ADVERTISEMENT
นอกจากรถไฟฟ้า (BTS) รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ก็เป็นอีกหนึ่งในยานพาหนะหลักที่คนใช้เดินทางในเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพฯ ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อาจมีโอกาสใช้ MRT วันนี้เราขอมาอัพเดท รูปแบบ ราคาบัตร และค่าโดยสาร รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ในปี 2564 ให้ทุกคนได้ทราบกัน
ตารางเปรียบเทียบค่าโดยสาร
ทั่วไป นักเรียน ผู้สูงอายุ และเด็ก ในปี 2564
(1 ม.ค. 2564 – 2 ก.ค. 2565)
บัตร MRT นั้น นอกเหนือจากเหรียญโดยสาร ที่ใช้สำหรับการเดินทางเที่ยวเดียวแล้ว จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท นั่นคือ บัตร MRT เติมเงิน, บัตรโดยสารธุรกิจ, และบัตร MRT Plus Park & Ride ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ขึ้นมา รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) นั้นจะยังไม่ออกบัตรเหมาเที่ยว รายเดือน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงเราจะมาอัพเดทให้ทันที
#1
บัตร MRT เติมเงิน
บัตร MRT เติมเงิน นั้นคือบัตรประเภทที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ บัตรบุคคลทั่วไป (Adult Card), บัตรนักเรียน นักศึกษา (Student Card), บัตรผู้สูงอายุ (Elder Card) และ บัตรเด็ก (Child Card) ซึ่งความแตกต่างของแต่ละบัตรจะอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ที่ลดจากอัตราค่าโดยสารปกติต่อเที่ยวการเดินทาง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการสมัครหรือออกบัตรครั้งแรกของทุกประเภทบัตรจะเหมือนกัน ซึ่งค่าออกบัตรจะอยู่ที่ 180 บาท (แบ่งออกเป็น เงินในบัตรเพื่อใช้จ่ายในการเดินทาง 100 บาท + ค่ามัดจำบัตร 50 บาท + ค่าธรรมเนียมออกบัตร 30 บาท) บัตร MRT แบบเติมเงินนี้จะมีอายุขัยถึง 2 ปี เริ่มนับจากการใช้เดินทาง หรือเติมเงินครั้งสุดท้าย
-
บัตร MRT บุคคลทั่วไป (Adult Card)
อัตราการคิดค่าโดยสาร
- คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
เงื่อนไขการสมัคร/ออกบัตร
- บุคคลทั่วไป ใครๆก็สามารถสมัครได้
- สามารถซื้อ/ออกบัตรได้ทุกช่องจำหน่ายตั๋วของแต่ละสถานี
-
บัตร MRT นักเรียน นักศึกษา (Student Card)
อัตราการคิดค่าโดยสาร
- ลด 10% จากอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง
เงื่อนไขการสมัคร/ออกบัตร
- นักเรียน นักศึกษา อายุไม่เกิน 23 ปี
- ต้องใช้บัตรนักเรียน นักศึกษาคู่กับบัตรประชาชนในการออกบัตร
- สามารถซื้อ/ออกบัตรได้ทุกช่องจำหน่ายตั๋วของแต่ละสถานี
-
บัตร MRT ผู้สูงอายุ (Elder Card)
อัตราการคิดค่าโดยสาร
- ลด 50% จากอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง
เงื่อนไขการสมัคร/ออกบัตร
- ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
- ต้องใช้บัตรประชาชน หรือบัตรอื่นๆที่ทางราชการออกให้
- สามารถซื้อ/ออกบัตรได้ทุกช่องจำหน่ายตั๋วของแต่ละสถานี
-
บัตร MRT เด็ก (Child Card)
อัตราการคิดค่าโดยสาร
- ลด 50% จากอัตราค่าโดยสารตามระยะทาง
เงื่อนไขการสมัคร/ออกบัตร
- เด็กมีอายุต่ำกว่า 14 ปี และสูงไม่เกิน 91 – 120 ซม.
- สามารถซื้อ/ออกบัตรได้ทุกช่องจำหน่ายตั๋วของแต่ละสถานี
สิทธิพิเศษ
ฟรีค่าโดยสาร สำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 14 ปี และมีความสูงต่ำกว่า 90 ซม.
#2
บัตรโดยสารธุรกิจ
บัตรประเภทนี้คุณจะสามารถครอบครองได้ก็ต่อเมื่อทางองค์กรของคุณนั้นเป็นผู้ออกบัตรให้ ซึ่งทางองค์กรจะต้องออกบัตรเป็นจำนวนมากกับทาง BEM บัตรประเภทนี้จะสามารถใช้ได้กับ MRT สายสีฟ้าและสายสีม่วง สามารถเติมเงินสดได้ตั้งแต่ 100 บาท – 10,000 บาท และสามารถออกแบบหน้าบัตรใหม่ได้ อย่างไรก็ตามบัตรโดยสารธุรกิจ ไม่สามารถถอนเงินคืนได้
#3
บัตร MRT Plus Park & Ride
บัตร MRT Plus Park & Ride คือ บัตรจอดรถที่สามารถนำไปใช้โดยสารรถไฟฟ้าได้ ซึ่งผู้ใช้บัตรจะได้รับบัตรทางเข้าอาคารจอดรถสถานีรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ใช้โดยสารรถไฟฟ้าในอัตราปกติ และชำระเมื่อนำรถออกจากอาคาร
การคืนเงิน / คืนบัตร MRT
หากคุณต้องการเงินมัดจำบัตรคืน (50 บาท) หรือต้องการเงินที่เหลืออยู่ในบัตรคืน คุณสามารถเลือกที่จะคืนบัตร MRT ได้ที่ช่องจำหน่าตั๋วของทุกสถานี ซึ่งเงื่อนไขในการคืนบัตรนั้นจะมีดังนี้
- บัตรจะต้องใช้งานได้ปกติ
- บัตรจะต้องมีสภาพเดิมตอนแรกรับให้ได้มากที่สุด (ไม่มีรอยถลอก ไม่มีสติกเกอร์ ไม่มีรอยดำ)
- เลขบัตรด้านหลังจะต้องอยู่ครบถ้วน ไม่มีหลุดลอก
(กรณีที่เงินในบัตรคงเหลือ เกิน 300 บาท ทาง MRT จะคืนเงินโดยการโอนเข้าผ่านบัญชีธนาคาร แต่หากคงเหลือไม่เกิน 299 บาท คุณจะสามารถรับเงินคืนเป็นเงินสดจากสถานีได้เลย)
เป็นอย่างไรกันบ้าง? หากคุณกำลังคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทางในกรุงเทพฯ อยู่ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่มากก็น้อยนะ อย่างไรก็ตามจงจำไว้ว่า หากคุณใช้บัตรผิดประเภท เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด คุณอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมสูงถึง 20 เท่าของอัตราค่าโดยสาร ณ เวลานั้นๆเลยนะ!