ADVERTISEMENT
ในปี 2021 นี้ เป็นช่วงเวลาทองของการแข่งขันในแวดวงผู้ประกอบการด้านการจัดส่งอาหารอย่างแท้จริง เนื่องจากมีทั้งแชมป์เก่าเจ้าสังเวียนซึ่งวางรากฐานครอบครองตลาดด้านนี้มายาวนานหลายปี และเหล่าผู้ท้าชิงหน้าใหม่ซึ่งหวังผลทางธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ใครจะรุ่ง ใครจะร่วง ในวงการนี้ ติดตามอ่านกันต่อได้เลยที่นี่ กับ 6 แอพสั่งอาหารออนไลน์ (Food delivery) เจ้าไหนดีสุดในปี 2021 ?
ตารางเปรียบเทียบ บริการ Food Delivery
#1
แกร็บฟู้ด
(GRAB FOOD)
หนึ่งในบริการจาก GRAB Application ซึ่งจัดทำมาเพื่อเอาใจสายกินให้ได้ฟินโดยไม่จำเป็นต้องไปกินที่ร้าน เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2018 ครอบคลุมพื้นที่สำคัญในหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ โคราช พัทยา ภูเก็ต และพื้นที่อื่นๆรวมทั้งหมดกว่า 20 จังหวัด
สำหรับผู้ที่สนใจใช้แอพ Grab หรือใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะใช้สำหรับการเดินทางหรือสั่งอาหาร หากคุณต้องการประหยัด รับโปรโมชั่น ส่วนลดคะแนนสะสม หรือเครดิตเงินคืนเป็นประจำ เราขอแนะนำให้สมัครบัตรเครดิต Citi Grab เลย ซึ่งหากสมัครตอนนี้นอกจากสิทธิพิเศษต่างๆแล้ว คุณยังจะได้รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท + ส่วนลด Grab 2,000 บาท ทันทีเมื่อสมัครอีกด้วย ซึ่งหากคุณสนใจแล้วหล่ะก็สามารถดูรายละเอียดหรือสมัครได้ที่นี่
ค่าจัดส่งเริ่มต้น : 10 บาท (ในระยะทางรัศมี 5 กม.)
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด,บัตรเครดิต,GRAB Pay Wallet, การโอนเงิน ,หักจากบัญชีอัตโนมัติ
พื้นที่บริการ : 20 จังหวัด ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
ข้อดี
#2
โรบินฮู้ด
(Robinhood)
Food Delivery สัญชาติไทย ในเครือ SCB 10X ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแอปเพื่อคนตัวเล็ก Robinhood ช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านอาหารเล็กๆสามารถสร้างรายได้และเก็บกำไรได้มากขึ้นโดยไม่มีการเรียกเก็บ GP (ค่าใช้จ่ายที่ร้านอาหารต้องเสียให้กับแอปบริการส่งอาหาร) ทำให้แพลตฟอร์มของ Robinhood มีร้านอาหารเล็กๆ ขนาดที่ว่าผู้ใช้บริการอาจคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ณ ปัจจุบันมีร้านอาหารเข้าร่วมมากกว่า 16,000 ร้าน และกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ
ค่าจัดส่งเริ่มต้น : 55 บาท
ช่องทางการชำระเงิน : บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, SCB Easy
พื้นที่บริการ : กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และบางพื้นที่ในสมุทรสาคร นครปฐม
ข้อดี
#3
ไลน์แมน
(LINE MAN)
ไลน์แมน แอพพลิเคชั่นส่งอาหารยอดฮิตที่มีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมากกว่า 100,000 ร้านค้า อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการจัดส่งอาหารเพียง 0 บาทเท่านั้น ที่สำคัญคือเจ้านี้เขาขยันออกโปรโมชั่นมาเอาใจผู้ใช้บริการกันอย่างเมามันส์เลยทีเดียว ด้วยการใช้งานที่ง่าย ชำระค่าใช้จ่ายสะดวก บวกกับสิทธิ์ประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับ จึงถือว่าไลน์แมน เป็นแอพพลิเคชั่นแถวหน้าที่ควรค่าต่อการใช้บริการมากที่สุดเจ้าหนึ่งนั่นเอง
ค่าจัดส่งเริ่มต้น : เริ่มต้นค่าส่ง 0 บาท* (สำหรับร้านค้าในโครงการค่าส่ง 0 บาท) อัตราค่าส่งแปรผันตามระยะทาง
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, บัตรเครดิต, Rabbit LINE Pay
พื้นที่บริการ : 77 จังหวัดท่ัวประเทศไทย
ข้อดี
#4
สกู๊ตตาร์
(SKOOTAR)
Startup ฝีมือคนไทยที่กำลังไปได้สวยในขณะนี้ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลจากการประกวดมากมาย เปิดให้บริการด้านการจัดส่งอาหารมานานกว่า 2 ปี ส่งสินค้ารวดเร็วภายใน 45 นาที ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ที่สำคัญ Skootar ยังมีระบบพรีออเดอร์ที่ดี ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถตั้งเวลาสั่งสินค้าล่วงหน้า พร้อมส่งทุกเวลาอีกด้วย
ค่าจัดส่งเริ่มต้น : 10 บาท + ค่าขนส่งตามระยะทางจริง
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด,Skootar Wallet,Counter Service,พร้อมเพย์
พื้นที่บริการ : กรุงเทพและปริมณฑล
ข้อดี
#5
โกเจ็ก
(Gojek)
อีกหนึ่งผู้ประกอบการหน้าใหม่แห่งวงการส่งอาหารที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดโปรโมชั่น เนื่องจากค่ายนี้เขามีร้านอาหารดี เมนูเด็ด รวมถึงมีอาหารแบบเซ็ท ไว้ให้ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจในราคาเบาๆนั่นเอง
ค่าจัดส่งเริ่มต้น : 10 บาท + ค่าขนส่งตามระยะทางจริง
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด,โอนเงิน(แล้วแต่กรณี)
พื้นที่บริการ : กรุงเทพและปริมณฑล(บางจังหวัด) ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ข้อดี
#6
ฟู้ดแมน เดลิเวอรี่
(Food man Delivery)
แอพพลิเคชั่นจากเมืองเหนือ ถูกออกแบบมาเพื่อธุรกิจท้องถิ่น โดยรวบรวมสถานที่กินซึ่งมีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นไว้ให้ฟินกันมากมาย ปัจจุบันกำลังขยายสาขาออกไปในหลายพื้นที่เพื่อยกระดับการบริการให้ดีและมีคุณภาพยิ่งๆขึ้นไป ถือว่า Food man Delivery เป็นหนึ่งในแอพที่มีเสน่ห์แบบไทยๆ บริการน่าประทับใจเหมือนคนใกล้ตัว เพราะเราแอบรู้มาว่าเขามีบริการรับฝากหรือซื้อของใช้ระหว่างเส้นทางกันแบบฟรีๆโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติมอีกต่างหาก ถือว่าเป็นบริการเสริมที่สร้างความประทับใจและคืนกำไรให้ลูกค้าไปในตัวอีกด้วย
ค่าจัดส่งเริ่มต้น : ค่าส่งฟรีในรัศมี 7 กิโลเมตร
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด และ โอนเงิน
พื้นที่บริการ : 7 จังหวัด (น่าน,เชียงราย,ลำปาง,อุตรดิตถ์,ตาก,ระยอง และ สระบุรี)
ข้อดี
ทุกแอพพลิเคชั่นล้วนมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจสั่งอาหารเราจึงควรทำความเข้าใจรอบด้าน แล้วเลือกใช้บริการที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของเรา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับบริการและลดค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ไม่จำเป็นไปในตัว สุดท้ายนี้เราหวังว่าบทความ“6 แอพสั่งอาหารออนไลน์ (Food delivery) เจ้าไหนดีสุดในปี 2021 ?” จะช่วยให้ท่านเลือกใช้บริการเหล่านี้ได้อย่างเกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง