ADVERTISEMENT
ใครบ้างเอ่ยที่ขาดเสียงเพลงไม่ได้เลย ยกมือขึ้นให้เห็นหน่อยเร็ว! ถ้าชีวิตนี้คุณขาดเสียงเพลงไม่ได้จริง ๆ Huapood.com ขอแนะนำแอพฟังเพลง บริการสตรีมมิ่งเพลงยอดฮิตทั้ง 7 แอพ ที่แต่ละแอพมีฟีเจอร์เด่น ๆ เพียบ ไม่ว่าคุณจะใช้ iOS หรือ android ก็พร้อมให้คุณโหลดมาใช้งาน!
ตารางเปรียบเทียบแอพฟังเพลง
#1
สปอทิฟาย
Spotify
Spotify คือแอพสตรีมมิ่งเพลงระดับโลกที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะมีเพลงให้เลือกทั้งไทย เพลงต่างประเทศ และยังมีเพลงอินดี้อีกเล็กน้อย มาพร้อมระบบวิเคราะห์ช่วยเลือกเพลงชั้นเลิศ เพราะช่วยเลือกเพลงได้โดนใจผู้ใช้มามากมาย!
ความแตกต่างระหว่างฟรีและพรีเมี่ยม
ฟรี
- ฟังไม่ได้ทุกเพลง
- มีโฆษณา และมีค่อนข้างเยอะ
- สุ่มเล่นเพลงให้ เลือกเองไม่ได้
- กดข้ามเพลงได้ 6 ครั้งใน 1 ชั่วโมง
พรีเมี่ยม
- ไม่มีโฆษณา
- กดข้ามเพลงที่ไม่ชอบได้ตลอดเวลา ไม่จำกัดครั้ง
- ดาวน์โหลดเพลงฟังแบบออฟไลน์ได้
- คุณภาพเสียงดีกว่า
ค่าบริการแบบพรีเมี่ยม
- ทดลองฟรี 1 เดือน
- บุคคล 129 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว (Family) 199 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 6 คน มีเพลย์ลิสต์แบบครอบครัว แต่ผู้ปกครองจะเข้าไปดูได้ว่าคนในบ้านฟังเพลงอะไรบ้าง อาจไม่เป็นส่วนตัวมากเท่าไร
ข้อดี
#2
จุกซ์
JOOX
สายเพลงไทยต้องเลิฟ JOOX เพราะแอพนี้อัดแน่นไปด้วยเพลงไทย ทั้งไทยสากลและไทยลูกทุ่งเลยละค่ะ ยังไม่พอ ยังมีเพลงสากล ญี่ปุ่น เกาหลี เพลงไหนที่ว่าฮิต เพลงไหนที่ว่าดัง รวมอยู่ที่นี่แล้ว
ความแตกต่างระหว่างฟรีและ VIP
ฟรี
- ฟังเพลงได้จำกัด
- อัพเดตเพลงใหม่ช้า ต้องรอสักระยะถึงจะฟังได้ โดยเฉพาะเพลงสากล
- มีโฆษณา
- คุณภาพเสียงต่ำ
VIP
- ฟังได้ทุกเพลง ไม่จำกัด กว่า 5 ล้านเพลง
- ฟังเพลงใหม่ ๆ ได้ทันทีไม่ต้องรอ
- ไม่มีโฆษณา
- ดาวน์โหลดเพลงเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ได้
- คุณภาพดีกว่า ระดับ HI-FI
ค่าบริการแบบ VIP
- แชร์เพลงจากแอพ JOOX ไปยังโซเชียลมีเดียเพื่อรับสิทธิ์ VIP แบบ 1 วัน
- บุคคล 99 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว (Family) 139 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 3 คน
ข้อดี
#3
แอปเปิ้ล มิวสิก
Apple Music
Apple Music คือบริการสตรีมมิ่งเพลงจาก Apple ซึ่งไม่ว่าเพื่อน ๆ จะใช้ iPhone หรือมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ก็สามารถใช้บริการได้นะคะ ไม่ได้จำกัดว่าต้องใช้ระบบ iOS เท่านั้น
Apple Music มีจุดเด่นที่จำนวนเพลงกว่า 60 ล้านเพลง มีหลายแนวเพลง ทั้งเพลงสากลทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ที่สำคัญเลยคือเพลงไทยเยอะมากกกกกกก โดยเฉพาะเพลงยุค 80 และ 90 ใครที่เรียกตัวว่าวันรุ่นยุค 90 ต้องรัก Apple Music แน่นอน!
ค่าบริการ
- ทดลองฟรี 3 เดือน
- นักศึกษา 69 บาทต่อเดือน
- บุคคล 129 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว 199 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 6 คนต่อ 1 บัญชี แยกบัญชีเพลงส่วนตัวสำหรับแต่ละคนในครอบครัว
ข้อดี
#4
ยูทูบ มิวสิก
YouTube Music
เพื่อน ๆ หลายคงเคยใช้ YouTube ใช่มั้ยคะ YouTube Music คือแอพใหม่จาก YouTube ที่จะเลือกเฉพาะเพลงและมิวสิกวิดีโอจาก Youtube มาให้เท่านั้น อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องจะโผล่มากวนใจคุณ
YouTube Music มีความพิเศษกว่าตรงที่สามารถปิดหน้าจอขณะฟังเพลงได้ ไม่เหมือนกับ YouTube ปกติที่ทำไม่ได้ ปิดหน้าจอหรือเปิดแอพอื่นเมื่อไหร่ แอพ YouTube ก็จะหยุดเล่นไปเลย
ค่าบริการ
- ทดลองฟรี 1 เดือน
- นักศึกษา เฉพาะ YouTube Music 65 บาทต่อเดือน / รวม YouTube Premium 95 บาทต่อเดือน
- บุคคล เฉพาะ YouTube Music 129 บาทต่อเดือน / รวม YouTube Premium 159 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว เฉพาะ YouTube Music 199 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 5 คน / รวม YouTube Premium 239 บาทต่อเดือน
ข้อดี
#5
ไทดัล
Tidal
Tidal อาจจะเป็นแอพสตรีมมิ่งเพลงที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยสักเท่าไร เพราะแทบไม่มีเพลงไทยเลย แต่หากว่าเพื่อน ๆ เป็นแฟนเพลงสากลคงรัก Tidal มาก ๆ แน่
ยิ่งไปกว่านั้น Tidal สร้างโดยกลุ่มนักดนตรีเพื่อดูแลกลุ่มนักดนตรีด้วยกันเอง โดยผู้ริเริ่มก็คือ Jay Z และเพื่อน ๆ จึงทำให้รายได้กลับคืนสู่นักดนตรีโดยตรง จึงเลือกทำให้คุณภาพเสียงออกมาดีที่สุด และยังทำเพลย์ลิสต์จากทีมผู้เชี่ยวชาญและหลงใหลในเสียงเพลงจริง ๆ เท่านั้นยังไม่พอเพราะบางครั้งศิลปินจะทำเพลงพิเศษให้ที่นี่ที่เดียวหรือทำเพลย์ลิสต์เองด้วย
ค่าบริการ
- ทดลองฟรี 1 เดือน
พรีเมี่ยม (คุณภาพเสียงไม่สูงมาก)
- บุคคล 129 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว 194 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 5 คน
HiFi คุณภาพเสียงแบบจัดเต็ม ไม่บีบอัดไฟล์
- บุคคล 258 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว 387 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 5 คน
ข้อดี
#6
ดีเซอร์
Deezer
Deezer คือบริการสตรีมมิ่งเพลงที่ผู้ใช้จะมีหน้าโปรไฟล์ส่วนตัวของคุณเอง เพื่อแสดงข้อมูลเพลงใหม่ ๆ หรือข่าวสารเกี่ยวกับศิลปินที่คุณชื่นชอบ และยังให้คุณแชร์เพลงโปรดไปยังหน้าโปรไฟล์เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ด้วย แต่ฟังอย่างเดียวอาจไม่พอนะคะ เพราะแอพจะแสดงเนื้อเพลงไปด้วย ให้คุณได้รู้ความหมายของเพลงที่ฟังอยู่ หรือคุณจะร้องตามเหมือนเป็นคาราโอเกะก็ไม่ผิดแต่อย่างใด
ความแตกต่างระหว่างฟรีและพรีเมี่ยม
ฟรี
- มีโฆษณา
- กดข้ามเพลงได้แค่ 6 ครั้งต่อเดือน
- ฟังแบบออฟไลน์ได้
พรีเมี่ยม
- ไม่มีโฆษณาให้รำคาญใจ
- กดข้ามเพลงได้ไม่จำกัด
- มีแผนพรีเมี่ยมพิเศษที่คุณภาพเสียงสูงกว่าแบบธรรมดาให้เลือก
- ฟังแบบออฟไลน์ได้
ค่าบริการแบบพรีเมี่ยม
- ทดลองฟรี 1 เดือน
- บุคคล 129 บาทต่อเดือน
- ครอบครัว (Family) 129 บาทต่อเดือน ใช้ได้ 6 คน
- บุคคลแบบ Deezer HiFi 258 บาทต่อเดือน ได้ฟังเสียงคุณภาพสูงสุด
ข้อดี
#7
ฟังใจ
Fungjai
Fungjai คือแอพสตรีมมิ่งเพลงสัญชาติไทยแท้ ๆ และฟังได้ฟรี 100% สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนศิลปินไทยอินดี้ หากว่าเพื่อน ๆ ชอบเพลงนอกกระแส แอพ Fungjai ก็คงถูกใจมากแน่ ๆ
เพลย์ลิสต์ของ Fungjai มีให้เลือกหลายสไตล์มาก ทั้งตามอารมณ์ แนวเพลง ตามธีม หรือตามโอกาสต่าง ๆ เช่น ฟังสบาย 101 อยู่คนเดียวก็ไม่เป็นไร โรคระบาด แต่ละชื่อช่างโดนใจเหลือเกิน
ค่าบริการ
- ฟรี
ข้อดี
อ่านจบแล้วก็อยากโหลดทุกแอพมาลองใช้เลยใช่มั้ยคะ ถ้าเลือกไม่ถูกจริง ๆ ลองโหลดมาใช้ทุกแอพเลยก็ได้ เพราะหลายแอพมีช่วงเวลาให้ลองใช้ฟรีอย่างต่ำ 1 เดือน ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นมากเลยค่ะ ดังนั้นเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์นะคะ จะได้ฟังเพลงอย่างแฮปปี้มีความสุขที่สุด!