ADVERTISEMENT
การเลี้ยงสัตว์ช่วยให้คลายความเหงาไปได้ ผู้สูงอายุหลายคนจึงชอบที่จะเลี้ยงสัตว์ สัตว์เลี้ยงมักเป็นเพื่อนที่ที่ดีสุดของมนุษย์ มีความซื่อสัตย์โดยเฉพาะ แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่เข้ากับคนง่าย มีความเฉลียวฉลาด ขี้อ้อนมักชอบมาคลอเคลียอยู่กับเจ้าของ แต่การเลี้ยงแมวสักหนึ่งตัวนั้น มีองค์ประกอบหลายๆอย่าง เพราะหากเราเลี้ยงแมวแล้วเราก็ต้องให้ความรัก ความเอาใจใส่ ไม่ปล่อยปละละเลย ให้เป็นภาระของคนอื่น ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่น สถานที่ เวลา ค่าใช้จ่าย รวมถึงต้องรู้จักวิธีการเลี้ยง วิธีการฝึก เพื่อที่แมวของคุณจะได้เป็นแมวที่ฉลาดเลี้ยงง่าย
หากคุณมั่นใจว่าจะเลี้ยงแมวอย่างแน่นอนแล้ว! เรามี 10 พันธุ์แมว น่ารัก เลี้ยงง่าย แสนรู้ นิสัยดี มาแนะนำให้ทราบ!
ปัจจัยที่ควรคำนึงก่อนเลี้ยงแมว
-
สถานที่
สถานที่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นลำดับต้นๆ ก่อนคิดที่จะเลี้ยงสัตว์แทบทุกชนิดเนื่องจากสัตว์เลี้ยงต้องการบริเวณในการวิ่ง หากไม่มีบริเวณเลยอาจทำให้เครียด ดังนั้นหากเป็นคอนโด ห้องแถว บ้านเช่า ที่มีสถานที่คับแคบหรือมีผู้คนอยู่อาศัยเยอะ กลิ่นจากการขับถ่ายของแมวก็จะไปรับกวนคนอื่น ทำให้ผู้อื่นเกิดความเดือดร้อน หากเป็นเช่นนี้คงไม่ดีแน่ๆ
-
อุปกรณ์การเลี้ยงแมว
การเลี้ยงแมวต้องมีอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมพร้อม คือกระบะใส่ทรายสำหรับให้แมวขับถ่าย เพื่อให้แมวขับถ่ายเป็นที่ไม่เรี่ยราด เพื่อความสะดวกในการนำไปทิ้ง นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อื่นๆตามงบประมาณของแต่ละคน เช่น ถาดใส่อาหารแมว แชมพู แปรงหวีขนแมว น้ำยาเช็ดหูแมว ที่นอนแมว ปลอกคอแมว ของเล่นแมว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของเลยค่ะ
-
การกินของแมว
อาหารแมวควรเลือกอาหารตามวัยของแมว แมวเด็ก แมวโต หรือแมวป่วย อาหารแมวก็มีหลายรูปแบบทั้งแบบเม็ด แบบน้ำ หรือแบบปรุงเอง การให้อาหารแมวก็แล้วแต่ความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละคน บางคนอาจให้อาหารแมวแบบอิสระคือมีอาหารอยู่ในถาดอาหารตลอดเวลาแมวจะกินเวลาไหนก็ได้ หรืออาจให้อาหารตามเวลาเพื่อควบคุมการกินอาหารของแมวเหมาะสำหรับเจ้าของที่อยู่บ้านตลอดเวลา
-
เวลา
สัตว์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ เมื่อคุณมีความต้องใจที่จะเลี้ยงแล้วก็ควรที่จะต้องมีเวลาดูแลเอาใจใส่ เพราะการเลี้ยงสัตว์คุณต้องไปเลี้ยงไปนานหลายปี ดังนั้นก่อนที่จะเลี้ยงให้คิดดีก่อน
-
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแมวก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงไม่ว่า จะเป็นอาหารแมว ค่าวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ หรือหากป่วยก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษา การรักษาของสัตว์นั้นขอบอกเลยว่าไม่ต่างจากคนเลยค่ะแถมไม่มีสิทธิ์รักษาฟรีซะด้วย
-
สายพันธ์
แมวแต่ละสายพันธ์จะมีลักษณะนิสัยที่ต่างกัน หากคุณเลือกแมวสายพันธุ์ไหนก็ควรศึกษาอุปนิสัยของมัน ให้ดี
-
ปรึกษาคนในครอบครัวและประวัติโรคประจำตัวของผู้เลี้ยง
การรับสัตว์เข้ามาเลี้ยงในบ้านควรปรึกษาคนในครอบครัวให้ดีเพราะบางคนชอบบางคนอาจจะไม่ชอบ หรือบ้านไหนที่คนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ การเลี้ยงแมวอาจเป็นสิ่งที่ไม่สมควรมากนักเนื่องจากแมวจะมีขนที่ล่วงอยู่ตลอดเวลา ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้กำเริบขึ้นมาได้
-
เตรียมใจ
แน่นอนว่าการเลี้ยงแมวคุณจะต้องทำใจไว้เลยว่าจะต้องเจอกันขนแมวติดเสื้อผ้า หรือขนแมวฟุ้งกระจาย ยิ่งหากปล่อยแบบอิสระไม่ได้มีที่พักแยกต่างหากแล้วรับรองว่าแมวจะต้องขีดข่วนเฟอร์นิเจอร์ของคุณจนเป็นรอยเนื่องจากแมวมีนิสัยชอบฝนเล็บ จุดนี้คุณต้องเตรียมความพร้อมไว้ให้ดี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกเช่น การทำหมัน หรือการออกลูกของแมวตัวเมียเนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่ท้องง่ายมาก
10 วิธีเลี้ยงแมว
-
การให้น้ำและอาหาร
การให้อาหารแมวควรให้อาหารตามช่วงวัย ส่วนใหญ่แล้วจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วงวัย คือ
- ลูกแมว ควรให้อาหารลูกเมื่ออายุประมาณ 2 เดือน โดยเริ่มนั้นอาจให้อาหารเม็ดของลูกแมวผสมกับน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ไม่แข็งมากจนเกิน เมื่อแมวเริ่มคุ้นเคยกับอาหารเม็ดแล้วจึงเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ดอย่างเดียว การให้อาหารควรแบ่งมื้อน้อยๆ 3มื้อต่อวัน
- แมวโต เมื่อแมวเริ่มโตขึ้นก็เปลี่ยนชนิดอาหารเป็นแบบของแมวโต ซึ่งอาหารนั้นก็มีหลายรูปแบบ คือ แบบเม็ด แบบเนื้อ หรืออาจลองเปลี่ยนเป็นให้อาหารปรุงเองก็ได้ แต่ไม่ควรให้แมวรับกินอาหารที่เค็มมากติดต่อกันเป็นเวลานาน และอาหารสำหรับแมวโต อาจให้เพียง 2 มื้อ
- แมวแก่ โดยทั่วไปแมวที่อายุมากกว่า10ปีขึ้นไปจะถือว่าเป็นแมวแก่ อาหารที่ให้สำหรับแมวแก่ควรต้องเป็นอาหารที่ ย่อยง่าย การให้อาหารแมวแก่ไม่ควรให้ในปริมาณมากเนื่องจากแมวแก่จะไม่ค่อยขยับตัว ซึ่งจะทำให้เกิดโรคอ้วนได้
- แมวท้อง สำหรับแมวท้องอาหารถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก ไม่ควรให้แมวท้องกินอาหารมากเกินไปจนอ้วนเพราะว่าจะทำให้คลอดลำบาก อาหารที่ให้ควรเน้นโปรตีน ไขมันต่ำ ในช่วง 6 อาทิตย์แรกให้อาหารเหมือนแมวโต หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ ก่อนที่จะคลอดควรให้อาหารเพิ่มขึ้นประมาณ10-20เปอร์เซ็นต์ เมื่อแมวใกล้คลอดจะเริ่มไม่กินอาหาร
-
พาแมวไปพบสัตว์แพทย์
การเลี้ยงแมวก็ไม่ต่างจากการเลี้ยงคนเท่าไหร่นัก เนื่องจากแมวก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ และรู้จักการเจ็บป่วยเหมือนกับคน ดังนั้นการพาแมวไปพบสัตว์แพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ เนื่องจากแมวไม่สามารถที่จะมาบอกเราได้มันรู้สึกอย่างไร ดังนั้นหากมันเกิดเจ็บป่วยเราจะไม่รู้เลย การไปพบสัตว์แพทย์เพื่อตรวจสุขภาพจะทำให้เราทราบว่าตอนนี้แมวเราป่วยหรือเปล่า เพื่อที่จะได้ดูแลควบคุมโรคได้อย่างถูกต้อง เพราะหากเป็นโรคแล้วมารักษาทีหลังอาจทำให้แมวตายและจะเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
-
การขับถ่ายของแมว
แมวเป็นสัตว์แสนรู้ แมวโดยทั่วไปแล้วจะสามารถที่จะหัดขับถ่ายได้เองเมื่ออายุประมาณ 1เดือนโดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมของแม่แมว แมวสามารถที่จะขับถ่ายเองตามขั้นตอนของมันโดยอาศัยตัวกระตุ้น จากกลิ่นดังนั้นการฝึกแมวขับถ่ายในกระบะทรายแรกๆที่แมวเริ่มอึไม่ควรตักทิ้งออกทั้งหมดให้เหลือกลิ่นไว้บ้างเพื่อเป็นการกระตุ้นให้แมวกลับมาขับถ่ายที่เดิม
-
ทำความสะอาดร่างกายแมว
ถึงแม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์ที่รักความสะอาด เลียขนตัวเองทุกวันแต่การอาบน้ำให้แมวก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากบางทีแมวก็ออกไปเล่นนอกบ้าน เปื้อนดิน เปื้อนโคลน มีกลิ่นเหม็น และอาจได้รับเชื้อโรคต่างๆจากนอกบ้านดังนั้นควรอาบน้ำให้แมวอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งหรืออาบได้เมื่อแมวสกปรกมาก แต่การอาบน้ำแมวควรฝึกตั้งแต่เล็กๆเพื่อไม่ให้แมวกลัวน้ำ
-
การแปรงขนแมว
โดยปกติแมวจะเลียขนของมันอยู่แล้ว แต่แมวบางสายพันธุ์ที่มีขนยาวๆการเลียขนอย่างเดียวอาจไม่ทั่วถึง เจ้าของจึงต้องใช้การแปรงขนช่วย การแปรงขนให้แปรงจากหัวมาถึงหาง หากมีสังกะตังให้ค่อยๆสางออกอย่างเบามืออาจให้ผ้าชุบน้ำอุ่นช่วยได้เพื่อให้ขนคลายตัว
-
ทำที่ฝนเล็บสำหรับแมว
การฝนเล็บเป็นสัญชาตญาณของแมว การที่แมวฝนเล็บนั้น อาจเกิดจากหลายปัจจัยดังนี้ เช่น เป็นการแสดงอาณาเขตเมื่อแมวฝนเล็บไว้ที่ใดจะทิ้งกลิ่นไว้ด้วย เป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อของแมว แมวจะรู้สึกดีเมื่อได้ฝนเล็บเพราะเมื่อฝนเล็บเล็บเก่าที่เสื่อมสภาพจะหลุดออกไปเล็บใหม่ที่มีความคมจะงอกออกมาแทนที่
-
การทำหมัน
หากคุณไม่ได้ต้องการที่จะเพาะพันธุ์แมว การทำหมันแมวก็เป็นสิ่งที่ดี การทำหมันแมวนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่แมวอายุ 4 เดือน ตัวเมียเมื่อทำหมันแล้วจะป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และปัญหาเกี่ยวกับมดลูกได้ และเมื่อทำหมันแล้วทั้งตัวเมียและตัวผู้แมวจะไม่ออกไปเที่ยวนอกบ้านทำให้ไม่ไปติดโรคจากแมวตัวอื่น
-
ป้ายคล้องคอ
ป้ายคล้องคอเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามา การที่แมวมีป้ายคล้องคอจะแสดงออกว่าแมวตัวนั้นมีเจ้าของไม่ใช่แมวจร ทางที่ดีเขียนชื่อเบอร์โทรเจ้าของไว้ด้วยก็จะดีเนื่องจากบางทีแมวหลงออกไปเที่ยวนอกบ้านกลับบ้านไม่ได้หลงไปอยู่บ้านใคร คนที่เจอจะได้แจ้งเจ้าของให้มารับได้
-
การฉีดวัคซีน
การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญมากที่ควรใส่ใจเป็นอันดับแรกๆเนื่องจากการฉีดวัคซีนให้กับแมวเป็นการป้องกันทั้งตัวแมวและตัวเจ้าของแมวด้วย วัคซีนแมวจะฉีดตามโปรแกรมเริ่มฉีดตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ วัคซีนใหญ่ๆแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- วัคซีนโรคหลัก : นั่นคือวัคซีนแมวที่จำเป็นจะต้องทำให้กับน้องแมวทุกตัว ได้แก่
วัคซีนรวมในแมว : โรคไข้หัด หวัดแมว , โรคระบบทางเดินหายใจ ช่องปากและตาอักเสบ
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
วัคซีนป้องกันโรคลิวคิเมียในแมว : ต้องตรวจเลือดก่อน หากไม่พบการติดเชื้อจึงจะทำวัคซีนได้ - วัคซีนโรคกลุ่มเสี่ยง : ฉีดวัคซีนแมวกลุ่มนี้ในแมวเสี่ยงติดโรค เช่น แมวที่เลี้ยงปล่อย หรือแมวที่ชอบทะเลาะกับแมวตัวอื่นเป็นประจำ เป็นต้นวัคซีนป้องกันโรคเอดส์แมว
วัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
-
การฝึกแมว
การฝึกแมวให้มีพฤติกรรมตามที่เจ้าของต้องการเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่แสนรู้ สามารถที่จดจำสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว การฝึกนั้นหากต้องการให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีควรฝึกตั้งแต่ยังเล็ก ในช่วงแรกๆเจ้าของอาจต้องมีความอดทนสักหน่อยแต่รับรองว่าทำได้ไม่ยากอย่างแน่นอน ในหัวข้อต่อไปเราจะอธิบายถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกแมว ให้ทุกท่านได้ทำตามกันได้ไม่ยากค่ะ
7 วิธีการฝึกแมวอย่างไรให้เชื่อง
-
ฝึกให้รู้จักชื่อตัวเอง
วิธีการฝึกให้แมวรู้จักชื่อตัวเองนั้น ทำได้โดยการเรียกชื่อแมวซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และควรให้รางวัลเมื่อแมวเดิน มาหา การฝึกเรียกชื่อนี้ ควรทำวันละไม่เกิน 2-3ครั้ง
-
ฝึกให้คุ้นเคยกับผู้อื่น
แมวบางตัวจะไม่คุ้นเคยกับคน เมื่อเจอคนแปลกหน้าจะวิ่งหนีทันที เนื่องจากกลัวว่าจะโดนทำร้าย การฝึกให้คุ้นเคยทำได้ง่ายมากเพียงคุณจับตัวเค้าบ่อยๆฝึกเรียกชื่อให้แมวจำชื่อตัวเองได้ เมื่อทำไปได้สักพักแมวจะเริ่มคุ้นเคยกับคนมากขึ้น บางทีอาจคุ้นเคยมากเกินไปด้วยซ้ำเนื่องจากแมวจะมีนิสัยขี้อ้อน ชอบให้คนเอาใจ โดยเฉพาะเวลามันหิวจะอ้อนมากเป็นพิเศษ
-
ฝึกการขับถ่าย
การฝึกการขับถ่ายแมวเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ได้มีบริเวณบ้านที่กว้างมาก การขับถ่ายเป็นที่เป็นทางเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ แมวเป็นสัตว์ที่แสนรู้ และมักมีนิสัยการขับถ่ายที่ดีอยู่แล้วจึงฝึกได้ไม่ยาก ดังนี้
- เข้าใจพฤติกรรมการขับถ่ายของแมว แมวจะสามารถควบคุมการขับได้เอง และเริ่มหาที่ขับถ่ายเองได้เมื่ออายุประมาณ 1 ปี ในช่วงแรกอาจสังเกตพฤติกรรมจากแม่แมว ร่วมกับการจำกลิ่นไว้
- การฝึกให้แมวขับถ่ายในกระบะทราย วิธีการควรฝึกตั้งแต่แมวยังเล็ก โดยการนำแมวมาที่กระบะเมื่อมันกินข้าวเสร็จในช่วงแรกๆมันอาจไม่ยอมอยู่ในกระบะ ก็ให้ปล่อยไปก่อนไม่ต้องรีบร้อน ทำแบบเรื่อยๆทุกวัน ในช่วงแรกแมวเด็กอาจอึไม่มากคุณไม่ควรตักทรายออกไปทิ้งทั้งหมดให้เหลือกลิ่นไว้บ้างเพื่อให้แมวจำกลิ่นได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึง สถานที่ ขนาดกระบะทราย ลักษณะของทราย เป็นต้น
-
ฝึกการกินอาหาร
การฝึกการกินอาหารให้เป็นเวลาเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากจะสามารถควบคุมปริมาณการกินได้ แมวโตควรให้กินวันละ 2 มื้อ คือ มื้อเช้า กับ มื้อดึก และควรให้เวลาเดิมทุกวันเพื่อให้แมวเกิดความคุ้นเคยกับเวลา และไม่อ้อนกินตลอดเวลา
-
ฝึกให้รู้จักการฝนเล็บ
การฝนเล็บเป็นสัญชาตญาณของแมวทุกตัว เพราะเป็นการแสดงอาณาเขต และเป็นการฝนเพื่อให้เล็บเก่าหลุดออก นอกจากนี้ยังเป็นการผ่อนคลายความเครียดของแมว การฝึกฝนเล็บสามารถทำได้ตั้งแต่เล็ก เมื่อคุณซื้อที่ฝนมาแรกๆแมวอาจไม่สนใจ แต่เมื่อนานๆไปจะสามารถทำได้ เมื่อทำได้ควรให้รางวัลเป็นการตอบแทน แมวจะได้กลับมาฝนที่เดิมอีกแต่ก็ควรเลือกที่ฝนเล็บที่เหมาะสมกับแมวด้วยนะคะ
-
ฝึกการอาบน้ำ
คุณสามารถฝึกการอาบน้ำให้แมวได้ตั้งแต่อายุประมาณ2เดือนเนื่องจากแมวเริ่มแข็งแรงมีภูมิต้านทาน การอาบน้ำแมวตั้งแต่ยังเล็กเพื่อให้แมวรู้สึกคุ้นเคยกับการอาบน้ำโดยไม่ต่อต้าน ในครั้งแรกคุณอาจเริ่มจับเท้าแมวจุ่มลงไปในน้ำก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆหย่อนตัวลงไป ใช้แชมพูสำหรับอาบน้ำแมวเท่านั้น ระวังอย่าให้แชมพูเข้าตา หลังจากนั้นล้างแชมพูออกให้หมด เช็ดและเป่าขนให้แห้ง อาจทำความสะอาดหูของแมวด้วยไม้พันสำลีเพื่อเช็ดสิ่งสกปรกออกจากรูหู
-
ฝึกการให้ปลอกคอและการใช้สายจูง
การฝึกใช้สายจูงกับแมวนั้นเป็นเรื่องที่ยากอยู่พอสมควร แมวจะชอบต่อการจูงโดยการนอนลงไม่เราจูง ดังนั้นในช่วงแรกๆคุณอาจคล้องสายจูงที่คอไว้แล้วปล่อยให้แมวเดินอย่างอิสระ หลังจากนั้นเมื่อแมวเริ่มคุ้นกับสายจูงแล้วจึงค่อยถือสายจูงเพื่อบังคับให้เดินตามเจ้าของได้
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการเป็นทาสแมว ไม่ง่ายเลยไหมคะ แต่หากคุณมีความพร้อม และมีใจรักสัตว์แล้วรับรองว่าไม่ยากอย่างแน่นอน เพราะแมวไม่ได้เป็นสัตว์ที่แอคทีฟมากเท่ากับสุนัขการฝึกแมวเป็นสิ่งที่ไม่ยากจนเกินไปอย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญกว่าการฝึกคือความรัก ความเอาใจใส่ที่มีต่อแมวของคุณ