รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร มีหลักการอย่างไร

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือ

เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นับว่ามีความสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้คนนปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนเมื่อไม่สามารถหมุนเงินได้ทัน หรือขาดเงินก้อนในการซื้อสินค้าที่ต้องการก็มักพึ่งพาบริการทางการเงินอย่างบัตรเครดิตแทน ซึ่งหลายครั้งเมื่อใช้ไปมาก ๆ ก็ทำให้เกิดปัญหาหมุนเงินไม่ทัน จึงต้องมีการจัดระเบียการใช้เงินบัตรเครดิตขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกกันว่าการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นั่นเอง

หากคุณทราบอยู่แล้วว่า รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คืออะไร และกำลังเปรียบเทียบสินเชื่อปิดบัตรเครดิตของธนาคารต่างๆอยู่ เราขอแนะนำบทความ : 7 สินเชื่อปิดบัตรเครดิต รีไฟแนนซ์ ธนาคารไหนดี ในปี 2562

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คืออะไร?

การ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินใด ๆ เพื่อให้ได้เงินมาชำระหนี้บัตรเครดิตที่ค้างอยู่ให้หมดไป เปรียบเทียบได้กับการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้ถือบัตรเสียใหม่ เป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรลดภาระอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตได้ดี ทั้งยังสามารถเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระให้นานขึ้นได้อีกด้วย จึงเป็นวิธีการบริหารการเงินที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ถือบัตรเครดิตได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นหากเจ้าของบัตรเครดิตเลือกทำ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ก็จะได้รับประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยที่ลดลง เพราะยอดหนี้ที่มีลักษณะเป็นเบี้ยหัวแตกถูกรวบรวมให้กลายเป็นเงินก้อนเดียว ทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกรวมเป็นก้อนเดียว เป็นการลดภาระทางการเงินได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มระยะเวลาที่ต้องผ่อนชำระในอีกทางหนึ่งด้วย จึงเป็นวิธีการที่มีประโยชน์ต่อเจ้าของบัตรเครดิตเป็นอย่างมาก เกิดเป็นสภาพคล่องทางการเงินให้มากขึ้น แม้ว่าเจ้าของบัตรเครดิตจะมีรายได้เท่าเดิมก็ตาม หลายครั้งการทำรีไฟแนนซ์ยังช่วยเพิ่มแต้มสะสมการใช้บัตรเครดิตได้อีกด้วย ยิ่งในปัจจุบันหลายสถาบันทางการเงินต่างก็มีข้อเสนอโปรโมชั่นที่ดีให้กับผู้ที่สนใจก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสลดภาระทางการเงินที่ส่งผลดีต่อผู้ถือบัตรเครดิตเป็นอย่างมาก

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือ
รูป รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

ทำไมควรใช้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต?

เมื่อทราบวิธีการตามรายละเอียดที่ได้กล่าวมาแล้ว ผู้ถือบัตรเครดิตทุก ๆ ท่านคงทราบดีแล้วว่าการรีไฟแนนซ์นั้นมีวิธีการอย่างไร แต่ก็ยังเกิดความไม่แน่ใจว่าจะทำการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดีหรือไม่ จึงขอบอกเหตุผลที่ทำให้การรีไฟแนนซ์ส่งผลดีต่อชีวิตของผู้ถือบัตรเครดิตตามรายละเอียด ดังนี้

  1. เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

แม้ว่าบัตรเครดิตจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นเพื่อให้การใช้เงินของผู้ถือบัตรมีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถจับจ่ายซื้อของได้แม้ว่าจะมีเงินสดไม่เพียงพอ แต่หากใช้มากเกินไปก็มักก่อให้เกิดหนี้สะสมจนกลายเป็นภาระทางการเงินที่สะสมมากเนความสามารถของผู้ถือบัตร ทำให้วิธีการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต กลายเป็นวิธีการที่เพิ่มความคล่องตัวทางการเงินให้มากกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี

  1. ลดความเครียดของผู้ถือบัตรเครดิต

เมื่อบัตรเครดิตที่ใช้งานอยู่ก่อหนี้ให้กับผู้ถือบัตรเป็นจำนวนมาก ๆ จนเกินกำลังทางการเงิน ก็ย่อมก่อให้เกิดความเครียดให้กับผู้ถือบัตรเครดิตได้ ยิ่งกลายเป็นภาระทางการเงินแบบชัดหน้าไม่ถึงหลัง ก็ยิ่งก่อความเครียดได้มาก วิธีการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จึงนับเป็นทางออกทางการเงินที่ช่วยลดความเครียดให้กับผู้ถือบัตรเครดิตๆได้เป็นอย่างดี

  1. การบริหารจัดการหนี้บัตรเครดิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เนื่องจากการใช้บัตรเครดิตบางครั้งเกิดจากการใช้จ่ายหลาย ๆ ครั้งรวมกัน เมื่อสะสมหลาย ๆ ครั้งเข้าก็กลายสภาพเป็นเบี้ยหัวแตกยากต่อการควบคุม แต่เมื่อเริ่มต้นการชำระหนี้สินบัตรเครดิตด้วยวิธีการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ซึ่งจะรวบรวมหนี้สินบัตรเครดิตทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นก้อนเดียว ก็จะเป็นการช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถจัดสรรเงินทองและเวลามาจัดการหนี้สินเพียงก้อนเดียวนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี

  1. คะแนนเครดิตที่เพิ่มมากขึ้น

คะแนนเครดิตคือโปรโมชั่นที่ธนาคารผู้ให้บริการมีให้กับผู้ถือบัตรเครดิต โดยมักพิจารณาจากความสามารถในการจัดการหนี้สินของผู้ถือบัตร ซึ่งเมื่อจัดการหนี้สินด้วยการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ก็จะช่วยให้คะแนนบัตรเครดิตของผู้ถือบัตรเพิ่มสูงขึ้นได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้ผู้ถือบัตรควรเลือกทำการรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้สิทธิประโยชน์ที่ดีตามที่กล่าวมาแล้วนั่นเอง

  1. ภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิตมีแนวโน้มลดลง

ผู้ถือบัตรเครดิตหลาย ๆ คนมักประสบปัญหากับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่สูงเกินความสามารถในการจัดการ แต่เมื่อทำการ รีไฟแนนซืบัตรเครดิต ก็จะทำให้หนี้สินต่าง ๆ ถูกรวบรวมให้กลายเป็นก้อนเดียว ซึ่งเมื่อเลือกใช้บริการรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ก็จะเป็นการช่วยลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตได้เป็นอย่างดี

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคือ
รูป รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเหมาะกับใคร?

  1. มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำ

การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำอาจเป็นข้อดี เพราะไม่ต้องลุ้นก็ได้เงินเดือนเข้ากระเป๋าอย่างแน่นอน แต่การเป็นมนุษย์เงินเดือนก็อาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างเพราะเท่ากับว่าจะไม่มีรายรับใด ๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีก ซึ่งเมื่อผู้มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ประจำเหล่านี้เกิดภาระหนี้สินจากบัตรเครดิตเป็นจำนวนมาก ๆ ก็มักไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการเงินมาจัดการกับภาระหนี้สินบัตรเครดิตเหล่านั้นได้ ยิ่งในระหว่างนั้นเกิดความจำเป็นต้องใช้เงินสดไม่ว่าจะเป็นค่าเทอมลูก ค่าทำประกันภัยรถยนต์ หรือภาระหนี้สินใด ๆ ที่จำเป็นก็ยิ่งเป็นการยากที่มนุษย์เงินเดือนเหล่านั้นจะสามารถจัดการกับหนี้บัตรเครดิตได้ แต่เมื่อเลือกทำ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ที่สามารถเลือกระยะเวลาและจำนวนในการผ่อนชำระให้เหมาะสมกับรายรับของมนุษย์เงินเดือนได้ จึงเป็นวิธีการแบ่งเบาภาระหนี้สินที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนเป็นอย่างมาก

  1. ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว

เมื่อกล่าวถึงการมีธุรกิจเป็นของตนเองนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนเฝ้าฝันถึง ยิ่งหนุ่มสาวยุคใหม่ที่กำลังไฟแรง มีความพร้อมเข้าสู่สนามการแข่งขันทางธุรกิจกันอย่างเต็มที่ ก็ยิ่งทำให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่ขึ้นมามากมาย แต่การจะประกอบธุรกิจใด ๆ ก็ตามล้วนต้องการเงินมาหมุนเวียนธุรกิจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งบัตรเครดิจก็นับว่าเป็นทางออกทางการเงินที่ดีให้กับเจ้าของกิจการได้เป็นอย่างดี และเมื่อเกิดภาวะเงินขาดมือไม่สามารถจัดการกับหนี้บัตรเครดิตได้ทัน การ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ก็นับเป็นวิธีการที่ช่วยให้เจ้าของกิจการมีสภาพคล่องทางการเงินได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้เป็นอย่างดี หลายคนอาจกลายเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันได้อีกด้วย

  1. ผู้ที่ประกอบอาชีพเป็น Freelance

อาชีพ Freelance นั้นกลายเป็นอาชีพที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกันมาก เพราะเป็นอาชีพที่มีอิสระในการทำงาน ผู้ประกอบอาชีพสามารถกำหนดเวลาทำงานได้ด้วยตนเอง พร้อมเลือกค่าแรงที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง แต่การบริหารการเงินให้มีความคล่องตัวอยู่เสมอก็อาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นบัตรเครดิตจึงนับเป็นทางออกที่สามารถช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินได้เป็นอย่างดี และเมื่อมีหนี้สินมากเกินกำลังก็ยังสามารถเลือก รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เพื่อจัดการกับภาระหนี้สินได้อีกด้วย

วิธี

วิธีเตรียมตัวและขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
(ทำให้การรีไฟแนนซ์เป็นเรื่องง่ายขึ้น)

  1. การเตรียมข้อมูลทางการเงินให้พร้อ

ก่อนดำเนินการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ควรเริ่มตั้งแต่การรวบรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดให้กลายเป็นก้อนเดียว โดยหนี้สินที่นำมารวบรวมนั้นต้องไม่ลืมในส่วนของดอกเบี้ยทั้งหมดที่ค้างชำระ หรือเป็นภาระผูกพันที่จะต้องชำระ และเมื่อจะทำการขอควรพิจารณาเงินส่วนที่ควรจะขอเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เผื่อเกิดภาวะช็อตไม่สามารถหมุนเงินได้ทันจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้แทนไปก่อน

  1. ข้อมูลจากทางธนาคาร

เมื่อทราบวงเงินที่ต้องใช้เพื่อการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต แล้ว ผู้สนใจควรพิจารณาเลือกธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด หรือให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่นานเพียงพอ เพื่อเป็นการชะลอภาระหนี้ หรือเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ถือบัตร ซึ่งธนาคารที่เน้นคุณภาพจะเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ให้ลูกค้าได้พิจารณาเลือกได้อย่างเต็มที่ และการรีไฟแนนซ์นั้นไม่จำเป็นต้องทำกับธนาคารเจ้าของบัตรเท่านั้น สามารถเลือกใช้บริการจากธนาคารอื่น ๆ ที่ข้อเสนอดีที่สุดได้เลย เมื่อเตรียมการดังที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นที่เรียบร้อยก็เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมทำเอกสารสัญญาได้เลย

  1. เอกสารหลักฐานที่ต้องส่งมอบให้กับทางธนาคาร

เนื่องจากการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นั้น เป็นการขอสินเชื่อเพื่อนำมาชำระหนี้บัตรเครดิต ผู้ที่จะขออนุมัติได้จึงต้องมีบัตรเครดิตเสียก่อน และพร้อมกันนี้ทางธนาคารจะพิจารณาหลักฐานรายได้ขอผู้ขอ ซึ่งจะพิจารณาแยกเป็น 2 อาชีพได้แก่

3.1 ผู้สนใจที่มีรายได้ประจำ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือนบริษัทเอกชน ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจ จะต้องใช้หลักฐานเพื่อการขอรีไฟแนนซ์ดังต่อไปนี้

  • สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการหรือบัตรเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาสลิปเงินเดือนควรเตรียมมาย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน (แต่บางธนาคารอาจขอสำเนาสลิปเงินเดือนย้อนหลังมากกว่านี้)
  • กรณีไม่มีสลิปเงินเดือนสามารถใช้หนังสือรับรองเงินเดือนแทนได้ แต่รายละเอียดที่ระบุในเอกสารับรองจะต้องรวมทั้ง อัตราเงินเดือนปัจจุบัน ตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ และอายุในการทำงาน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากเพื่อแสดงถึงจำนวนเงินเดือนที่รับเข้า โดยเป็นยอดรับเข้าย้อนหลังประมาณ 3 – 6 เดือน ซึ่งจะขึ้นกับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
  • สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกของธนาคารที่จะใช้เพื่อการขอ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ต้องมีรายละเอียดชัดเจนไม่ว่าจะเป็นชื่อบัญชี เลขที่บัญชี ชื่อธนาคารและสาขา

3.2 ผู้สนใจที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือประกอบอาชีพอิสระ

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาหนังสือรับรองบริษัท ควรมีอายุการรับรองไม่นานเกิน 3 เดือน
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
  • สำเนาหลักฐานบริษัทที่ออกโดยกรมทะเบียนการค้า
  • สำเนาบัญชีเงินฝากที่แสดงถึงรายรับของบริษัทย้อนหลังไม่น้อยกว่า 6 เดือน
  • สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกของธนาคารที่จะใช้เพื่อการขอ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ต้องมีรายละเอียดชัดเจนไม่ว่าจะเป็นชื่อบัญชี เลขที่บัญชี ชื่อธนาคารและสาขา
  1. การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร

เมื่อเตรียมเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เจ้าของบัตรเครดิตก็พร้อมที่จะเข้าประสานงานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอสินเชื่อได้เลย และก่อนที่จะเซ็นต์สัญญาใด ๆ ในเอกสารรีไฟแนนซ์ควรอ่านรายละเอียด ข้อกำหนด หรือข้อยกเว้นต่าง ๆ ให้ดีเสียก่อนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาภายหลังได้ และเมื่อสมัคร รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต พร้อมส่งเอกสารต่าง ๆ ไปจนครบถ้วนแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่เจ้าหน้าที่ธนาคารจะติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนำไปประกอบการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ได้

สรุป 5 เคล็ดลับ การทำรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

  1. การรวบรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดที่มีอยู่

เพื่อให้การ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต มีประสิทธิภาพมากที่สุด เจ้าของบัตรเครดิตควรรวบรวมหนี้ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันให้หมด วิธีนี้จะช่วยให้เจ้าของบัตรเครดิตทราบว่าตนเองมีภาระหนี้อยู่มากน้อยเท่าไร ซึ่งข้อมูลที่รวบรวมมาควรรวมถึงระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตที่มีอยู่เอาไว้ด้วย หลักการนี้จะช่วยให้เจ้าของบัตรเครดิตทราบวงเงินทั้งหมดที่ต้องการรีไฟแนนซ์ เพื่อนำมากำหนดรูปแบบการรีไฟแนนซ์ที่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือบัตรที่มากที่สุดนั่นเอง

  1. การกำหนดรูปแบบการผ่อนชำระ

เนื่องจากการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นั้น ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้บริการกับสถาบันการเงินของบัตรเครดิตเดิม ผู้สนใจจึงสามารถพิจารณาเลือกแผนผ่อนชำระที่ดีกับตนเองมากที่สุดได้ ซึ่งตามหลักการที่ดีแล้วควรพิจารณาว่าแผนการรีไฟแนนซ์ของสถาบันการเงินใดเหมาะสมกับรายได้ของตนเอง ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับระยะเวลาที่ทำการผ่อนชำระด้วย เพื่อให้การรีไฟแนนซ์นั้นไม่ก่อภาระทางการเงินตามมาภายหลังนั่นเอง

  1. ตรวจสอบสัญญาข้อผูกมัดของบัตรเครดิต

แม้ว่าการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต จะเป็นวิธีการที่ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้ดี แต่ก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าบัตรเครดิตนั้น ๆ มีสัญญาใด ๆ ผูกมัดอยู่หรือไม่ บางกรณีอาจมีค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับที่ระบุเอาไว้ในสัญญาการกู้ยืมเงินผ่านบัตรเครดิต แต่ในบางกรณีก็สามารถต่อรองได้ จึงควรพิจารณาสัญญาผูกมัดนี้ให้ดีเสียก่อน เพื่อความคุ้มค่าที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยหรือระยะเวลาในการผ่อนชำระ

  1. การตั้งวงเงินแบบเผื่อเหลือเผื่อขาด

หลักการในข้อนี้มักเป็นสิ่งที่ถูกละเลยเมื่อต้องการรีไฟแนนซ์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการขอรีไฟแนนซืในจำนวนเงินที่พอดีเกินไปก็อาจไม่เพียงพอกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังต้องผ่อนชำระอยู่ได้ ดังนั้นผู้ที่สนใจจึงควรพิจารณาขอรีไฟแนนซ์มากกว่าวงเงินที่ต้องการสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรมากเกินไปเพราะจะกลายเป็นภาระทางการเงินในภายหลังได้

  1. ตรวจสอบเอกสารสัญญาให้ดี

หลักการสุดท้ายก่อนทำการ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นั่นก็คือการตรวจสอบเอกสารสัญญาการรีไฟแนนซ์ให้ดีนั่นเอง เพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ว่าตรงตามเงื่อนไขที่ต้องการหรือไม่ อย่าชะล่าใจไม่อ่านรายละเอียดให้ดีโดยเด็ดขาด เพราะอาจกลายเป็นเงื่อนไขที่ผูกมัดผู้ทำสัญญารีไฟแนนซ์ในระยะยาวได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเซ็นเอกสารสัญญาการรีไฟแนนซืครั้งใด ๆ อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดในเอกสารสัญญาให้ดี

หากได้อ่านบทความนี้แล้ว อยากรู้ว่ารีไฟแนนซ์ธนาคารไหนดีในปี 2562 ขอแนะนำบทความ : 7 สินเชื่อปิดบัตรเครดิต รีไฟแนนซ์ ธนาคารไหนดี ในปี 2562

เชื่อได้ว่าหากผู้ที่สนใจ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดำเนินการตามหลักการ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ พร้อมเลือกใช้บริการจากธนาคารที่มีเงื่อนไขที่ดีแล้ว เจ้าของบัตรเครดิตทุก ๆ ท่านย่อมจะได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ เกิดสภาพคล่องทางการเงิน และสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เป็นภาระอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องไม่ลืมว่าการรีไฟแนนซืนั้นเป็นเพียงวิธีการในการชะลอหนี้เท่านั้น เพราะหนี้สินที่มีนั้นยังคงอยู่อย่างครบถ้วน หากไม่สามารถจัดการภาระหนี้สินในส่วนนี้ได้ก็ไม่ควรหาภาระหนี้สินอื่น ๆ เพิ่มเติมมาเป็นภาระของตนเองอีกต่อไป

หากถูกใจอย่าลืม กดแชร์!
Tags: , , ,