วิธีทำให้แฟนเก่ากลับมารัก กลับมาคืนดีแบบได้ผล

วิธีทำให้แฟนเก่ากลับมาคืนดี

บางทีปัญหาโลกแตกในเรื่องความรักก็ไม่ใช่การหาใครสักคนมาเคียงข้าง แต่กลับเป็นการเรียกให้คนรักเก่ากลับมารักเราดังเดิม ซึ่งดูแล้วจะยากกว่าตอนหาแฟนด้วยซ้ำ แต่ช้ำหนักกว่าตอนเป็นโสดหลายเท่า

สาว ๆ คนไหนกำลังตกอยู่ในภาวะนี้ เรามีวิธีดี ๆ มาช่วย แต่ก่อนจะด่วนไปถึงวิธีการ ต้องใช้วิจารณญาณกันก่อนค่ะ

วิเคราะห์สภาพเบื้องต้น

ก่อนจะเอาใครคนนั้นกลับมา ทั้งที่หลุดจากวงโคจรชีวิตเราไปแล้ว(แต่เรายังคงมูฟออนเป็นวงกลม) ไม่ใช่นึกจะไปตีหัวเข้าถ้ำหรือจุดธูปเรียกกันได้ง่าย ๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องเซฟตัวเราเองไว้ก่อนด้วยการตั้งคำถามต่อไปนี้

เขายังว่างไหม

อันนี้สำคัญที่สุด เพราะถ้าฝ่ายนั้นมีคนข้างกายอยู่แล้วเราจะลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดกันเรื่องศีลธรรมนะ(เพราะมันผิดแน่อยู่แล้ว) แต่เรามาดูผลกรรมที่จะตามมาเห็น ๆ นั่นคือความยุ่งยากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความลังเลของแฟนเก่าเรา หรืออาจต้องพบกับการคุกคามของแฟนใหม่เขา แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว ถ้าเขามีคนข้างกายอยู่ก็แนะนำว่าอย่าเข้าไปยุ่งเลยค่ะ

เอากลับมาทำไม

เหตุผลที่เอากลับมาก็ต้องดูด้วย เพราะบางทีเป็นเหตุผลที่ไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ อย่างเหตุผลต่อไปนี้

  • เหงา อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องหาใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ ถ้ากำลังคิดแบบนี้อยู่ล่ะก็ อย่าเพิ่งเอาใครกลับมา หรือแม้แต่คิดหาใครใหม่(แต่ในกรณีที่บังเอิญหาได้ให้เป็นเพื่อนกันไปก่อน) เพราะ “ความเหงา” ก็เหมือน “ความหิว” คือหน้ามืดตามัว เห็นอะไรก็คว้าใส่ปากก่อน ไม่รู้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดี รอให้สติกลับมาแล้วค่อยพิจารณาใหม่ดีกว่านะคะ
  • หวง คืออันที่จริงก็ไม่ได้รักหรอก แต่ทนไม่ได้เวลาเห็นเขาเอาอกเอาใจคนอื่น คิดว่าเขาเคยเป็นแฟนเราก็ต้องเป็นของเราตลอดไป เราไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้(นางร้ายไปเลย) แน่นอนว่านี่คือความเห็นแก่ตัว แต่สิ่งที่เราจะได้โดยตรงก็แค่ “เสียเวลา” ค่ะ เพราะหากไม่ได้ทำไปด้วยความรัก สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็จบไม่สวยอยู่ดี
  • อยากเอาชนะ ก็คล้าย ๆ กับหวง แต่อันนี้อาจเป็นการอยากเอาชนะผู้หญิงของเขา หรืออาจจะอยากเอาชนะแฟนเก่าเราเองก็ได้ ทำนองว่า “เธอกล้าทิ้งฉันไป ฉันก็จะเอาเธอคืนมาให้ได้” เหมือนเป็นการแก้แค้นอย่างนั้น ถ้ามีเวลาไปคิดแผนแก้แค้นแฟนเก่าขนาดนี้ ควรจะเอาเวลาไปคิดเรื่องงานดีกว่าค่ะ

เลิกกันเพราะอะไร?

มาถึงข้อนี้อย่าเพิ่งเอะอะว่า “จะต้องไปคิดเรื่องอดีตทำไม ชีวิตก็ต้องอยู่กับปัจจุบันสิ! ” เพราะสาเหตุบางอย่างที่เป็นปัญหานั้นไม่สามารถแก้ไขได้ หากกลับมาคบกันก็จะเกิดปัญหาเดิม ๆ อีก แต่ถ้าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือมาจากเหตุไม่สมควรเลิกก็ยังพอน่าลุ้นให้รีเทิร์น ส่วนสองสาเหตุที่ไม่ควรเอาเขากลับมาก็คือ

  • ชอบยืมเงิน ถ้าผู้ชายยืมเงินหรือขอเงินผู้หญิงเป็นประจำนี่ไม่ใช่แล้วล่ะ ถ้าแมนจริง ๆ เขาจะละอายมาก ๆ และถ้าเราโดนยืมไปแล้วหลายครั้งบอกได้เลยว่านิสัยนี้แก้ยาก ถ้าเอากลับมาก็เหมือนเดิมอีก บางคนไม่ยืมตรง ๆ แต่ใช้วิธีพูดลอย ๆ อ้อม ๆ ประมาณว่า “สิ้นเดือนนี้ยังไม่รู้จะเอาที่ไหนไปจ่ายค่าเช่าห้องเลย” และพยายามพูดบ่อย ๆ ประกอบกับทำหน้าตาน่าสงสาร เอาเป็นว่าถ้าเรามีเงินแบบพร้อมเปย์ก็ไม่ไร แต่เงินหมดเมื่อไหร่เขาก็พร้อมไปเหมือนกันค่ะ
  • ชอบทำร้ายร่างกาย อันนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ควรให้โอกาสเขาอีกเลย เพราะผู้ชายดี ๆ เขาจะไม่ทำร้ายผู้หญิงอย่างเด็ดขาด แต่ถ้าเขาทำได้นั่นหมายความว่าวุฒิภาวะทางอารมณ์ของเขาไม่ดีและไม่น่าไว้ใจเลย จริงอยู่เขาอาจเสียใจที่ทำลงไป แต่ตอนที่ลงมือนั้นเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ อยู่กับคนแบบนี้อันตรายมากค่ะ

ข้อดีข้อเสีย

ตอบตามความจริงว่าถ้าเอาเขากลับมาจะมีข้อดีหรือข้อเสียมากกว่ากัน ต้องแน่ใจว่าที่เอากลับมาคือ “เขาคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม” หรือว่าเอา “ตัวอะไร” กลับมา Get นะสาว ๆ

ข้อห้ามเมื่อต้องการให้แฟนเก่ากลับมา

เมื่อวิเคราะห์สภาพเบื้องต้นแล้วเห็นสมควรว่าน่าจะลองลุ้น ก็อย่าเพิ่งผลีผลาม มาดูข้อห้ามกันก่อนจะได้ไม่เผลอทำลงไปนะคะ

ห้ามตามจิก

เพิ่งเลิกกันเมื่อวาน วันนี้ทั้งโทรทั้งแชตไปแล้ว 30 รอบ มันน่ากลัวไปไหม นอกจากจะไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว ผู้ชายก็อยากจะชิ่งหนี อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่การติดตามทวงหนี้ ไม่ต้องเยอะเบอร์นั้นก็ได้ สงบใจก่อนจ้า

ห้ามดราม่าออกสื่อ

ประเภทสเตตัสน่าสงสาร คร่ำครวญหวนไห้ เรียกร้องความเห็นใจจากสังคม หรือไม่ก็ด่าประชดลอย ๆ ออกๆ ไปล้วนแต่เป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารักเลย เพราะจะทำให้ดูน่าสมเพชมากกว่า อย่าหาทำ! ถ้าไม่อยากโดนดราม่าซ้ำจากเพื่อน ๆ นะคะ

ห้ามตามรังควานบุคคลที่สาม

“บุคคลที่สาม” ที่ว่านี้อาจจะเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อน ๆ ของเขา เพราะบุคคลเหล่านี้ก็ลำบากใจในการตอบคำถามหรือฟังเราคร่ำครวญเช่นกัน เวลาคนอกหักมักจะรำพันวนลูปรีรันหลายรอบ หนักเข้าคนเขาจะหนีและไม่เป็นกองเชียร์ให้เรานะคะ ทางที่ดีเรื่องของเรากับแฟนต้องเคลียร์กันเองดีที่สุดค่ะ

วิธีทำให้เขากลับมา

รักษาระยะห่าง 21 วัน

อย่าเพิ่งโวยวายว่า “ทำไม่ได้! จะลงแดง! ” แต่เพื่อความสำเร็จก็ต้องทำค่ะ เพราะการทิ้งระยะห่างจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นขึ้น และสามารถทบทวนตัวเองได้มากขึ้น จะได้รู้ข้อเสียของตัวเองด้วย แต่สาว ๆ หลายคนอาจกังวลว่าถ้าเว้นระยะห่างขนาดนี้แล้วเขาจะไม่ไปมีคนใหม่เหรอ? ก็จะได้รู้ไปเลยค่ะว่าระยะเวลาแค่นี้ก็มีใหม่ได้ เราสมควรเอาเขากลับมาไหม ปกติถ้ายังมีเยื่อใยกันอยู่จริง ๆ เวลาแค่นี้ก็ยังไม่ทิ้งเราหรอกค่ะ

ล้างพิษจิตใจ

ช่วงรักษาระยะห่างนี่ไม่ได้ให้ฟังเพลงอกหัก หรือนอนกอดหมอนน้ำตารินทั้งวันเหมือนนางเอกนิยายนะคะ คุยระบายกับเพื่อนสนิทให้หนำใจ จะฟูมฟายอะไรเอาให้หมดภายใน 3 วัน จากนั้นหาอะไรทำที่ผ่อนคลายเปลี่ยนอารมณ์ ไปเที่ยว ไปกิน ไปนวดสปา หรือหาซีรีส์สนุก ๆ ดู หลีกเลี่ยงเรื่องดราม่าน้ำตาท่วมจอนะคะ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปในทางบวกให้มากที่สุด เข้าใจนะคะว่ามันต้องแอบมีน้ำตาเล็ดบ้าง แต่อย่าให้ถึงขั้นฟูมฟายจนทำลายหน้าที่การงานและสุขภาพก็พอค่ะ

เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง

หากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทำ เช่น ลงเรียนภาษาใหม่ หรือลองทำอาหารที่ไม่เคยลอง พยายามหาแรงบันดาลใจ ที่สำคัญต้องทำตัวให้สวยดูดีกว่าเดิม ออกกำลังกายให้หุ่นปัง บำรุงผิว และแต่ถ้าไม่ไหวอาจต้องให้เพื่อนช่วยบิวท์นิดนึง คิดไว้เสมอว่านี่เรากำลังทำเพื่อให้แฟนเก่ากลับมา เอ้า! สู้ ๆ

โพสต์ความสุขลงโซเชียล

ถ้าจะโพสต์ลงสื่อโซเขียลก็ให้โพสต์ชีวิตที่ปกติดีมีความสุข แสดงถึงความเข้มแข็งน่าภาคภูมิใจ ผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิงฟูมฟายออกสื่อ แต่ในทางกลับกันหากเราโพสต์ความสุข(ห้ามใส่แค็ปชั่นกระแนะกระแหนชาวบ้านนะ) เขาจะยิ่งเอะใจว่า “เอ๊ะ! นี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? ” เผลอ ๆ ผู้ชายจะเรียกร้องความสนใจจากเราเอง (เหนือชั้นไหมล่ะ555) แต่ถ้ายังไม่พ้น 21 วันห้ามโต้ตอบเด็ดขาด เดี๋ยวจะง่ายเกิน เพราะคราวนี้เราต้องการผู้ชายดีมีคุณภาพกลับมา แต่ถ้าเขาไม่ใช่คุณค่าที่คุณคู่ควร เขาจะถอยไปเอง อย่างไรก็ตามหากใครที่ไม่ชอบเล่นโซเชียลก็มีความสุขเงียบ ๆ ไปก็ได้ ไม่ต้องฝืนหน้าระรื่นขึ้นโพสต์ หรือพยายามจะมีความสุขโชว์สื่อนะคะ เพราะมันจะดูไม่เนียนค่ะ

หันกลับมามองตัวเอง

ทีนี้ล่ะพออารมณ์เข้าที่เข้าทางแล้วก็กลับมาพิจารณาตัวเองสักหน่อย การเลิกรากันย่อมไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง(แต่ถ้าแน่ใจว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขาคนเดียวก็ปล่อยไปเถอะค่ะ ไม่ต้องง้อแล้ว) เราทุกคนหากมีความทุกข์ใด ๆ เกิดขึ้นในใจ นั่นหมายความว่าเราต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบเรื่องนั้นด้วย ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบว่าใครผิดมากกว่าหรือน้อยกว่า เอาเป็นว่าเรารับผิดชอบในส่วนของเราก็พอ

ยกตัวอย่างนะคะ เช่น ถ้าเขาเป็นคนไม่โรแมนติก ไม่เคยจำวันเกิดเราได้ ไม่พาไปกินอาหารร้านสวย ๆ จนทำให้เราไม่พอใจ เราต้องย้อนกลับมาดูว่าเขาเป็นของเขาอย่างนี้มาตั้งนานแล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นนิสัยของเขาอยู่แล้วเราก็ต้องปรับตัวรับให้ได้ เขาจำวันเกิดเราไม่ได้ก็เตือนทุกปีไม่เห็นเป็นไร อยากไปกินอะไรโรแมนติกก็พูดจาดี ๆ กับเขา หรือพาเขาไปเลยก็ได้

แต่ถ้าเขาเมื่อก่อนเขาเคยสวีทจี๋จ๋าเอาใจ แต่ตอนหลังเริ่มจืดจางห่างเหิน อันนี้ก็ต้องดูว่าเราไปทำอะไรให้เขารึเปล่า เพราะบางเรื่องผู้หญิงเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำให้ผู้ชายเหลือทน สาว ๆ บางคนเวลาโกรธอาละวาด ขึ้นเสียงด่าทอ ประชดประชันตัดบทประมาณว่า “เออ! ฉันผิดเอง พอใจรึยังล่ะ!”คำพูดแบบนี้ก็แค่ปิดปากให้อีกฝ่ายเถียงไม่ได้ แถมยังกินใจซ้ำ ๆ และปัญหาเดิม ๆ ก็ยังคงอยู่ อีกทั้งยังพอกพูนไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งความอดทนเขาขาดลงจึงไม่มีความสวีทอีกต่อไป

ถ้ารู้ข้อเสียของตัวเองแล้วแก้ไข คนที่จะได้ประโยชน์คนแรกก็คือเราเองนี่แหละที่จะเป็นคนน่ารักขึ้นและมีความสุขด้วย จนบางทีอาจจะไม่ได้สนใจแล้วว่าแฟนเก่าจะกลับมาหรือไม่ เพราะเราเติมเต็มความสุขและคุณค่าให้ตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นคนที่จะเข้ามาต้องเป็นคนที่คู่ควรกับคุณค่าของเราเท่านั้น

ความรักที่ดีต้องเกิดจากการรักตัวเองให้เป็นก่อน จึงจะสามารถรักผู้อื่นได้อย่างถูกวิธี ถ้าหวังเพียงจะให้ใครมาเติมเต็มเพราะเราขาด เท่ากับเราเอาทั้งชีวิตไปฝากไว้ให้คนอื่นจัดการ ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์เลือกที่จะทิ้งเราไปเมื่อไหร่ก็ได้ และวันนั้นเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย

ความรักที่ดีไม่ใช่การให้ใครมาเติมเต็ม แต่เป็นการที่คนสองคนที่มีหัวใจพร้อมสมบูรณ์มาจูงมือเดินไปด้วยกัน และมอบความรู้สึกดี ๆ ให้กันอย่างเต็มใจค่ะ

dragonflydays

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: