ADVERTISEMENT
สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำคงจะคุ้นเคย กับการ คาร์ดิโอ กันมาบ้างแล้ว ว่าคืออะไร เป็นการออกกำลังกายแบบไหน และ ทำไมจะต้อง คาร์ดิโอ แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มออกกำลังกายอาจจะยังไม่รู้จัก วันนี้เราจะมาทำความรู้จัก กับการ คาร์ดิโอ ว่าตกลงมันมีประโยชน์อย่างไร
คาร์ดิโอ (Cardio) คืออะไร?
คาร์ดิโอ (Cardio) คือ การออกกำลังกาย ที่มีจุดมุ่งหมายหลักในการส่งเสริมความแข็งแรงของหัวใจ กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นประมาณ 50-75% (หรือมากกว่า) ของอัตราการเต้นสูงสุด และ เสริมสร้างการทำงานของปอดเพื่อให้สามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้ดีขึ้น กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง กระตุ้นระบบเผาผลาญ และยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกทางหนึ่ง
คาร์ดิโอ (Cardio) มีกี่ประเภท?
-
คาร์ดิโอ แบบ HIIT (High Intensity Interval Training)
เป็นการออกกำลังกาย ที่ใช้เวลาไม่นาน แต่สามารถที่จะเผาผลาญไขมันได้ดีแต่ต้องใช้แรงมากและมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ในการออกกำลังกายแบบ HIIT จะเป็นการออกกำลังกายหนักสลับกับเบา หรือเป็นการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัว เช่น วิดพื้น ซิทอัพ
คำแนะนำ คาร์ดิโอ แบบ HIIT สำหรับคนที่เบื่อง่าย ชอบอะไรที่ท้าทาย แนะนำ ให้ทำ HIIT โดยการวิ่งเร็วมากๆ 1-2 นาที สลับกับเดิน 1 นาที นับเป็น 1 ยก โดยทำทั้งหมด 5-10 ยก ต่อ 1 วัน ทำอาทิตย์ละ 1-3 ครั้ง
ข้อดีของการคาร์ดิโอ แบบ HIIT
- ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
- การออกกำลังกายแบบ HIIT ใช้เวลาในการออกกำลังกายไม่นานแต่สามารถดึงพลังงานออกมาใช้ได้มาก
- ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- ช่วยให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลที่ไม่ดีและเพิ่มโคเลสเตอรอลที่ดี
ข้อเสียของคาร์ดิโอ แบบ HIIT
เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ไม่เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายใหม่ๆ
ตัวอย่างการคาร์ดิโอ แบบ HIIT (เริ่มต้นด้วยการวอร์ม 5 นาที )
- การวิ่ง 5 นาที โดย วิ่งเร็ว 15 วินาที สลับกับการวิ่งเหยาะ ๆ 30 วินาที ไปเรื่อย ๆ จนครบ 5 นาที
- ซิทอัพ 50 ครั้ง สลับกับการพัก 30 วินาที ไปเรื่อย ๆ จนครบ 5 นาที
- วิดพื้น 30 ครั้ง สลับกับการพัก 30 วินาที ไปเรื่อย ๆ จนครบ 5 นาที
- กระโดดสควอท 40 ครั้ง (Jump Squats) สลับกับการพัก 30 วินาที ไปเรื่อย ๆ จนครบ 5 นาที
การออกกำลังกายที่ยกตัวอย่างมานี้สามารถทำได้หลายครั้งตามที่ร่างกายรับไหว หลังจากนั้นทำการ cooldown 5 นาที เช่น การยืดเส้นยืดสาย หรือ วิ่งเหยาะๆ
-
คาร์ดิโอ แบบ LISS (Long Intensity Steady State)
เป็นการ ออกกำลังกาย แบบต่อเนื่อง เป็นเวลานานมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป ไม่เน้นใช้แรงมาก เน้นความต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจให้คงที่ต่อเนื่อง ร่างกายจึงจะดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานในการเผาผลาญ
คำแนะนำ คาร์ดิโอ แบบ LISS แนะนำว่าควรทำอาทิตย์ละ1-4ครั้ง ครั้งละ30-45นาที สำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมัน และพัฒนาความแข็งแรงของร่างกาย
ข้อดี ของการคาร์ดิโอแบบ LISS
- ช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ ปอด และหัวใจ หลังจากที่ผ่านการออกกำลังกายอย่างหนัก
- เป็นการพักฟื้นของร่างกายจากการออกกำลังกาย HIIT
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด หัวใจ และระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
- ช่วยให้ร่างกายได้นำไขมันในร่างกายเปลี่ยนมาใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น
ข้อเสียของการคาร์ดิโอแบบ LISS
ใช้เวลาในการออกกำลังกายนานกว่าแบบ HIIT อาจทำให้เบื่อ หมดความอดทน
คาร์ดิโอ (Cardio) คือการออกกำลังกายประเภทใดบ้าง
- ว่ายน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัยเหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ทางด้านกล้ามเนื้อ เนื่องจากน้ำจะช่วยพยุงร่างกายได้ดีกว่า และ เป็นการออกกำลังที่กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างดีเลยทีเดียว
- การปั่นจักรยาน เป็นการออกกำลังที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้วยังเป็นการผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย
- การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดใครๆก็สามารถที่จะทำได้
- การออกกำลังด้วยอุปกรณ์ (การเข้าฟิตเนส) เป็นการออกกำลังกายที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการออกกำลังในร่มไม่ต้องออกไปข้างนอกให้วุ่นวาย แต่ก็ควรเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเองด้วย
- การวิ่ง ในปัจจุบันการวิ่งเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจาก เป็นการออกกำลังที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมีเพียงรองเท้าผ้าใบ และ จิตใจที่แน่วแน่เท่านั้น เป็นการออกกำลังกายที่กระตุ้นการเผาผลาญ และ เร่งอัตราการเต้นของหัวใจได้ดีมากที่สุด และ ต้องขอขอบคุณพี่ตูน ที่ทำให้คนไทยหันมาออกกำลังกายมากขึ้น ได้บุญแล้ว ยังได้สุขภาพที่ดีด้วยนะ
- การเต้น เป็นการออกกำลังกายที่สนุกสนาน ทำให้ออกกำลังกายได้นาน โดยไม่รู้สึกเบื่อ ด้วยจังหวะของเพลงที่มีความสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิค ซุมบ้า บาสโลป เป็นต้น
- การออกกำลังกายแบบ บอดี้เวท เป็นการออกกำลังกายที่เผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาไม่นานแต่อาจจะต้องมีเทรนเนอร์ เพราะอาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้
ประโยชน์ของคาร์ดิโอ
- กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ซึ่ง มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ยิ่งหากควบคุมอาหารร่วมกับการคาร์ดิโอจะทำให้ช่วยลดน้ำหนักได้ดีขึ้น
- ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด
- กระตุ้นการทำงานของปอด ช่วยให้ปอดแข็งแรง
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันเส้นเลือด โรคอ้วนลงพุง และ ลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
- ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย
- ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
- ช่วยลดโคเลสเตอรอลในร่างกาย
- ช่วยให้สุขภาพจิตดี ไม่เป็นโรคซึมเศร้า
- ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น นอนหลับง่ายขึ้น
- ช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้ออกซิเจนถูกส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่ายกายได้ดี
เราควร Cardio บ่อยและนานแค่ไหน?
- คาร์ดิโอ แบบ LISS ออกกำลังกายได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- คาร์ดิโอ แบบ HIIT 75 นาทีต่อสัปดาห์
- แบ่งการออกกำลังกายออกเป็น 5-7 วันต่อสัปดาห์
- หากต้องการลดน้ำหนักเร่งด่วน ก็ สามารถเพิ่มระยะเวลาได้ แต่ ต้องดูความเหมาะสมของร่างกาย ไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคาร์ดิโอ
Cardio มากแล้วกล้ามหายจริงไหม ?
จริงเป็นบางส่วน เนื่องจาก ขณะที่เราออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนั้น ร่างกายจะเผาผลาญแป้งและไขมันเป็นหลัก ส่วนโปรตีนนั้นน้อยมาก โดยร่างกายจะดึงโปรตีนมาใช้ก็ต่อเมื่อไม่เหลือแป้งและไขมันให้ใช้แล้วซึ่งจะต้องใช้เวลานานมากในการออกกำลังกาย คุณจะต้องทานอาหารน้อยมาก ไม่กินแป้งไม่กินไขมัน แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณก็จะไม่มีแรงด้วย
Cardio ก่อนหรือหลังเล่นเวทดีกว่ากัน ?
การเล่นเวทหรือคาร์ดิโอก่อนนั้น ไม่มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น ส่วนใหญ่คนจะชอบเล่นเวทก่อน คาร์ดิโอ เพราะ การเล่นคาร์ดิโอ จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า จากการทำกิจกรรมซึ่งต้องใช้ เวลานาน เช่น การวิ่งหรือปั่นจักรยาน ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรงไปยกเวทต่อ แต่สำหรับการเล่นเวทก่อนการคาร์ดิโอ นั้น เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อ ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจแนะนำให้เล่นเวท และ คาร์ดิโอ คนละวันก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
Cardio สามารถช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่ ?
การคาร์ดิโอ อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง เนื่องจาก การคาร์ดิโอ จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ได้มากกว่าการออกกำลังกายแบบเวท และ หากต้องการลดน้ำหนักได้ผลดีมากขึ้น ควรใช้วิธีการควบคุมอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กันไปด้วย จะทำให้น้ำหนักคุณลดลงได้อย่างแน่นอน แถมยังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย