่งของคุณจะเท่ากับ 200 บาท / 5 บาท = 40 หุ้น

การกระจายความเสี่ยง (Diversification)

การกระจายความเสี่ยงเป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญของ Money Management ที่เกี่ยวข้องกับการกระจายทุนการเทรดของคุณไปยังสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงิน เพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุน

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะลงทุนในเงินทุนซื้อขายทั้งหมดของคุณในหุ้นตัวเดียว คุณสามารถลงทุนในพอร์ตโฟลิโอหุ้นที่หลากหลายในภาคส่วนและอุตสาหกรรมต่างๆ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงต่อหุ้นหรือภาคส่วนใดส่วนหนึ่ง

อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio)

อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของการจัดการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของการเทรดเทียบกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีควรมีอย่างน้อย 2:1 ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนที่เป็นไปได้ควรเป็นสองเท่าของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังซื้อหุ้นที่ราคา 50 บาทต่อหุ้น และตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุนที่ 45 บาทต่อหุ้น ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อหุ้นของคุณจะเท่ากับ 5 บาทหากราคาเป้าหมายของคุณสำหรับหุ้นคือ 60 บาทต่อหุ้น ผลตอบแทนที่เป็นไปได้ต่อหุ้นของคุณคือ 10 บาท ดังนั้น อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของคุณจะเป็น 2:1

กฎ 1% (The Rule of 1%)

กฎ 1% เป็นเทคนิคการจัดการเงินที่เกี่ยวข้องกับการเสี่ยงไม่เกิน 1% ของทุนการเทรดของคุณในการเทรดใดๆ สิ่งนี้จะช่วยจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นและปกป้องเงินทุนในการเทรดของคุณ

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีทุนการเทรด 10,000 บาทคุณควรเสี่ยงไม่เกิน 100 บาท ในการเทรดแต่ละครั้ง หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา 50 บาทต่อหุ้นและตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุนที่ 45 บาทต่อหุ้น ขนาดสถานะของคุณจะเท่ากับ 100 บาท / 5 บาท = 20 หุ้น

สรุปแล้วการจัดการเงินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ มันเกี่ยวข้องกับการใช้กลยุทธ์และเทคนิคในการจัดการทุนการค้าและความเสี่ยงของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การบริหารความเสี่ยง ขนาดตำแหน่ง การกระจายความเสี่ยง อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง และกฎ 1%

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , , , , , ,