ADVERTISEMENT
- ทำไมต้องใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
- ข้อควรรู้เรื่องเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
- วิธีเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย
- เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วยี่ห้อแนะนำ
- #1AOLON – Sp01
- #2YUWELL – YX 306
- #3CHOICE MMED – MD 300 c29
- #4COFOE – A3
- #5YAMADA – Pulse Oximeter M120
- #6BLUE DOT - B-PO 011
- #7MICROLIFE – OXY 200
- #8JUMPER – JPD-500D
- #9BEURER – Pulse Oximeter PO30
- #10ROSSMAX – Fingertip Pulse Oximeter SB100
เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บวกกับสถานการณ์หลายอย่างที่บังคับให้ผู้คนต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละด้านต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะที่เร่งรีบและกดดัน สิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้เครื่องอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการดูแลสุขภาพ หากสามารถติดตามผลและประเมินความเป็นไปอย่างคร่าว ๆ ได้ ก็จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วจึงเป็นไอเทมที่ทุกบ้านต้องมีไว้ในยุคนี้ค่ะ
ทำไมต้องใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
เครื่องวัดออกซิเจนเป็นตัววัดค่าออกซิเจนในเลือดด้วยตนเอง มีขนาดเล็กพกพาได้ง่าย ข้อดีที่เราควรพกเจ้าเครื่องนี้ไว้มีดังนี้ค่ะ
ประหยัดเวลาในการเดินทางไปโรงพยาบาล
เพราะการตรวจออกซิเจนสามารถประเมินสถานการณ์ของร่างกายในเบื้องต้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ ,หอบ ,หืด ,โรคปอด หรือแม้กระทั่งผู้ที่สูบบุหรี่ บุคคลเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการเจ็บป่วยได้ แต่การไปโรงพยาบาลเพียงเพื่อวัดค่าออกซิเจนก็ดูจะเสียเวลาเกินไป หากวัดได้ด้วยตัวเองจะสะดวกมากยิ่งขึ้นค่ะ
ลดความเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค
สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ มีความจำเป็นต้องตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดเป็นประจำ หากออกซิเจนในร่างกายน้อยเกินไปหรือต่ำกว่าค่าปกติเป็นเวลานานจะได้รีบดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม หรือหากเกิดอาการอย่างเฉียบพลันก็สามารถรักษาได้ทันท่วงทีค่ะ
ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคเพิ่ม
การที่สามารถตรวจวัดค่าออกซิเจนได้ด้วยตัวเอง ทำให้ไม่ต้องไปแออัดกับผู้คนจำนวนมาก จึงลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคมาเพิ่ม นอกจากนี้เครื่องวัดออกซิเจนก็ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ป่วยอย่างเดียว แต่เหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพทุกคน เพราะสามารถวัดค่าก่อนและหลังออกกำลังกายได้ เพื่อการประเมินตนเองอย่างเหมาะสมด้วยค่ะ
ข้อควรรู้เรื่องเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน
ก่อนเลือกซื้อควรศึกษาให้ดีนะคะ เพราะเครื่องวัดออกซิเจนนั้นมีหลายรุ่น แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ทำให้มีราคาที่แตกต่างกันมาก แน่นอนว่ายิ่งราคาแพงยิ่งใช้งานได้สะดวก แต่ขอให้คำนึงถึงการใช้งานที่เราจำเป็นจริง ๆ เพราะถึงแม้ว่าจะมีฟังก์ชั่นเยอะแยะมากมาย แต่หากเราไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นที่ว่าก็เท่ากับไม่คุ้ม อาจใช้เกณฑ์ต่อไปนี้ในการตัดสินใจเลือกซื้อได้ค่ะ
- แบรนด์น่าเชื่อถือ หากเป็นแบรนด์ที่ผลิตเครื่องมือแพทย์มานานย่อมมีความเชี่ยวชาญและได้คุณภาพมากกว่าแบรนด์ที่ไม่รู้จักนะคะ
- เหมาะกับนิ้วมือ เนื่องจากนิ้วมือของทุกคนไม่เท่ากัน เครื่องแต่ละรุ่นก็อาจไม่ได้รองรับนิ้วมือทุกขนาด จึงควรอ่านคุณสมบัติของเครื่องให้ละเอียดด้วยค่ะ
- จอภาพเหมาะสม หากเป็นจอ OLED จะสามารถอ่านค่าได้ทุกที่ไม่ว่าแสงสว่างมากหรือน้อย จอจะปรับให้เข้ากับสายตาเราหรือบางรุ่นสามารถปรับความสว่างได้ตามต้องการ แต่หากเป็นจอ LED ก็อาจจะจ้าเกินไปเวลาได้รับแสงสว่าง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ให้ดูด้วยว่าเรามีความจำเป็นต่อปัจจัยนี้มากน้อยแค่ไหน และต้องดูคุณสมบัติอื่น ๆ ของเครื่องควบคู่ไปด้วยค่ะ
- ความแม่นยำสูง อันนี้สำคัญมาก เพราะหากอ่านค่าผิดก็มีจิตตกได้เหมือนกัน ซึ่งเครื่องวัดออกซิเจนที่ได้มาตรฐานไม่ควรคลาดเคลื่อนเกิน 2% ค่ะ
- มีตัวบอกสถานะแบตเตอรี่ ข้อนี้ก็สำคัญมากเพราะหากเกิดกรณีต้องการใช้ในเวลาเร่งด่วนแล้วแบตหมดขึ้นมาอาจทำให้การรักษาล่าช้าเกินไป จึงควรเลือกเครื่องที่มีตัวบอกสถานะแบตเตอรี่ซึ่งบางรุ่นอาจขึ้นที่หน้าจอ บางรุ่นก็เตือนเป็นเสียงค่ะ
ประเมินได้คร่าว ๆ แต่ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้
เครื่องนี้สามารถบอกปริมาณออกซิเจนในเลือดได้ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร เพราะปัจจัยที่ทำให้ออกซิเจนในร่างกายต่ำลงนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น มีโรคประจำตัว, ความเครียดและอื่น ๆ ซึ่งค่าออกซิเจนในคนปกติจะอยู่ที่ 95-100% ค่ะ
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
หากค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ หรือหากมีอาการทางเดินหายใจอย่างฉับพลันก็ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เครื่องนี้ เนื่องจากบางรายอาจมีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติอยู่แล้ว เวลาตรวจจะได้ไม่ต้องจิตตกค่ะ
วิธีใช้ทั่วไป
การใช้งานเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วนั้นง่ายมาก ซึ่งแต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีใช้ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย แต่โดยรวมคร่าว ๆ จะเป็นประมาณนี้นะคะ
- ใส่แบตเตอรี่ AAA 2 ก้อน ควรเลือกเครื่องที่บอกหรือแจ้งเตือนสถานะแบตเตอรี่ด้วยจะได้เตรียมแบตสำรองได้ทันค่ะ
- สอดปลายนิ้วเข้าไปให้สุด ส่วนมากใช้นิ้วกลางมือซ้ายหรือขวาก็ได้ค่ะ
- นั่งนิ่ง ๆ ประมาณ 30 วินาที พยายามอย่าขยับค่ะเพราะผลอาจคลาดเคลื่อนได้
- ตรวจซ้ำได้ ในกรณีที่ไม่เร่งด่วนก็สามารถตรวจซ้ำได้ทุกวัน หรืออาจลองเปลี่ยนมือคนละข้าง ค่าที่ออกมาไม่ควรต่างกันมากจึงจะเชื่อได้ว่าเครื่องวัดมีความแม่นยำสูงค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้การวัดผลคลาดเคลื่อน
บางทีการอ่านค่าที่ออกมาไม่ตรงกันควรคำนึงด้วยว่าเรามีปัจจัยต่อไปนี้หรือไม่
- เล็บ หากมีเล็บยาวก็จะทำให้สอดนิ้วได้ไม่ลึก นอกจากนี้ผู้ที่ทาเล็บหรือเล็บหนาก็จะทำให้การอ่านค่าไม่ตรงได้เช่นกัน
- ผิวเปียก เพราะน้ำก็ประกอบด้วยออกซิเจน ดังนั้นหากมือเปียกมาก็ทำให้การอ่านค่าคลาดเคลื่อนได้ค่ะ
- สีผิว ยิ่งสีผิวคล้ำก็ทำให้การอ่านค่าคลาดเคลื่อนได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก็รวมถึงผิวที่ฟกช้ำและผิวที่มีรอยสักด้วยค่ะ
- มือเย็น กรณีนี้มีได้หลายสาเหตุ บางคนเลือดไหลเวียนไม่สะดวกอยู่แล้วทำให้มือเย็นเป็นประจำ แต่ก็อาจเกิดได้จากความเครียดหรือตื่นเต้นด้วยเช่นกัน ทางที่ดีควรตรวจในช่วงที่มีอารมณ์ปกตินะคะ
วิธีเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย
ออกซิเจนนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย หากออกซิเจนต่ำเกินไปจะทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานไม่ปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไหลเวียนเลือดอาจติดขัด ทำให้ผิวพรรณไม่ผ่องใสไปจนกระทั่งส่งผลต่อระบบประสาทและสมองทีเดียวเลยล่ะค่ะ เราจึงมีวิธีเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกายเป็นประจำด้วยวิธีง่าย ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้ด้วยตัวเองดังนี้ค่ะ
หายใจเข้าออกลึก ๆ
ควรหาที่อากาศปลอดโปร่งแจ่มใส หรืออาจเป็นในห้องเราเองก็ได้ สถานที่ซึ่งไม่มีฝุ่นควันหรือมลพิษนะคะ ให้หายใจเข้าออกให้เต็มปอดและปล่อยลมหายใจออกให้หมดนับเป็น 1 ครั้ง ให้ทำ 10 ครั้งติดต่อกันนับเป็น 1 เซ็ต พยายามทำให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 เซ็ต (ทำมากกว่าก็ได้ค่ะ) หรือบางคนถนัดใช้วิธีหายใจเข้ากระบังลมก็ได้เช่นกัน โดยการหายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ ที่สำคัญคือต้องหายใจเข้าออกลึก ๆ นั่นเอง ซึ่งอาจทำสมาธิควบคู่ไปด้วยก็ได้ค่ะ
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายหนัก ๆ เป็นการบังคับให้ร่างกายหายใจลึก ๆ อีกทั้งยังกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น จะสังเกตได้จากหลังออกกำลังกายจะมีเลือดฝาดขึ้นที่ใบหน้า อย่างไรก็ตามผู้สูงอายุหรือผู้มีปัญหาสุขภาพควรเลือกวิธีออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบไหนก็ล้วนแต่ช่วยให้คลายเครียดได้ซึ่งก็ช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือดได้เช่นกันค่ะ
อบความร้อน
การอบความร้อนอาจใช้วิธีอบไอน้ำหรือซาวน่านั่นเอง แต่หากไม่สะดวกก็สามารถแช่น้ำอุ่นหรืออาบน้ำอุ่นได้เช่นกัน เพราะน้ำอุ่นจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก เป็นการเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกายค่ะ
นวด
การนวดทำให้รู้สึกสบายเพราะกล้ามผ่อนคลาย เนื่องจากอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ นั้นเกิดจากเลือดไหลเวียนไม่สะดวกทำให้ขาดออกซิเจน การนวดจึงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดได้ ซึ่งก็อาจไม่จำเป็นต้องนวดทั้งตัวหากไม่มีเวลาจริง ๆ ก็ให้นวดเบา ๆ เฉพาะจุดได้ เช่น ขมับ, ต้นคอ หรือบริเวณที่ปวด ใครจะใช้ยาหม่องหรือน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบด้วยก็ได้นะคะ
ดื่มน้ำสะอาด
เป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ เพียงแค่น้ำเปล่าสะอาดสักแก้วก็ช่วยให้สดชื่น เนื่องจากในน้ำมีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบนั่นเองค่ะ
เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้วยี่ห้อแนะนำ
#1
AOLON – Sp01
AOLON – Sp01
399 บาท+
รายละเอียด | AOLON – Sp01 |
ราคา | 399 บาท+ |
จอแสดงผล | OLED |
ราคาไม่แรง แต่คุณภาพดีทีเดียว สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือดและวัดชีพจรได้ เครื่องจะดับเองเมื่อไม่มีการใช้งานนานเกิน 8 วินาที ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา รวมถึงมาตรฐาน ISO ด้วยค่ะ เรียกได้ว่าราคาเล็ก ๆ แต่คุณภาพเยี่ยมค่ะ
ข้อดี
#2
YUWELL – YX 306
YUWELL – YX 306
699 บาท+
รายละเอียด | YUWELL – YX 306 |
ราคา | 699 บาท+ |
จอแสดงผล | OLED |
แบรนด์ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐานจนได้รับการยอมรับระดับสากล สามารถใช้ได้กับผู้คนหลากหลายในแต่ละประเทศ สำหรับรุ่นนี้มีความแม่นยำสูงมากคือคลาดเคลื่อนไม่เกิน 1% เท่านั้น อีกทั้งการประมวลยังใช้เวลาสั้นเพียง 8 วินาที สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 17 ชั่วโมง โดยรับประกันการใช้งาน 1 ปีค่ะ คุณภาพเกินราคาอย่างนี้ต้องมีติดตัวไว้สักเครื่องแล้วนะคะ
ข้อดี
#3
CHOICE MMED – MD 300 c29
CHOICE MMED – MD 300 c29
699 บาท+
รายละเอียด | CHOICE MMED – MD 300 c29 |
ราคา | 699 บาท+ |
จอแสดงผล | OLED |
ราคาดีงาม คุณภาพระดับการแพทย์ ให้ความสะดวกสบายจนสามารถนำไปใช้เองได้ ผลการวัดแม่นยำสูง โดยวัดได้ทั้งค่าออกซิเจนในเลือดและวัดค่าชีพจร หน้าจอชัดเจนระดับ HD ปรับความสว่างได้ 10 ระดับ อีกทั้งยังประหยัดแบตด้วยโหมดปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานนานเกิน 8 วินาที พร้อมการรับประกัน 1 ปี เป็นอีกเครื่องที่ได้รับความนิยมค่ะ
ข้อดี
#4
COFOE – A3
COFOE – A3
799 บาท+
รายละเอียด | COFOE – A3 |
ราคา | 799 บาท |
จอแสดงผล | OLED |
รุ่นนี้อ่านค่าง่ายมากเพราะหน้าจอมีความคมชัดและมีการแจ้งเตือนเมื่อค่าสูงหรือต่ำกว่าปกติ ทำให้คนที่ไม่เคยใช้ก็เข้าใจได้ อีกทั้งยังมีความแม่นยำที่ได้มาตรฐาน สามารถพกพาได้สะดวก แนะนำเลยค่ะ
ข้อดี
#5
YAMADA – Pulse Oximeter M120
YAMADA – Pulse Oximeter M120
799 บาท+
รายละเอียด | YAMADA – Pulse Oximeter M120 |
ราคา | 799 บาท |
จอแสดงผล | OLED |
เป็นยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา ด้วยการอ่านค่าที่ค่อนข้างเร็ว สามารถวัดได้ทั้งออกซิเจนและชีพจร โดยใช้แบตเตอรี่ AAA 2 ก้อน อีกทั้งไม่ต้องกลัวเปลืองแบต เพราะหากลืมปิดไว้ตัวเครื่องดับเองอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานภายใน 8 วินาทีค่ะ
ข้อดี
#6
BLUE DOT – B-PO 011
BLUE DOT – B-PO 011
999 บาท+
รายละเอียด | BLUE DOT – B-PO 011 |
ราคา | 999 บาท+ |
จอแสดงผล | OLED |
สามารถวัดได้ทั้งค่าออกซิเจนและค่าชีพจร โดยจะมีเสียงดังเป็นระยะตลอดเวลาที่มีการใช้งาน เพื่อป้องกันการลืมปิด นอกจากจะมีหน้าจอที่ใหญ่แล้ว การแสดงผลยังชัดเจนด้วยกราฟทั้งแบบเส้นและแบบแท่ง มั่นใจในคุณภาพด้วยการรับประกันยาวนานถึง 3 ปีเลยล่ะค่ะ
ข้อดี
#7
MICROLIFE – OXY 200
MICROLIFE – OXY 200
1,399 บาท+
รายละเอียด | MICROLIFE – OXY 200 |
ราคา | 1,399 บาท+ |
จอแสดงผล | LED |
เป็นอีกแบรนด์ที่วงการแพทย์รู้จักกันดี จนได้รับความเชื่อถือมานาน การแสดงผลค่อนข้างแม่นยำและได้มาตรฐานทั้งการวัดค่าออกซิเจนและค่าชีพจร มีการแจ้งเตือนสถานะแบตเตอรี่ และปิดอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานานเกิน 8 วินาที เหมาะแก่การพกพาหรือไว้ใช้ในครอบครัวค่ะ
ข้อดี
#8
JUMPER – JPD-500D
JUMPER – JPD-500D
1,099 บาท+
รายละเอียด | JUMPER – JPD-500D |
ราคา | 1,099 บาท+ |
จอแสดงผล | OLED |
เป็นเครื่องวัดค่าออกซิเจนที่โรงพยาบาลจำนวนมากเลือกใช้ เพราะความแม่นยำสูง อีกทั้งยังได้รับรองจากองค์การอาหารและยา รวมถึงได้มาตรฐาน ISO การันตีถึงคุณภาพ พร้อมการรับประกัน 1 ปีเต็มค่ะ
ข้อดี
#9
BEURER – Pulse Oximeter PO30
BEURER – Pulse Oximeter PO30
1,999 บาท+
รายละเอียด | BEURER – Pulse Oximeter PO30 |
ราคา | 1,999 บาท+ |
จอแสดงผล | OLED |
ด้วยการผลิตอุปกรณ์ด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐานจากเยอรมันจนได้รับความน่าเชื่อถือมาช้านาน อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา จึงเป็นอีกแบรนด์ที่เราแนะนำ เพราะหน้าจอที่ชัดเจนบวกกับการอ่านค่าได้แม่นยำและรวดเร็วทั้งค่าออกซิเจนและค่าชีพจรค่ะ
ข้อดี
#10
ROSSMAX – Fingertip Pulse Oximeter SB100
ROSSMAX – Fingertip Pulse Oximeter SB100
2,999 บาท
รายละเอียด | ROSSMAX – Fingertip Pulse Oximeter SB100 |
ราคา | 2,999 บาท+ |
จอแสดงผล | LED |
หากต้องการวัดค่าออกซิเจนในเลือดและค่าชีพจร แบรนด์นี้ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยามาเรียบร้อยแล้ว การใช้งานง่ายด้วยปุ่มเดียว พร้อมการแจ้งเตือนต่าง ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มใช้ เพราะช่วยตัดความยุ่งยากออกไปได้มากค่ะ
ข้อดี
เพราะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ หากหมั่นใส่ใจดูแลตลอดเวลาก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อความรุนแรงขอโรคได้ การมีเครื่องอำนวยความสะดวกใช้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนรักสุขภาพค่ะ
dragonflydays